สอนวิชารูดโซ่ลุยไฟครบถ้วนแบบเก่า

Socail Like & Share

จะได้สอนวิชารูดโซ่ลุยไฟตามที่เรียนมาจากอาจารย์ ปลื้ม อาจารย์ไปล่ ซึ่งมีคำภาวนาเพียงสั้นๆ บทเดียวแต่ดับพิษร้อนได้ผลดีเช่นเดียวกัน

ก่อนที่จะทำการรูดโซ่ลุยไฟให้จัดพานบูชาดังนี้
พานที่ ๑ ใส่ดอกไม้ธูปเทียนและเงินบูชาครู ๖ บาท ใช้เทียน ๓ เล่ม บูชาครูโดยจุดธูป มือขวาถือธูปที่จุด พร้อมกับมือทั้งสองข้างยกพานที่มีค่าครูขึ้นกล่าวคำบูชา และอาราธนา ทำเหมือนกันทุกวิชา

พานที่ ๒ ใส่ใบพลู ๗ ใบ, ข้าวสาร ๑ กำมือ, ปูนแดงประมาณขนาดหัวแม่มือหรือโตกว่าบ้าง ปูนนี้ใช้ปูนที่ยังไม่ปนสีเสียดและอาจเอาปูนนี้ใส่บนใบพลูอีก ๑ ใบ, เหล้าขาว ๑ ขวด วางไว้นอกพาน เวลาปลุกเสกเอามือแตะบนใบพลู ข้าวสารและปูน เวลาภาวนาก็นึกภาพสิ่งที่จะเสกในพาน

ขันใส่นํ้า ๑ ใบ สำหรับทำนํ้ามนต์, โดยเอามือทั้งสองแตะข้างขันนํ้าทั้งสองข้างเพื่อให้รู้ขนาดผิวนํ้าที่จะส่งพลังจิตลงไปมือขวาใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือจับเทียนขี้ผึ้งแท้หนัก ๑ บาทที่จุดไฟไว้แล้วเพื่อให้นํ้าตาเทียนหยดลงนํ้าในขันให้กลายสภาพเป็นนํ้ามนต์ จะเสกของในพานก่อนหรือทำนํ้ามนต์ก่อนการเสกของในพานก็ได้ เทียนทำนํ้ามนต์เอาเทียนในพานที่ ๑

วิธีภาวนาเสกของในพานหรือทำนํ้ามนต์ให้ภาวนา ปล่อยพลังจิตลงโดยหลับตานึกภาพของที่จะเสก แล้วภาวนา ด้วยวิธีคาบผสมอัดใจ พอเริ่มเหนื่อยก็ภาวนาเป็นสมาธิสลับกันไป

เมื่อเสกของในพานและทำนํ้ามนต์เสร็จแล้วให้ อาโซ่เหล็กขนาด ๖ หุน หรือ ๔ หุน ยาวประมาณ ๑ เมตร เอาปลายข้างหนึ่งยาวประมาณครึ่งหนึ่งคือยาวครึ่งเมตร ขดลงบนเตาไฟที่มีถ่านไฟติดดีแล้ว โซ่ที่เหลืออีกครึ่งเมตรห้อยอยู่นอกเตาไฟมีห่วงร้อยที่ปลายเพื่อจับยกโซ่ขึ้นจากเตา

ผู้ที่เรียนทำครั้งแรกควรใช้ถ่านไฟไม่มากและโซ่เหล็กก็ใช้ขนาดเล็กเสียก่อน เริ่มต้นโดยอาราธนาคุณพระและครูอาจารย์มาช่วยดับพิษร้อนของโซ่เหล็กให้หมดไป ต่อไปเริ่มทำการดับพิษร้อนของโซ่เหล็กโดย
พนมมือว่านะโมสามจบแล้วภาวนาบทสำรวมเรียกมนต์ ๓ จบ ว่าดังนี้

“วุทธิจุดติ ไวยะปัดตา อัปปะมานะ สำปาเทถะ”
ต่อไปภาวนาคาถาป้องกันว่าดังนี้

“พุทโธล้อม ธัมโมป้อม สังโฆกัน ท้าวเวสสุวรรณโน พุทโธกัน ปิอัดถะโข สุวันโน จะมหาราชา สุวันนะภูมิเมตตา ยักขะเสดถามันหิเก พุทธังกันอิติชาติกัน สวาหะ ธัมมังกันอิติชาติกันสวาหะ สังฆังกันอติชาติ กันสวาหะ”

(ใช้กันได้สารพัด สวดมนต์ก่อนนอนก็ได้ กันได้สารพัด คุณไสยทำไม่ได้เลย ดีนักแล..)
(ภูมิ อ่านว่า พูม, ชาติ – อ่านว่า “ชา-ต”)

