พระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชกาลที่ ๗

พระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชกาลที่ ๗

เป็นตรางา ลักษณะกลมรี  กว้าง ๕.๔ เซนติเมตร ยาว ๖.๗ เซนติเมตร รูปราวพาดพระแสงศร ๓ องค์ คือ พระแสงศรพรหมาสตร์  พระแสงศรอัคนีวาต พระแสงศรประลัยวาต  เบื้องบนมีรูปพระแสงจักรและพระแสงตรีศูลอยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฏ มีบังแทรกตั้งอยู่ ๒ ข้าง กับมีลายกนกแทรกอยู่ระหว่างพื้น  พระแสงศร 3 องค์นี้เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า ประชาธิปกศักดิเดชน์  ซึ่งมาจากความหมายของศัพท์วรรคสุดท้ายที่ว่าเดชน์ แปลว่า ลูกศร

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในต้นเอกสารสำคัญส่วนพระองค์ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน เช่น ใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในประกาสนียบัตรเหรียญรัตนาภรณ์ของพระองค์ เป็นต้น

พระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชกาลที่ ๖

พระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชกาลที่ ๖

เป็นตรางา  ลักษณะกลมรี  กว้าง ๕.๕ เซนติเมตร  ยาว ๖.๘ เซนติเมตร รูปวชิราวุธมีรัศมี  ประดิษฐานบนพานทองสองชั้น  ตั้งอยู่เหนือตั่ง  มีฉัตรบริวาร ๒ ข้าง  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า วชิราวุธ  ซึ่งหมายความถึงศัตราวุธของพระอินทร์

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในต้นเอกสารสำคัญส่วนพระองค์  ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเครื่องหมายราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์  กับใช้พระราชลัญจกรนี้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในประกาศนียบัตรเครื่องอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์  ตราวชิรมาลา  เหรียญรัตนาภรณ์ของพระองค์  นอกจากนี้โปรดเกล้าฯ ให้ใช้ปักเป็นธงเครื่องหมายประจำกองเสือป่า  ปักผ้าทิพย์หน้ามุขเด็จพลับพลาที่ประทับในงานพระราชพิธีต่าง ๆ  และเชิญประดิษฐานที่หน้าบันโรงเรียนวชิราวุธ เป็นต้น

พระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชการที่ ๕

พระราชลัญจกรประจำพระองค์รัชการที่ ๕

เป็นตรางา  ลักษณะกลมรี  ขนาดกว้าง ๕.๕ เซนติเมตร  ยาว ๖.๘ เซนติเมตร รูปพระเกี้ยวยอดมีรัศมี  ประดิษฐานบนพานทองสองชั้น  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า จุฬาลงกรณ์ ซึ่งแปลความหมายว่า เป็นศิราภรณ์ชนิดหนึ่งอย่างมงกุฎ  เคียงด้วยฉัตรบริวาร ๒ ข้าง  ที่ริมขอบทั้ง ๒ ขาง  มีพานทองสองชั้นวางพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรข้างหนึ่ง  วางสมุดตำราข้างหนึ่ง  พระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรและสมุดไทยนั้นเป็นการเจริญรอยจำลองจากพระราชลัญจกรของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซึ่งทรงเป็นพระบรมชนกนาถ

พระราชลัญจกรนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับใช้ประทับกำกับประปรมาภิไธยในต้นเอกสารสำคัญส่วนพระองค์  ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยราชการแผ่นดิน  เช่น  ใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในประกาศนียบัตรเหรียญรัตนาภรณ์ของพระองค์  ใช้ประทับในเงินพดด้วงและเหรียญกษาปณ์ซึ่งใช้ซื้อขาย ชำระหนี้  ใช้เป็นตราหน้าหมวกทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า  และเชิญประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถพระอารามหลวงที่ได้ทรงสร้างและทรงปฏิสังขรณ์ เช่น วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม หน้าบันพระที่นั่งทรงผนวช วัดเบญจมบพิตร เป็นต้น

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๔

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๔

เป็นตรางา  ลักษณะกลมรี รูปพระมหามงกุฏ  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า มงกุฏ  ซึ่งเป็นศิราภรณ์สำคัญของพระมหากษัตริย์  อยู่ในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์  มีฉัตรบริวาร ๒ ข้าง  ที่ริมขอบทั้ง ๒ ข้าง  มีพานทองสองชั้นวางพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรข้างหนึ่ง วางสมุดตำราข้างหนึ่ง  พระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรหมายถึงพระฉายาเมื่อทรงผนวชว่า วชิรญาณ  ส่วนสมุดตำราหมายถึงทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์และดาราศาสตร์

