พระเจ้าอโศกมหาราช

Socail Like & Share

นอกจากพระยามหาจักรพรรดิราชแล้ว มีพระมหากษัตริย์อีกจำพวก หนึ่ง ทรงมีพระบุญญาบารมีและทรงพระบรมเดชานุภาพมากเทียบเท่าพระยามหาจักรพรรดิราชทีเดียว เช่น พระยาธรรมาโศกราช เป็นต้น พระยาธรรมาโศกราชนั้นได้เสวยราชสมบัติในเมืองปาตลีบุตรมหานคร หลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จพระเจ้าอโศกมหาราชปรินิพพานแล้วได้ ๒๑๙ ปี ทรงมีพระอัครมเหสีทรงพระนามว่าพระนางอสันธิมิตตา และทรงมีนางสนมถึง ๑๖,๐๐๐ นาง เมื่อครั้งพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัตินั้น บรรดาพระราชาและเจ้าพระยาทั้งหลายตามหัวเมืองต่างๆ ในชมพูทวีปต่างมาไหว้แสดงความเคารพด้วยอำนาจพระบุญญาบารมีของพระองค์นั้นเอง ใช่จะมีแต่พระราชาและเจ้าพระยาเท่านั้น ที่เสด็จมาทรงเคารพกราบไหว้ แม้แต่เหล่าเทพยดาและหมู่สัตว์ในอาณาจักรของพระองค์ ซึ่งอยู่ตํ่าลึกลงไปใต้แผ่นดิน ๑ โยชน์ และสูงขึ้นไปเบื้องบนอากาศ อีก ๑ โยชน์ ต่างมากราบไหว้บูชา ห้อมล้อมบำรุงบำเรอทุกคืนวันมิได้ขาด ทั้งนี้ด้วยเดชอำนาจพระบุญญาบารมีของพระยาศรีธรรมาโศกราชนั้นเอง

เหล่าเทวดาซึ่งสถิตอยู่ในป่าหิมพานต์นำเอานํ้าหอมสะอาดผ่องใสดั่งแก้วผลึก มีรสโอชาอร่อยหวานเย็นจากสระอโนดาตมาทูลเกล้าถวายวันละ ๑๖ กระออม เป็นประจำมิได้ขาด พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชทรงโปรดให้นำนํ้า ๘ กระออม ไปถวายแก่พระสงฆ์ทั้งหลาย ถวายพระสงฆ์ผู้ทรงพระไตรปิฎก ๑๖ รูป ๒ กระออม พระราชทานแก่พระอัครมเหสีอสันธิมิตตา ๒ กระออม พระราชทานแก่นางสนม ๑๖,๐๐๐ นาง ๒ กระออม อีก ๒ กระออมให้จัดไว้สำหรับพระองค์ทรงใช้สระสรงและเสวย พระองค์ทรงปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำทุกวันมิได้ขาดเลย

เทวดาบางพวกนำเถาวัลย์ชื่อนาคลดาอันอ่อนและหอมมาถวายสำหรับ เป็นไม้ชำระพระทนต์ทุกวัน พระองค์ทรงให้จัดแบ่งถวายพระสงฆ์วันละ ๖ รูป และทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานแก่พระสนม ๑๖,๐๐๐ นาง เป็นประจำมิได้ขาด เทวดาบางพวกนำเอาผลไม้จากป่าหิมพานต์มาถวายทุกวัน ได้แก่ ผลมะขามป้อมอันมีรสหวานหอมยิ่ง เหลืองอร่ามเหมือนทอง ผลสมอที่หอม เหลืองอร่ามเหมือนทอง มะม่วงสุกสีเหมือนทอง มีรสหวานหอม เทวดาบางพวกนำเอาผ้าทิพย์มี ๕ สี สวยงามยิ่ง จากสระฉัททันต์ มาถวายเป็นพระภูษามาลาฉลองพระองค์ทุกวัน เทวดาบางพวกนำเอาผ้าเช็ดหน้าทิพย์มี ๕ สี สีดำ แดง ขาว เหลือง และเขียว สดใสงดงามยิ่งจากสระฉัททันต์มาถวายให้เช็ดพระพักตร์ และพระวรกายทุกวัน ถ้าผ้าทิพย์เหล่านั้นแปดเปื้อนด้วยเหงื่อไคลหรือเก่าหม่นหมองไปไม่ต้องซักฟอกด้วยน้ำเลย เพียงแต่ก่อไฟให้ลุกเป็นเปลว แล้วนำผ้าทิพย์ไปวางในเปลวไฟเท่านั้นจะไม่ไหม้ผ้าเลย เหงื่อไคลและสิ่งสกปรกปฏิกูลต่างๆ ที่ติดเปื้อนผ้าก็จะสูญหายไปสิ้น กลับเป็นผ้าสะอาดหมดจด มีสีสดใสงดงาม เหมือนผ้าใหม่อย่างเดิม