ก่อนภาวนาบทคาถาป้องกันให้ทำสมาธิรวมจิตไปที่มุมห้องด้านซ้ายข้างหน้า ภาวนาจบแล้ว, ตั้งจิตลากแทนสายสิญจ์มาหยุดที่มุมห้องด้านขวา ภาวนาอีก ๑ จบ, แล้วรวมจิตลากเป็นสายสิญจ์ไปมุมห้องด้านหลังทางขวา ภาวนา ๑ จบ, แล้วตั้งจิตลากเป็นสายสิญจ์ไปหยุดที่มุมห้องด้านหลังทางซ้าย ภาวนาอีก ๑ จบ, แล้วตั้งจิตลากเป็นสายสิญจ์ (ใช้กระแสจิตแทนสายสิญจ์) ไปบรรจบมุมซ้ายด้านหน้า ถ้าไม่ทำในห้องก็ทำโดยกำหนดขอบเขตเป็นสี่เหลี่ยมคล้ายห้อง

เมื่อภาวนาบทป้องกันเสร็จแล้วก็เริ่มดับพิษร้อนของโซ่ในเตาไฟ โดยรวมจิตไว้ที่ขดโซ่ที่อยู่ในเตาไปตรงกึ่งกลางขดโซ่หลับตานึกถึงภาพของโซ่ที่ขดอยู่ตลอดเวลา ภาวนาครั้งละหนึ่งบท บท ๖ ให้ภาวนาหลายจบแล้วจึงภาวนาบทที่ ๗ อีกหลายจบ แล้วภาวนาบทที่ ๘, บทที่ ๙ และ บทที่ ๑๐ อีกบทละหลายจบ (๓ หรือ ๗ จบ) การภาวนาให้ใช้วิธีอัดลมหายใจไว้ (ภาวนาเป็นคาบ) ภาวนาประมาณ ๑ จบ หรือ ๒ จบ แล้วเป่าลมไปยังโซ่ในเตาพร้อมกับภาวนาอีก ๑ จบ แล้วหายใจเข้าอัดลมไว้ ภาวนาแล้วเป่าลมออกเช่นเดิมอีกซํ้าๆ กันถ้ารู้สึกเริ่มเหนื่อยก็ภาวนาเป็นสมาธิไม่ต้องอัดลมสลับกันดังที่กล่าว ในวิชาทำนํ้ามันเป็นยาจบบทที่ ๑๐ แล้ว ยังไม่แน่ว่าดับพิษร้อนหมดก็เริ่มภาวนาบทที่ ๖ ถึงบทที่ ๑๐ อีก ดูว่าถ่านในเตาซึ่งสีดำนั้นติดไฟจนแดงหมดแล้ว จึงตรวจสอบว่าหมดพิษร้อนหรือยังโดยเอาใบพลูในพานมา ๑ ใบ จุ่มลงในนํ้ามนต์แล้วเอาไปวางบนโซ่ในเตาไฟ ถ้าใบพลูเหี่ยวและไหม้เป็นรู้ใหญ่แสดงว่ายังไม่หมดพิษร้อนให้ส่งพลังจิตโดยภาวนาบทที่ ๖ ถึง ๑๐ เช่นเดิมอีก แล้วเอาใบพลูในพานจุ่มนํ้ามนต์มาวางบนโซ่ในเตาไฟอีก ถ้าใบพลูเหี่ยวไปไม่ไหม้เป็นรูใหญ่หรือไหม้เป็นรูเล็กๆ ก็แสดงว่าดับพิษหมดแล้ว ยกปลายโซ่ที่อยู่นอกเตาเอาโซ่ออกมานอกเตา ถือให้ห้อยลงหรือแขวนไว้ แล้วภาวนาคาถาบทที่ ๙ โดยหายใจเข้าอัดลมไว้พร้อมกับภาวนา ๑ จบ แล้วเป่าออกไปยังโซ่ที่เผาแดง ภาวนาอีก ๑ จบ (ซึ่งเรียกว่าภาวนาเป็น ๑ คาบ) ภาวนาบทที่ ๙ นี้ไว้ตลอดเวลา จิตรวมอยู่ที่โซ่เผาไฟนั้น เอานิ้วหรือฝ่ามือเข้าใกล้โซ่ที่เผาไฟไม่รู้สึกร้อนจัดก็เอานิ้วหรือฝ่ามือแตะโซ่ที่ร้อนนั้น และรีบเอามือออกมา ถ้าแตะไปรู้สึกร้อนเล็กน้อย เมื่อเอามือออกมาก็ไม่รู้สึกร้อนที่นิ้วมือ ต่อไปเอาฝ่ามือลูบโซ่ดูโดยแบฝ่ามือการลูบลงดังนี้อาจารย์ท่านเรียกว่า “รูดโซ่” ลองรูดดู ๒ หรือ ๓ หน ต่อไปก็เอาฝ่ามือทั้ง ๒ ชิดกัน กอบโซ่จากปลายขึ้นสูงประมาณ ๑ คืบ แล้วรีบปล่อยลง อย่าเอามือแตะโซ่ไว้นาน และอย่าเอามือกำโซ่ไว้ เวลากอบโซ่ขึ้นก็รีบปล่อย เพราะการฝึกครั้งแรกๆ สมาธิยังไม่ดีพอที่จะถูกโซ่ร้อนได้นาน จะให้ถูกได้นานหรือกอบโซ่ที่ร้อนแดงไว้ได้นานจะต้องฝึกสมาธิให้ได้ถึงสมาธิขั้นกลางเสียก่อน

