พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๔

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๔

เป็นตรางา  ลักษณะกลมรี รูปพระมหามงกุฏ  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า มงกุฏ  ซึ่งเป็นศิราภรณ์สำคัญของพระมหากษัตริย์  อยู่ในเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์  มีฉัตรบริวาร ๒ ข้าง  ที่ริมขอบทั้ง ๒ ข้าง  มีพานทองสองชั้นวางพระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรข้างหนึ่ง วางสมุดตำราข้างหนึ่ง  พระแว่นสุริยกานต์หรือเพชรหมายถึงพระฉายาเมื่อทรงผนวชว่า วชิรญาณ  ส่วนสมุดตำราหมายถึงทรงศึกษาเชี่ยวชาญในทางอักษรศาสตร์และดาราศาสตร์

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใช้ประทับกำกับพระปรมาภิไธยในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  ใช้ประทับในเงินพดด้วงและเหรียญกษาปณ์สำหรับซื้อขาย ชำระหนี้  ในรัชกาลนี้เริ่มเชิญพระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์  สลักรูปปั้นนูนประดิษฐานที่หน้าบันพระอุโบสถพระอารามหลวงที่ทรงสร้างหรือทรงปฏิสังขรณ์เป็นส่วนใหญ่  เช่น หน้าบันพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม  บานพระทวารประดับมุกพระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน ในพระบรมมหาราชวัง เป็นต้

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๓

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๓


เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปราสาท  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่า ทับ หมายความว่า ที่อยู่ หรือ เรือน ดังนั้นจึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระราชลัญจกรเป็นรูปปราสาท

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับใช้ประทับในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  และมีปรากฎใช้ประทับในเงินพดด้วงสำหรับซื้อขาย ชำระหนี้

ครั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้ว  เมื่อได้มีการเชิญพระบรมอัฐิธาตุไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธอนันตคุณ  อดุลยญาณบพิตร  พระประธานในพระอุโบสถวัดราชโอรสาราม  ซึ่งเป็นวัดที่พระองค์ทรงปฏิสังขรณ์และสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด  จึงได้สลักรูปปั้นนูนพระราชลัญจกรปราสาทประดิษฐานที่ผ้าทิพย์ด้วย

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๒

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๒


เป็นตรางา ลักษณะกลม  รูปครุฑจับนาค  เป็นสัญลักษณ์ของพระปรมาภิไธยว่าฉิม  ตามความหมายของวรรณคดีไทยคือพญาครุฑ  ดังนั้น จึงนำรูปครุฑจับนาคมาเป็นเครื่องหมายแทนพระปรมาภิไธยในพระราชลัญจกร

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใช้ประทับในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  และปรากฎมีใช้ประทับในเงินพดด้วงสำหรับซื้อขาย  ชำระหนี้

ครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคตแล้ว  ต่อมาได้มีการเชิญพระบรมอัฐิธาตุไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก  พระประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม  ซึ่งมีตำนานกล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่  และพระเศียรพระประธานเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงปั้นตกแต่ง จึงได้สลักรูปปั้นนูนพระราชลัญจกรครุฑจับนาคประดิษฐานไว้ที่ผ้าทิพย์ด้วย

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๑

พระราชลัญจกร

เพลินพิศ  กำราญ

กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร

พระราชลัญจกรคือตราสำหรับพระมหากษัตริย์  ใช้ประทับในเอกสารสำคัญอันแสดงถึงพระราชอำนาจในการปกครองบริหารราชการแผ่นดิน  หรือเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงเป็นพระประมุขของประเทศชาติ ผู้เขียนจึงได้รวบรวมลักษณะและความหมายของพระราชลัญจกรประจำพระองค์ไว้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาดังนี้

พระราชลัญจกรสำหรับแผ่นดินและประจำพระองค์รัชกาลที่ ๑

เป็นตรางา ลักษณะกลม รูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ อุ อยู่กลาง อุ มีลักษณะเป็นม้วนกลม  คล้ายลักษณะความหมายของพระปรมาภิไธยว่า ด้วง จึงใช้อักขระ อุ เป็นมงคลแก่พระปรมาภิไธย  และเพื่อความงดงามจึงล้อมรอบด้วยกลีบบัว  เพราะดอกบัวเป็นพฤกษชาติที่เป็นสิริมงคลของพระพุทธศาสนา

พระราชลัญจกรนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใช้ประทับในต้นเอกสารสำคัญทั้งทางราชการและส่วนพระองค์  และปรากฎมีใช้ประทับในเงินพดด้วงสำหรับซื้อขาย ชำระหนี้  ครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคตแล้ว  ต่อมาเมื่อมีการเชิญพระบรมอัฐิธาตุไปบรรจุที่ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธเทวปฏิมากรพระประธานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม  จึงได้สลักรูปปั้นนูนพระราชลัญจกรปทุมอุณาโลมประดิษฐานที่ผ้าทิพย์ด้วย