เทวดาบางพวกนำเอาฉลองพระบาททองทิพย์ มีสีสุกใสเงางาม มาถวาย เพื่อทรงเป็นฉลองพระบาท เทวดาบางพวกนำกาน้ำทองทิพย์ มีสีและกลิ่นหอมยิ่งนักมาถวายเพื่อทรงใช้สระสรงพระเกศทุกวัน เทวดาบางพวกนำเอาอ้อยอันหวานหอมและมีรสโอชาอร่อยยิ่งนัก มีลำต้นเท่าลำต้นหมาก จากป่าหิมพานต์มาถวาย เพื่อเสวยเป็นพระกระยาหารทุกวัน รวมทั้งผลไม้ต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่ ผลมะพร้าว มีรสอร่อย ผลลูกตาล ผลลูกหว้า ผลลูกลาน ผลลูกไทร ผลมะสัง และผลมะหาด และลูกฟักแฟงแตงเต้า ผลไม้เหล่านี้เทวดานำมาถวายพระยาศรีธรรมาโศกราช เป็นประจำทุกวันมิได้ขาด

บรรดานกทั้งหลาย มีนกเปล้า นกแขกเต้า นกคล้า และนกจริง เป็นต้น ต่างคาบเอารวงข้าวสาลีที่เกิดริมสระฉัททันต์มาถวาย วันละ ๙,๐๐๐ เกวียน เป็นประจำเสมอ ข้าวนั้นไม่ต้องตำฝัดและร่อนเลย เพราะฝูงหนูป่ามาเกล็ดให้เป็นเมล็ดข้าวสาร ไม่แตกหักแม้แต่เมล็ดเดียว เป็นข้าวต้นเสวยชั้นดี เป็นพระกระยาหารที่พระยาศรีธรรมาโศกราชเสวยเป็นประจำ ทั้งเช้าทั้งเย็นมิได้ขาด

ฝูงผึ้ง (รวง) และ (ผึ้ง) มิ้ม ต่างมาทำรวงรังให้น้ำผึ้งไว้ในโอ่งและกระ ออม เป็นพระกระยาหารเสวยได้ทุกเมื่อ พวกพ่อครัวแม่ครัวไม่ต้องลำบากใจ เกรงว่าจะขาดแคลนฟืนสำหรับหุงต้ม เพราะพวกหมีในป่าฉีกหั่นไม้ให้เป็นฟืน นำมาส่งให้ทุกวัน ทั้งนี้ด้วยอำนาจพระบุญญาบารมีของพระยาศรีธรรมาโศกราช นั้นเอง

บรรดาฝูงนกในป่า มีฝูงนกการเวก นกยูง นกกระเรียน และนกดุเหว่า เป็นต้น ต่างพร้อมใจกันมารำแพนหางตีปีกฟ้อนรำ ส่งเสียงร้องด้วยสรรพสำเนียงอันไพเราะจับใจยิ่ง ถวายแด่พระยาศรีธรรมาโศกราชเป็นประจำทุกวันมิได้ขาด นกเหล่านั้นเป็นสัตว์ชั้นเยี่ยมมาจากป่าหิมพานต์ เสียงนกการเวกนั้นไพเราะจับใจยิ่ง เสียงนั้นเหมือนมีมนต์ขลัง สามารถสะกดจิตใจของผู้ได้ฟังต้องหยุดอยู่กับที่ทีเดียว แม้เสือที่กำลังกินเนื้อก็จะลืมกินเนื้อ แม้เด็กที่กำลังวิ่งหนีการถูกไล่ตี ก็จะหยุดวิ่งทันที นกที่กำลังบินอยู่ในอากาศ ก็จะหยุดบิน ปลาที่กำลังว่ายอยู่ในนํ้าก็จะหยุดว่าย เพราะเสียงร้องของนกการเวกไพเราะจับใจน่าฉงนยิ่งนัก

บรรดาสัตว์ทั้งหลายทั้งที่อยู่บนแผ่นดินและในอากาศ ต่างมาบำรุงบำเรอ พระยาศรีธรรมาโศกราชอยู่ทุกวันมิได้ขาด เหล่าเทวดาที่สถิตอยู่ในมหาสมุทร นำเอาแก้วแหวนเงินทองมากมายมาถวาย ฝูงนาคราชนำเอาผ้ามีสีแดงใสงดงาม ดั่งดอกชาตบุษย์อันบริสุทธิ์ไม่ระคนเจือปนด้วยด้ายไทย ไหมเทศ วิเศษดั่งผ้าทิพย์ มาถวายเพื่อทรงห่มทั้งเป็นพระภูษาแต่งพระองค์และรองพระบาทอีกด้วย นาคราชบางจำพวกนำเอากระแจะจวงจันทน์เครื่องหอมอันประเสริฐมาทูลเกล้าถวายเป็นประจำทุกวัน พระยาศรีธรรมาโศกราชทรงมีพระบุญญาภินิหาร และพระบรมเดชานุภาพมาอย่างนี้แล

พระยาศรีธรรมาโศกราชได้ทรงสดับพระธรรมเทศนาของนิโครสามเณรผู้ทรงพระไตรปิฎก มีปัญญาเปรื่องปราดเฉลียวฉลาดมาก ทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยยิ่งนัก ทรงถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ ๖๐,๐๐๐ รูป เป็นจำนวน ๖๐,๐๐๐ สำรับ ทุกวันโดยทรงเลิกการนำภัตตาหารไปพระราชทานแก่ปริพพาชก (นักบวชนอกพุทธศาสนา) วันละ ๖๐,๐๐๐ คน ที่พระเจ้าพินทุสารราชผู้เป็นพระราชบิดาได้เคยปฏิบัติมาก่อน แล้วนำมาถวายแก่พระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนาทุกวัน

