การตรวจ และรักษาโรคด้วยพลังจิต

Socail Like & Share

พลังจิต1การรักษาโรคด้วยอำนาจจิต มีการใช้ยาประกอบกับกำลังงานจิตบ้าง ใช้การนวดการจับเส้นโลหิต เส้นประสาทประกอบอำนาจจิตบ้าง ใช้กำลังงานจิตโดยตรงบ้าง จึงไม่น่าจะมีข้อสงสัยว่าเป็นไปไม่ได้เพราะข้าพเจ้าก็รับที่จะพิสูจน์ทดลองให้เห็นจริงอยู่แล้ว โปรดฟังคำพูดอย่าได้เข้าใจผิดหรือเล่าลือกันไปว่าข้าพเจ้าประกาศตัวเป็นหมอรักษาโรคหรือประกาศว่าพร้อมที่จะรักษาโรค ถ้าขืนเล่าลือกันเช่นนั้นอาจจะเป็นภัยอันใหญ่หลวงแก่ข้าพเจ้าเพราะความอิจฉาและกลัวผู้อื่นจะดีกว่า โปรด เข้าใจแต่เพียงว่า ถ้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เพื่อการค้นคว้าทดลอง ข้าพเจ้ายินดีจะรับใช้พิสูจน์ ทดลองและตอบปัญหาให้เห็นจริงว่า โรคที่ว่ารักษาไม่หายนั้นมีหลายอย่างที่รักษาได้ด้วยการลงทุนน้อย แต่หายได้เร็ว

วิธีตรวจโรคด้วยอำนาจจิต
๑. ใช้อำนาจจิตขั้นต้นประกอบกับอำนาจคุณพระ
๒. ใช้อำนาจจิตขั้นสูงและขั้นกลาง

การใช้อำนาจจิตขั้นต้นตรวจโรค
อาศัยการจับ การสัมผัสและการใช้เครื่องมือตรวจอย่างอื่นประกอบกับทำจิตให้นิ่ง ให้สงบเพื่อตัดสินอาการต่างๆ ว่าสรุปรวมเป็นโรคอะไรแน่ หรือรู้ว่าเป็นอะไรแน่แล้วก็ให้รู้รายละเอียดอย่างอื่นๆ เพิ่มขึ้นอีก เช่น จะรักษาให้หายด้วยวิธีใดเป็นต้น

การใช้อำนาจจิตขั้นกลางและขั้นสูง
วิธีนี้กระทำโดยการสร้างภาพขึ้น ซึ่งเรียกว่า มโนภาพ เมื่อจิตเข้าสู่สมาธิขั้นกลางก็จะมีมโนภาพที่ชัดเจนขึ้น ครั้นถึงสมาธิขั้นสูง ก็ยิ่งได้ภาพที่ชัดเจน และถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง การสร้างภาพขึ้นนี้ มีวิธีดำเนินการ หลายวิธีเป็นต้นว่า

๑. ทำจิตให้เป็นสมาธิแล้วย้ายจิตไปบริเวณที่เจ็บป่วย ตาคงหลับอยู่ แล้วสร้างภาพใหม่ขึ้นแทนส่วนนั้น เช่นเจ็บป่วยที่แขนก็สร้างภาพแขน หรือนึกภาพแขนนั้นขึ้นให้เห็นภาพทางใจซ้อนทับแขนจริง หรืออยู่ ประมาณที่แขนจริงนั้น แล้วพิจารณาอาการ

๒. เมื่อได้เห็นรูปร่างของคนเจ็บป่วย พอจำได้ทั้งรูปร่างและบริเวณเจ็บป่วยแล้ว ก็กลับบ้านไปทำการตรวจสอบด้วยการนั่งสมาธิ ส่วนมากนิยมทำเวลาดึกสงัด เพื่อให้ได้ผลแน่นอน ซึ่งมีวิธีการทำได้หลายอย่าง เช่น

ก. ทำนํ้ามนต์และเพ่งดูที่นํ้ามนต์บ้าง เพื่อให้เกิดภาพขึ้นเองโดยไม่ต้องใช้นํ้าบ้าง ซึ่งเรียกกันว่านั่งเทียนบ้าง, ยกเมฆบ้าง จะอย่างไรก็ตามคงใช้หลักอย่างเดียวกัน คือทำจิตให้สงบให้นิ่งแล้วสร้างภาพทางใจขึ้น