เมื่อยกโซ่ร้อนแดงขึ้นจากเตาแล้วก็ให้เอาหน้าไปใกล้ ๆ โซ่ประมาณ ๑ คืบ ภาวนาคาถาบทที่ ๙ เป็นคาบ เป่าไปที่โซ่ตลอดเวลาระหว่างที่จะแตะหรือกอบขึ้นก็ภาวนาไว้เรื่อยๆ ให้ผู้อื่นที่ไม่ได้เรียนวิชานี้มาแตะโซ่กอบโซ่ดูก็ได้ไม่อันตรายอะไร ผู้เรียนวิชานี้ก็เป่าดับพิษด้วย บทที่ ๙ ไว้ตลอดเวลาระหว่างทดลอง

ต่อไปจะ สูบวิชา กลับให้เอาเหล้าในขวดมาอมเล็กน้อย ภาวนาคาถาบทที่ ๑๑ หนึ่งจบพ่นเป็นฝอยไป ใส่โซ่ส่วนที่เผาไฟนั้นแล้วสูบลมเข้าทางปากดังวู๊บ พอพ่นเหล้าออกก็สูบลมเข้าต่อเนื่องกัน ทำดังนี้ ๓ ครั้ง โซ่จะรู้สึกร้อนมีพิษร้อนเอานี้วไปแตะก็ทำให้นิ้วพองได้

ในการที่รูดโซ่หรือกอบโซ่ขึ้นถ้าทำทีแรกยังนึกกลัวก็ใช้ปูนและนํ้ามนต์ที่เสกไว้แล้วทาฝ่ามือเสียก่อน จึงรูดโซ่หรือกอบโซ่เมื่อทำได้และเข้าใจดีแล้วก็ไม่ต้องทาด้วยปูนหรือนํ้ามนต์

ในการลุยไฟ จัดของจัดพานและเสกเหมือนการรูดโซ่ต่อไปทำกรอบให้สูงขึ้นจากดินเพื่อไม่ให้ถ่านกระจาย กว้างประมาณ ๑ ศอก ยาวประมาณ ๑ วา เอาถ่านที่เผาไฟในเตาใหญ่ที่ติดไฟดีแล้วมาเทลงในกรอบ ซึ่งกว้างประมาณ ๑ ศอก ยาวประมาณ ๑ วาให้เต็มกรอบแล้วเอาไม้ทุบให้เรียบแล้วดับพิษร้อนด้วยบทที่ ๖ ถึงบทที่ ๑๐ เช่นเดียวกับการดับพิษโซ่ การทดสอบว่า ดับพิษหมดแล้วก็ทำเช่นเดียวกับการดับพิษโซ่เหล็ก ก่อนจะเดินลุยไฟครั้งแรก ยังนึกกลัวอยู่บ้างก็ใช้ปูนและนํ้ามนต์ทาเท้าทั้ง ๒ ข้าง โดยทาจากส้นเท้าขึ้นไปตามฝ่าเท้าถึงปลายเท้า แล้วเดินไปบนถ่านก้าวไปเร็วๆ อย่าเหยียบไว้นาน ถ้าจะย่ำเท้าบ้างก็รีบยกเท้าเร็วๆ ภาวนาบทที่ ๘ ในเมื่อยังไม่เคยชินและสมาธิยังไม่ดีพอ
เมื่อไฟไหม้จะวิ่งฝ่าไฟไปก็ใช้นํ้าลายบ้วนใส่มือ เสกด้วยคาถาบทที่ ๘ ถ้าเร่งด่วนก็เสกเป็นคาบ ๑ ครั้ง แล้วเอานํ้าลายที่เสกทาศีรษะและทาฝ่าเท้าจากส้นเท้าไปปลายเท้าทั้ง ๒ ข้าง แล้วลุยไฟออกไป โดยหายใจลึกๆ อัดลมไว้พร้อมกับภาวนาบทที่ ๘ ถ้าไม่มีเวลาเสกต้องรีบวิ่งออกไปก็ไม่ต้องปลุกเสกใช้อัดลมหายใจไว้ ภาวนาถี่ๆ พร้อมกับวิ่งฝ่าไฟออกไป

ข้อห้าม วิชารูดโซ่ลุยไฟของอาจารย์ปลื้ม อาจารย์ ไปล่ นี้ ห้ามไม่ให้กินข้าวเย็นปนข้าวร้อน (ข้าวค้างคืน อย่าเอามาปนกับข้าวที่หุงใหม่กิน)

ผู้เรียนแล้ว ๓ ปี จึงครอบให้เป็นครูผู้อื่น

ที่มา:ชม  สุคันธรัต