พระยาศรีธรรมาโศกราชนั้น ทรงสร้างอโศการามมหาวิหารในพระราชอุทยานให้เป็นพระอารามที่พำนักพักพิงของพระสงฆ์ บรรดาสิ่งของทุก อย่างที่มีผู้นำมาถวาย จะเป็นของที่เทวดานำมาถวายจากป่าหิมพานต์ก็ดี ของที่มนุษย์และสัตว์นำมาถวายก็ดี พระยาศรีธรรมาโศกราชทรงนำไปบูชาสักการะ พระศรีรัตนตรัยก่อนแล้วจึงพระราชทานแก่พระนางอสันธิมิตตาราชเทวี แล้วจึงพระราชทานแก่พระสนม ๑๖,๐๐๐ นาง พระราชทานแก่เทวราช แล้วจึงพระราชทานแก่ไพร่ฟ้าประชาราษฎ์ในพระนครนั้นทุกคนโดยลำดับ

อยู่มาวันหนึ่ง ในเมืองนั้น ยังมีหมู่เทวดานำเอาอ้อยลำใหญ่เท่าลำต้นหมาก พร้อมด้วยผลไม้มากมายจากป่าหิมพานต์มาถวาย อ้อยเหล่านั้นมีรสหวานอร่อยยิ่งนัก พระองค์ทรงโปรดเกล้าให้หีบอ้อยเหล่านั้นแล้วทรงอังคาสเลี้ยงดูพระสงฆ์ ๖๐,๐๐๐ รูป พร้อมด้วยภัตตาหารในพระราชมนเทียร เมื่อพระสงฆ์ทั้งนั้นกระทำภัตกิจเสร็จแล้ว ถวายอนุโมทนา พระราชาทรงหลั่งนํ้าทักษิโณทก แล้วเสด็จตามไปส่งพระสงฆ์กลับอารามถึงพื้นอัฒจันทร์พระราชมนเทียร ทรงนมัสการพระสงฆ์ถ้วนทุกรูปแล้วตรัสสรรเสริญคุณพระศรีรัตนตรัย จึงเสด็จกลับเข้าสู่พระราชมนเทียร

เช้าวันนั้น พระนางอสันธิมิตตาราชเทวีเสด็จลุกจากที่บรรทม ทรงชำระ พระองค์เสร็จแล้ว ทรงจัดเตรียมข้าวยาคูและอาหารนานาชนิด พร้อมด้วยหมากพลู อังคาสเลี้ยงดูพระสงฆ์ ๖๐,๐๐๐ รูป พระนางทรงหลั่งนํ้าทักษิโณทก แล้วทรงกราบไหว้อำลาพระสงฆ์เสด็จเข้าสู่พระราชมนเทียรพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ประทับนั่งบนแท่นที่ประทับ ทรงเห็นลำอ้อยที่เหล่าเทวดานำมาทูลเกล้าถวายพระราชสวามีนั้น จึงทรงปอกอ้อยท่อนหนึ่ง แล้วเสวยท่ามกลางนางพระกำนัลทั้งหลาย

หลังจากเสด็จตามส่งพระสงฆ์แล้ว พระยาศรีธรรมาโศกราชจึงเสด็จเข้า สู่พระราชมนเทียร ได้ทอดพระเนตรเห็นพระนางประทับนั่งอยู่บนพระแท่น กำลังเสวยอ้อยอยู่ท่ามกลางหมู่พระกำนัลใน พระนางทรงมีพระสิริโฉมเปล่งปลั่ง งดงามยิ่ง พระราชาทรงมีพระหฤทัยเสน่หารักใคร่ยิ่งกว่าพระสนมทั้งหมด จึงตรัสสรรเสริญพร้อมทรงพระสรวลตรัสล้อเล่นว่าใครกันหนอมานั่งกินอ้อยอยู่ท่ามกลางนางสนมเหล่านี้ ซ้ำยังมีใบหน้าผุดผ่องสวยงามยิ่ง เธอจะเป็นหญิง หรือเป็นนางระบำที่เสกสรรปั้นแต่งขึ้น จึงสวยงามสุดที่จะพรรณนาได้เช่นนี้ ในขณะที่ตรัสล้อเล่นนั้นพระองค์ประทับยืนอยู่ตรงพระพักตร์ของพระนางพอดี เมื่อพระนางอสันธิมิตตาราชเทวีได้ทรงสดับพระราชดำรัสของพระราชสวามี ดังนั้น จึงทรงพระดำริว่าพระราชสวามีของเรานี้ได้เสวยราชสมบัติมากมาย
ทรงได้เป็นใหญ่เหนือพระราชาและเจ้าพระยาทั้งหลายในแผ่นดินชมพูทวีปนี้ พระราชอำนาจของพระองค์แผ่ลงไปถึงเบื้องตํ่าใต้แผ่นดินลึก ๑ โยชน์ และแผ่เหนือแผ่นดินขึ้นไปเบื้องบนอากาศ ๑ โยชน์ บรรดาเทวดาพระยาครุฑ พระยานาค พวกยักษ์ คนธรรพ์ กินนรกินนรี วิทยาธร หมาผี หมาไน ราชสีห์ หมี เสือเหลือง และเสือโคร่ง ต่างก็มากราบไหว้บูชาพระองค์ทั้งสิ้น อีกทั้ง ช้าง ม้า เสนา พลไพร่ ข้าไทก็มากราบไหว้บูชามากมาย แก้วแหวนเงินทอง ผ้าผ่อนแพรพรรณก็มีพร้อมมูล ข้าวนํ้าก็อุดมสมบูรณ์เต็มยุ้งเต็มฉาง พระราชสวามีของเรานี้เสวยราชสมบัติในกลางชมพูทวีป บรรดาพระราชาสมณพราหมณาจารย์ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ทุกหมู่เหล่าต่างมาห้อมล้อมเป็นบริวาร ทรงงดงามเหมือนพระอินทร์ท่ามกลางนางฟ้าเทพธิดาทั้งหลาย และการที่พระองค์เสด็จมาทรงเห็นเรากำลังนั่งกินอ้อยอยู่แล้วตรัสถ้อยคำนี้กับเรา พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้เหมือนไม่เคยทรงรู้จักเรามาก่อน ทรงกล่าวเยาะเย้ยถากถาง เราเล่นว่ามานั่งกินแต่อ้อยอยู่ฉะนี้ พระองค์ทรงดูถูกดูแคลนเราแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่ตรัสคำนี้ออกมา เพราะพระองค์ทรงมีพระเกียรติยศบุญญาบารมี ราชสมบัติมากมาย จึงทรงกล่าวหาว่าเรานี้เป็นคนไม่มีบุญวาสนา ที่เป็นอยู่ได้ ทุกวันนี้เพราะอาศัยพระบุญญาบารมีของพระองค์ช่วยอุดหนุนเกื้อกูลนั่นเอง