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  ใช้ประทับในเงินพดด้วงและเหรียญกษาปณ์สำหรับซื้อขาย ชำระหนี้  ในรัชกาลนี้เริ่มเชิญพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์  สลักรูปปั้นนูนประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถพระอารามหลวงที่ทรงสร้างหรือทรงปฏิสังขรณ์เป็นส่วนใหญ่  เช่น หน้าบันพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม  บานพระทวารประดับมุกพระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน ในพระบรมมหาราชวัง เป็นต้

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๓

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๓


เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปราสาท  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า ทับ หมายความว่า ที่อยู่ หรือ เรือน ดังนั้นจึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระราชลัญจกรเป็นรูปปราสาท

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับใช้ประทับในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  และมีปรากฎใช้ประทับในเงินพดด้วงสำหรับซื้อขาย ชำระหนี้

ครั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว  เมื่อได้มีการเชิญพระบรมอัฐิธาตุไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอนันตคุณ  อดุลยญาณบพิตร  พระประธานในพระอุโบสถวัดราชโอรสาราม  ซึ่งเป็นวัดที่พระองค์ทรงปฏิสังขรณ์และสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด  จึงได้สลักรูปปั้นนูนพระราชลัญจกรปราสาทประดิษฐานที่ผ้าทิพย์ด้วย

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๒

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๒


เป็นตรางา ลักษณะกลม  รูปครุฑจับนาค  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่าฉิม  ตามความหมายของวรรณคดีไทยคือพญาครุฑ  ดังนั้น จึงนำรูปครุฑจับนาคมาเป็นเครื่องหมายแทนพระปรมาภิไธยในพระราชลัญจกร

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใช้ประทับในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  และปรากฎมีใช้ประทับในเงินพดด้วงสำหรับซื้อขาย  ชำระหนี้

ครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคตแล้ว  ต่อมาได้มีการเชิญพระบรมอัฐิธาตุไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก  พระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม  ซึ่งมีตำนานกล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่  และพระเศียรพระประธานเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงปั้นตกแต่ง จึงได้สลักรูปปั้นนูนพระราชลัญจกรครุฑจับนาคประดิษฐานไว้ที่ผ้าทิพย์ด้วย

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๑

พระราชลัญจกร

เพลินพิศ  กำราญ

กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร

พระราชลัญจกรคือตราสำหรับพระมหากษัตริย์  ใช้ประทับในเอกสารสำคัญอันแสดงถึงพระราชอำนาจในการปกครองบริหารราชการแผ่นดิน  หรือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงเป็นพระประมุขของประเทศชาติ ผู้เขียนจึงได้รวบรวมลักษณะและความหมายของพระราชลัญจกรประจำพระองค์ไว้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาดังนี้

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๑

เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ อุ อยู่กลาง อุ มีลักษณะเป็นม้วนกลม  คล้ายลักษณะความหมายของพระปรมาภิไธยว่า ด้วง จึงใช้อักขระ อุ เป็นมงคลแก่พระปรมาภิไธย  และเพื่อความงดงามจึงล้อมรอบด้วยกลีบบัว  เพราะดอกบัวเป็นพฤกษชาติที่เป็นสิริมงคลของพระพุทธศาสนา

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใช้ประทับในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  และปรากฎมีใช้ประทับในเงินพดด้วงสำหรับซื้อขาย ชำระหนี้  ครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตแล้ว  ต่อมาเมื่อมีการเชิญพระบรมอัฐิธาตุไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธเทวปฏิมากรพระประธานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  จึงได้สลักรูปปั้นนูนพระราชลัญจกรปทุมอุณาโลมประดิษฐานที่ผ้าทิพย์ด้วย

“ซอสามสาย” สุดยอดแห่งซอ

ซอสามสาย


ในกระบวนซอของไทย   ซอสามสายนับว่าเป็นยอดของซอ  เพราะนอกจากจะสียากแล้ว  การทำซอก็ยาก  โดยเฉพาะกระโหลกซอต้องหาชนิดที่มีลักษณะพิเศษ

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดซอสามสายมาก   ได้ทรงประดิษฐ์ขึ้นคันหนึ่งพระราชทานนามว่า “สายฟ้าฟาด”  สวนของผู้ใดมีมะพร้าวที่ใช้ทำกระโหลกซอสามสายได้  ก็โปรดพระราชทานตราภูมิคุ้มห้ามไม่ต้องเสียภาษี