ข. ใช้กระจกเงาแผ่นเล็กถือไว้ที่มืออธิษฐาน ให้ภาพส่วนที่เจ็บไข้ของคนนั้น มาปรากฏแล้วหลับตาภาวนาให้ปรากฏภาพ แล้วตรวจภายใน และบริเวณที่เจ็บป่วย

๓. ใช้วิธีอธิษฐานประกอบอำนาจจิต เช่น เอาก้นเทียนจี้, นิ้วจี้, ถ้าเป็นโรคตรงใดให้ร้อนหรือให้เสียว เป็นต้น หรือใช้วิธีเรียกให้ปรากฏอาการออกมา จูงใจหรือบังคับให้เห็นโรคนั้นขึ้นให้ชัดเจนๆ

๔. ลองใช้รักษาด้วยอำนาจจิตดู หรือลองเพ่งด้วยจิตดู เช่นลองรดน้ำมนต์ดูโรคบางอย่างก็จะปรากฏอาการขึ้นเป็นต้นเช่นโรคที่ถูกของหรือมีวิญญาณมาแทรก

ถึงอย่างไรก็ดี เมื่อมีการคาบเกี่ยวไม่แน่ว่าจะเป็นอะไรก็ตัดสินเอาทางที่จะเป็นไปได้ใกล้เคียงที่สุดแล้วลองรักษาดูด้วยอำนาจจิต เพราะบางโรคก็รักษาให้เห็น ผลดี ในชั่วเวลาเพียง ๑๕ นาที ๒๐ นาที บางอย่างก็ เห็นผลชัดในระยะ ๓ วัน ๗ วัน

เพื่อให้เข้าใจง่าย ข้าพเจ้าจะได้ยกตัวอย่างการตรวจรักษาพร้อมด้วยวิจารณ์ข้อดีข้อบกพร่อง ในการรักษาตามแผนปัจจุบัน และการรักษาด้วยอำนาจจิตเป็นเรื่องๆ ไป

วิธีรักษาโรคด้วยอำนาจจิต
มีวิธีดำเนินการต่างๆ กันไปแล้วแต่อาจารย์ที่ค้นพบ และถ่ายวิชาให้ แต่ก็คงมีหลักสำคัญเหมือนกัน คือทำจิตให้สงบแล้วย้ายจิตไปยังบริเวณที่เจ็บป่วยหรือถ้าชำนาญขึ้นก็ตั้งจิตลงตรงที่เจ็บป่วยเลยทีเดียว แล้วถ่ายอำนาจจิตลงไปอย่างต่อเนื่อง วิธีดำเนินการก็เป็นไปตามหลักทั่วๆ ไปดังนี้คือ

๑. ตรวจสาเหตุและชนิดของโรค ตรวจอาการ เป็นไปของโรค เรื่องนี้ต้องรอบคอบและอาศัยความรู้ความชำนาญตลอดจนความรู้อื่นๆ ประกอบตามที่กล่าวมาแล้ว

๒. รักษาด้วยอำนาจจิตโดยตรง คือส่งอำนาจจิต ไปยังที่เจ็บป่วยโดยตรง หรือจูงให้คนไข้มีอำนาจจิต รักษาตัวเอง

๓. ถ่ายทอดอำนาจจิตลงสู่วัตถุอื่นหรือยา แล้วนำไปใช้รักษาโรค

๔. รักษาด้วยการสร้างรูปหรือสร้างภาพขึ้นแทน เช่น ใช้สร้างภาพทางใจดังที่กล่าวมาแล้วในวิธีตรวจโรคด้วยอำนาจจิตแล้วทำการรักษาไปยังบริเวณที่เป็นโรค หรือปั้นหุ่นแทนตัวกำหนดบริเวณที่เกิดโรค แล้วรักษา ต่อหุ่นแทนรักษาที่ตัวคนไข้ วิธีนี้ใช้รักษาทางไกลโดยไม่ต้องรักษาที่ตัวคนไข้โดยตรง หรือรักษาอยู่ใกล้คนไข้ แต่ไม่ส่งอำนาจจิตไปยังตัวคนไข้โดยตรง

๕. ใช้อำนาจจิตผสมกับวิธีอื่นๆ

ที่มา:ชม  สุคันธรัต