เมื่อพระนางสันธิมิตตาทรงดำริดังนั้นแล้ว ทรงขัดเคืองพระทัยในพระยาศรีธรรมาโศกราชผู้เป็นพระราชสวามี กราบทูลตอบไปว่า อ้อยลำนี้ ไม่มีใครปลูกไว้ หากแต่เกิดขึ้นเองในป่าหิมพานต์ พวกเทวดานำมาถวาย ด้วยอำนาจบุญกุศลของข้าพระพุทธเจ้าจึงได้กินอ้อยนี้

ฝ่ายพระยาศรีธรรมาโศกราชครั้นได้ทรงสดับถ้อยคำของพระนาง อสันธิมิตตาดังนั้นจึงทรงพระดำริว่าพระเทวีนี้คิดว่าตัวเองมีบุญวาสนามาก และเข้าใจว่าเรานี้พึ่งใบบุญของนาง ครั้นแล้วจึงตรัสประชดพระนางว่า นี่แน่ะ เจ้าอสันธิมิตตา เจ้าว่าพวกเทวดานำเอาอ้อยจากป่าหิมพานต์มาถวายเจ้าเพราะอำนาจบุญของเจ้า ส่วนราชสมบัติในชมพูทวีปนี้ เจ้าว่าเราได้มาเพราะบุญของเจ้าแน่หรือ บุญของเจ้านั้นเจ้ายกยอไว้สูงเลิศเลอถึงชั้นอกนิฎฐพรหม แต่บุญของเราเจ้ากลับกดให้ตํ่าลงถึงมหานรกอเวจี ถ้าเจ้าคิดว่ามีบุญมากกว่าเราจริง ก็จะเป็นการดีมาก พรุ่งนี้เราจะทดลองบุญของเจ้า พระสงฆ์ ๖๐,๐๐๐ รูป จะมาฉันภัตตาหารเช้า หลังจากเสร็จกิจแล้ว เราจะถวายผ้าไตรจีวร ๖๐,๐๐๐ ไตร พรุ่งนี้เช้าเจ้าจงเร่งจัดหาไตรจีวรให้ทันถวายแก่พระสงฆ์ตามกำหนดเวลาให้จงได้ ถ้าเจ้าจัดหามาได้ เราก็จะยอมเชื่อว่าเจ้ามีบุญจริงและบุญของเจ้าได้ ปรากฏไปทั่วชมพูทวีปจริง แต่ถ้าเจ้าจัดหามาให้ไม่ได้นี้ เราก็จะรู้บุญของเจ้าในวันพรุ่งนี้ ตรัสแล้วก็เสด็จไป

เมื่อพระนางอสันธิมิตตาได้ทรงสดับดังนั้น ทรงเป็นทุกข์พระทัยยิ่งนัก ทรงดำริว่าพระราชสวามีทรงขุ่นเคืองเราเป็นแน่ พระองค์ทรงเข้าพระทัยว่าเราโกรธเคืองพระองค์ พระองค์จึงตรัสถ้อยคำเช่นนี้กับเรา พระนางเป็นทุกข์พระทัยหนักขึ้น ทรงทอดถอนพระทัยใหญ่ ทรงกระสับกระส่ายบรรทมไม่หลับ ทรงพลิกพระวรกายไปมาเหนือพระเขนยทองตั้งแต่พลบคํ่าจนถึงเที่ยงคืนก็บรรทมไม่หลับ ทรงทอดถอนพระทัยใหญ่พร้อมกับทรงรำพึงว่าเราจะหาผ้าไตรจีวรให้ได้ครบ ๖๐ ,๐๐๐ ไตร มาจากที่ไหนได้

คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญ เป็นวันพระ ขึ้น ๘ คํ่า ในยามเที่ยงคืน ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ จะออกเที่ยวตรวจตราดูโลก ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ นั้น คือ ท้าวกุเวรุราช ท้าวธตรฐราช ท้าววิรูปักขราช ท้าววิรุฬหกราช ในคืนเดือนดับและคืนวันเพ็ญ ข้างขึ้นหรือข้างแรม ๘ คํ่า ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ นั้น จะออกเที่ยวตรวจตราดูคนทำบุญทำบาปในแผ่นดินนี้

ครั้งนั้นท้าวกุเวรุราชหรือเรียกอีกนามหนึ่งว่าพระไพศรพณ์มหาราช พร้อมด้วยเสนาบดีผู้ใหญ่เป็นบริวาร ทรงยานทิพย์เสด็จไปทางอากาศ จาก อาฬกมนทาพิมานด้านทิศเหนือสู่ทิศใต้ เสด็จผ่านหน้าพระบัญชรพระราชมนเทียรที่พระอัครมเหสีอสันธิมิตตาบรรทมอยู่ ทรงได้ยินเสียงทอดถอนพระทัยของพระนางซึ่งกำลังทรงปริวิตกกลัวว่าจะหาผ้าไตรจีวรไม่ได้ครบ ๖๐,๐๐๐ ไตร ตามที่พระราชสวามีทรงรับสั่งไว้ ครั้นแล้วพระไพศรพณ์มหาราชจึงเสด็จลงจากยานทิพย์แล้วเสด็จเข้าไปใกล้พระนางตรัสว่า ดูกร พระนางอสันธิมิตตา พระนางอย่าได้ทรงเป็นทุกข์เศร้าโศกไปเลย เมื่อชาติปางก่อนพระนางทรงได้ถวายผ้าเช็ดหน้าแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง บุญกุศลของพระนางที่ได้ทรงบำเพ็ญครั้งนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก อานิสงส์ผลบุญนั้นจะบังเกิดแก่พระนาง ณ บัดนี้ แล้ว เชิญเสด็จมารับเถิด ตรัสแก่พระนางดังนั้นแล้ว พระไพศรพณ์มหาราชจึงทรงนำเอาผอบแก้วทิพย์ใบหนึ่งมาด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระองค์ ทรงเปิดฝาผอบแก้วแล้วทรงยื่นส่งให้พระนางอสันธิมิตตาเพื่อทอดพระเนตรดูผ้าทิพย์ในผอบแก้วนั้น พร้อมกับตรัสสั่งว่า ถ้าพระนางทรงมีพระประสงค์ใคร่จะทรงได้ผ้า จงได้เปิดฝาผอบผ้าทิพย์นี้แล้วจงชักเอาผ้าทิพย์ออกจากผอบแก้วนี้เถิด ไม่ว่าพระนางจะทรงต้องการจำนวนเท่าใดก็จะทรงได้รับทุกอย่าง ไม่มีวันหมดสิ้น ครั้นพระไพศรพณ์มหาราชตรัสดังนั้นแล้ว จึงเสด็จขึ้นสู่ยานทิพย์เสด็จกลับสู่ อาฬกมนทาพิมานด้านเหนือของเขาพระสุเมรุ

วันรุ่งขึ้นพระยาศรีธรรมาโศกราชทรงถวายภัตตาหารพระสงฆ์ ๖๐,๐๐๐ รูป ครั้นเสร็จภัตกิจแล้ว พระมหาราชาทรงถวายสักการบูชาพระสงฆ์ ด้วยธูปเทียนข้าวตอกดอกไม้และกระแจะจวงจันทน์ของหอมเสร็จแล้ว พระนางอสันธิมิตตาทรงนำเอาข้าวตอกดอกไม้อันเป็นพู่พวงผูกห้อยร้อยเป็นระเบียบด้วยดี มีสีสันต่างๆ กัน ตกแต่งส่วนปลายที่ห้อยย้อยลงทุกอย่าง บรรจุใส่เต็มผอบทองใบใหญ่ ทรงเจิมธูปเทียนด้วยเก้าจุณจันทน์อันหอมเสร็จแล้วทรงนำผอบแก้วที่เต็มด้วยผ้าทิพย์ใส่ไว้ในผอบสุวรรณรัตนะอีกใบหนึ่งทรงปิดครอบไว้ด้วยผอบทอง แล้วทรงโปรดให้นางกำนัลในผู้ไว้วางพระราชหฤทัยถือตามเสด็จไป พระนางเสด็จไปอังคาสถวายภัตตาหารพระสงฆ์พร้อมด้วยบริวารหลังจากพระสงฆ์ทำภัตกิจเสร็จแล้ว ทรงถวายสักการบูชาพระสงฆ์ด้วยข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียนประทีปชวาลาและธูปที่เจิมด้วยขี้เถ้าจุณจันทน์น้ำหอม ตลอดทั้งหมากพลู เสร็จแล้วจึงประทับรอพระราชาอยู่

ครั้งนั้นพระยาศรีธรรมาโศกราชทอดพระเนตรดูพระพักตร์ของพระนาง และตรัสว่าอสันธิมิตตา เจ้าจงเร่งนำผ้าไตรมาให้เรา ๖๐,๐๐๐ ชุด ณ บัดนี้ เรากำลังจะถวายทานนี้ เราจะขอพึ่งบุญของเจ้า จะถวายเป็นไตรจีวรแก่พระสงฆ์ให้ครบ ๖๐,๐๐๐ รูป พระนางอสันธิมิตตาทรงน้อมรับพระบรมราชโองการ ด้วยความยินดี แล้วกราบทูลว่าหม่อมฉันจะถวายผ้าแก่พระสงฆ์ให้ครบทั้ง ๖๐,๐๐๐ รูป ตามพระราชหฤทัยเถิด ครั้นพระนางกราบทูลแล้ว มิทรงรอช้า ทรงเปิดผอบสุวรรณรัตนะที่ใส่ผอบแก้วนั้นออก แล้วทรงนำผอบแก้วทิพย์นั้นขึ้นมา ทรงถือชูไว้ด้วยพระหัตถ์เบื้องซ้าย ทรงเปิดฝาผอบแก้วด้วยพระหัตถ์เบื้องขวา แล้วทรงวางไว้ทรงใช้พระหัตถ์เบื้องขวาชักผ้าทิพย์ออกจากผอบแก้วนั้นทีละผืนๆ จนได้ครบเป็นไตรจีวรถวายแก่พระสงฆ์ พระนางทรงถวายผืนหนึ่งก่อน พระยาศรีธรรมาโศกราชทรงรับเอาผ้าผืนหนึ่งทรงถวายแก่พระมหาเถระผู้เป็นประธาน สงฆ์มีอายุพรรษาแก่กว่าพระสงฆ์ทั้งหลายก่อน ผ้าผืนนั้นมีสีสดใสงดงามประหนึ่งเกิดมาจากต้นกัลปพฤกษ์ซึ่งมีในอุตตรกุรุทวีป ต่อจากนั้นพระนางจึงทรงชักเอาผ้าออกจากผอบแก้วนั้น ทรงถวายพระสงฆ์ตามลำดับจนครบทั้ง ๖๐,๐๐๐ รูป ถึงแม้นพระนางจะทรงนำเอาผ้าออกจากผอบแก้วมากมายเช่นนั้น ผ้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้นไปเลย ดูยังเต็มผอบแก้วอยู่เหมือนเดิม มิได้บกพร่องแม้แต่น้อยเลย พระยาศรีธรรมาโศกราชทรงเห็นเป็นสิ่งมหัศจรรย์เช่นนั้น ทรงยินดียิ่งนัก ประทับนั่งอยู่ ทรงนมัสการพระสงฆ์ทั้งหลาย ครั้นพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาแล้ว ถวายพระพรลาพระองค์จึงเสด็จไปทรงส่งพระสงฆ์ทั้งหลายถึงประตูพระราชมนเทียร ทรงนมัสการไหว้พระสงฆ์แล้วจึงเสด็จกลับคืนสู่พระราชมนเทียรตามปรกติ

ครั้นพระยาศรีธรรมาโศกราชเสด็จเข้าไปภายในพระราชวังแล้ว ได้ตรัสกับพระนางอสันธิมิตตาว่า อสันธิมิตตากัลยาณีทิพย์ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บรรดาถิ่นฐานบ้านเมือง ปราสาทราชวัง เรือนหลวง ช้างม้า ข้าไท ไพร่พล แก้วแหวนเงินทอง และนางสนมกำนัลทั้ง ๑๖,๐๐๐ นาง เราขอมอบคืนให้แก่เจ้าจงเป็นใหญ่เป็นเจ้าแก่พวกเขาเถิด อีกอย่างหนึ่งนับตั้งแต่นี้ต่อไป ถ้าเจ้ามีความประสงค์จะทำการสิ่งใด ก็จงทำตามความประสงค์ของเจ้าเราจะไม่ขัดใจ จะตามใจเจ้าทุกอย่าง

นับตั้งแต่นั้นมา พระนางอสันธิมิตตาผู้ทรงเป็นบาทบริจาริกา แห่งพระยาศรีธรรมาโศกราช แม้พระนางจะทรงได้รับพระบรมราชานุญาตให้ ทรงกระทำกิจการที่ทรงประสงค์ได้ทุกอย่างก็ตาม แต่พระนางก็มิได้ทรงละเมิดพระราชสวามีแม้แต่น้อยสักครั้งเดียว ถ้าหากพระนางจะทรงกระทำใดๆ แม้เพียงเล็กน้อยก็จะต้องกราบบังคมทูลก่อน เมื่อทรงได้รับพระบรมราชานุญาตแล้วพระนางจึงจะทรงกระทำ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพระยาศรีธรรมาโศกราชยังมิได้เสวยพระนางจะไม่เสวยก่อนพระราชสวามีเลย ถ้าหากว่าพระยาศรีธรรมาโศกราชยังมิได้บรรทม พระนางก็จะไม่บรรทมก่อนเหมือนกัน ครั้นพระราชสวามีบรรทมหลับแล้ว พระนางจึงจะบรรทมตามภายหลัง แม้พระนางจะบรรทมภายหลังก็มิได้ทรงตื่นบรรทมภายหลังพระราชสวามีเลยสักครั้งเดียว ย่อมทรงตื่นบรรทมก่อนพระราชสวามีทุกเมื่อ

พระนางเจ้าอสันธิมิตตาราชเทวี ทรงมีพระราชจริยาวัตรงดงามน่าเลื่อมใส ทั้งทรงมีพระปรีชาสามารถเฉลียวฉลาดเป็นที่ลือชาปรากฏ ทรงเป็นที่รักของราษฎรและพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทรงมีพระสหายมากมาย แม้จะตรัสเจรจาปราศัย พระสุรเสียงสำเนียงก็ไพเราะน่าฟัง ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะมาก มิทรงย่อท้อ ทรงมีพระราชศรัทธาบำเพ็ญบุญกุศลอยู่เป็นนิตย์ ทรงได้ราชาภิเษกเป็นสมเด็จพระราชินีพระยาศรีธรรมาโศกราชภายในปราสาทราชมนเทียรนั้นเอง ทรงเป็นใหญ่มีอำนาจเหนือนางสนมกำนัลทั้ง ๑๖,๐๐๐ นาง

ครั้งนั้น บรรดาหญิงและนางสนมผู้เคยเป็นพระชายามาก่อน คิดกันว่าพระยาศรีธรรมาโศกราชทรงมีความรักเสน่หา ทรงโปรดปรานแต่พระนางอสันธมิตตายิ่งนัก ต่างก็ไม่พอใจ มีความอิจฉาริษยา จึงพูดตำหนิว่าสมเด็จพระเจ้าเหนือหัวของพวกเราทรงคิดว่าพระนางอสันธิมิตตาผู้เดียวเท่านั้นทรงเป็นยอดหญิง ทรงมีพระราชจริยาวัตรอันงดงาม ทั้งทรงเป็นกุลสตรีกัลยาณี ผู้เลิศเลออีกด้วย ส่วนหญิงคนอื่นชะรอยจะไม่เป็นยอดหญิง ไม่มีคุณสมบัติเทียบเท่าพระนางได้ ด้วยเหตุนี้เองพระองค์จึงไม่ทรงมองดูพวกเราเต็มถึง ๒ พระเนตร ไม่ทรงอาลัยใยดีต่อพวกเราเลย เรื่องนี้ความทรงทราบถึงพระกรรณพระยาศรีธรรมาโศกราชจึงทรงดำริว่าการที่พวกนางเหล่านี้กล่าวตำหนิเช่นนั้นเพราะพวกเขาเป็นคนโง่เขลา เป็นคนพาล คอยจ้องแต่จะติเตียนนินทาผู้มีบุญว่าเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง อันสตรีผู้มีบุญบารมีได้สร้างสมมามาก ต้องการสิ่งใดก็จะได้สมดังปรารถนา เช่นเดียวกับพระนางอสันธิมิตตานี้ นางพวกนี้ ยังไม่รู้จักผู้มีบุญเลย เพราะเป็นคนพาลโง่เขลาเบาปัญญาเราจะแสดงให้พวกเขาได้เห็นประจักษ์ว่าพระนางอสันธิมิตตาเป็นผู้มีบุญจริงๆ

ในวันหนึ่งพระยาศรีธรรมาโศกราชทรงมีรับสั่งให้นำขนมต้มมา ๑๖,๐๐๐ ลูก ทรงถอดพระธำมรงค์วงหนึ่งออกจากพระกร แล้วทรงใส่เข้าไว้ในขนมลูกหนึ่ง เสร็จแล้วทรงวางขนมลูกที่มีพระธำมรงค์นั้นไว้บนขนมลูกอื่นๆ ครั้นแล้วจึงทรงโปรดให้เรียกนางสนมทั้ง ๑๖,๐๐๐ นาง มาชุมนุมพร้อมกันแล้วจึงตรัสว่า น้องนางทั้งหลาย เจ้าจงเลือกขนมต้มในตะไลทองนั้นไว้คนละ ๑ ลูก เมื่อเลือกได้ครบทุกคนทั้ง ๑๖,๐๐๐ ลูกแล้วก็จะยังเหลือขนมต้มอยู่อีกเพียงลูกเดียวเป็นลูกสุดท้าย เราจะให้พระนางอสันธิมิตตารับเอาขนมลูกสุดท้ายนั้นไว้ ขนมต้มทั้ง ๑๖,๐๐๐ ลูก กับเศษอีกหนึ่งลูกนั้น เราใส่พระธำมรงค์ของเราไว้ ภายในอยู่ลูกหนึ่ง แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าสตรีนางใดมีบุญญาบารมีขอให้หยิบได้ขนมลูกที่มีพระธำมรงค์เถิด พวกเจ้าก็จงพากันตั้งใจอธิษฐานนึกเอา แล้วเลือกหยิบเอาคนละหนึ่งลูกตามใจชอบเถิด

ลำดับนั้นนางสนมทั้งหลายจึงเลือกหยิบเอาขนมต้มในตะไลทองคนละ ลูกจนครบทั้ง ๑๖,๐๐๐ นาง จึงยังคงเหลือขนมต้มอยู่ในตะไลทองเพียงลูกเดียว

พระยาศรีธรรมาโศกราชจึงรับสั่งให้อสันธิมิตตาราชเทวีทรงไปรับขนมต้มลูกสุดท้ายนั้น ทรงพระดำเนินไปด้วยพระราชอิริยาบถอันงดงาม ทรงหยิบเอาขนมต้มลูกนั้นมาทรงถือไว้ในพระหัตถ์ ต่อจากนั้นพระยาศรีธรรมาโศกราชจึงตรัสแก่นางสนมเหล่านั้นว่า พวกเจ้ามีขนมต้มอยู่ในมือทุกคน จงบิ ขนมต้มของตนออกมาดู ถ้าผู้ใดได้พระธำมรงค์ของเราจงนำเอามาคืนให้เรา เราจะได้รู้ว่าผู้นั้นเป็นคนมีบุญจริง เมื่อนางสนมทั้ง ๑๖,๐๐๐ นางบิขนมต้มในมือของตนออกดูก็ไม่พบพระธำมรงค์แม้แต่คนเดียว พระยาศรีธรรมาโศกราช จึงทรงจับเอาขนมต้มลูกที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระนางอสันธิมิตตาราชเทวีมา แล้วทรงบิออกต่อหน้านางสนมทั้งหลาย ตรัสเรียกให้เข้ามาดูใกล้ๆ ทรงนำพระธำมรงค์ออกจากขนมต้มลูกนั้นต่อหน้านางสนมทุกคน แล้วตรัสว่าพระนาง อสันธิมิตตานี้ทรงมีบุญมากกว่าเจ้าทุกคน แต่พวกเจ้าไม่รู้ว่าพระนางได้ทรง บำเพ็ญบุญกุศลมาแล้วแต่ชาติปางก่อน พวกเจ้าตำหนิติเตียนกล่าวขวัญเราว่ารักและโปรดปรานพระนางเพียงผู้เดียว วันนี้เราจึงแสดงบุญของพระนางให้พวกเจ้าได้เห็นประจักษ์กันทุกคน

เมื่อพระนางอสันธิมิตตาได้ทรงสดับพระบรมราชโองการที่ทรงประกาศ พระบุญบารมีของพระนางให้ปรากฏเช่นนั้น พระนางทรงมีพระประสงค์ใคร่จะทรงแสดงบุญบารมีที่ได้ทรงบำเพ็ญแต่อดีตชาติปางก่อนให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งชัด จึงทรงถือผอบแก้วด้วยพระหัตถ์เบื้องซ้าย ทรงชักผ้าทิพย์ออกจากผอบแก้วนั้นด้วยพระหัตถ์เบื้องขวาได้จำนวน ๑,๐๐๐ ผืน จึงทรงนำมาถวายพระยาศรีธรรมาโศกราชต่อหน้านางสนมทั้ง ๑๖,๐๐๐ นาง ทรงชักผ้าทิพย์ออกจากผอบแก้วนั้นอีก แล้วพระราชทานแก่เจ้าพระยาผู้ทรงปกครองหัวเมืองชนบทต่างๆ องค์ละ ๕,๐๐๐ ผืน พระราชทานแก่พระยุพราชรัชทายาทแห่งเจ้าพระยาเหล่านั้นองค์ละ ๑๐๐ ผืน พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ประจำ ราชตระกูลองค์ละ ๕๐ ผืน พระราชทานแก่พระชายาของเจ้าพระยาตามหัวเมืองชนบทต่างๆ องค์ละ ๕๐ ผืน พระราชทานแก่องคมนตรีและเสนาบดีคนละ ๕๐ ผืน พระราชทานแก่นางสนมทั้ง ๑๖,๐๐๐ นาง คนละ ๒๕ ผืน พระราชทานแก่ไพร่ฟ้าประชาราษฎรและพสกนิกรทั้งหญิงและชายทุกคนที่อยู่ในเมืองปาตลีบุตรมหานครนั้นคนละ ๒๒ ผืน

ในกาลครั้งนั้น พระยาศรีธรรมาโศกราชและเจ้าพระยาสามันตราช ซึ่งปกครองหัวเมืองรอบนอก ตลอดทั้งพระบรมวงศานุวงศ์เสนาบดีทแกล้วทหาร ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ที่มาประชุมพร้อมกันอยู่ ณ สถานที่นั้นต่างก็ได้เห็นพระนางอสันธิมิตตาทรงชักผ้าทิพย์ออกจากผอบแก้วลูกเดียวนั้นไม่รู้จักหมดสิ้นไปเลย ดังนั้นรู้สึกฉงนอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ต่างโห่ร้องเปล่งเสียงสาธุการถวายพระพรกันกึกก้องไปทั่วแผ่นดินเมืองปาตลีบุตรมหานครทีเดียว

ครั้นพระยาศรีธรรมาโศกราชได้ทอดพระเนตรเห็นสิ่งแปลก ซึ่งไม่เคยมีปรากฏมาก่อนเช่นนั้น ยิ่งทรงอัศจรรย์ใจเป็นทวีคูณ ทรงมีพระประสงค์ ใคร่จะทรงทราบมูลเหตุบุญบารมีของพระนางที่ได้ทรงบำเพ็ญมาแต่ปางก่อน จึงตรัสถามว่า นางอสันธิมิตตาราชเทวี ผอบแก้วที่เราเห็นเจ้าได้มานี้ ดูแล้วช่างน่าพิศวงแก่ใจเราเหลือเกิน เพราะว่าเราไม่รู้เรื่องผอบแก้วนี้มาก่อน เจ้าได้สิ่งวิเศษนี้มาจากไหนเชิญเจ้าจงบอกเรามาเถิด เราจะขอชมบุญเจ้า

เมื่อพระนางเจ้าอสันธิมิตตาราชเทวีจะทรงแสดงบุญบารมีของพระองค์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญมาแต่ชาติปางก่อน จึงทรงกราบทูลว่า เมื่ออดีตชาติปางก่อนนั้น หม่อมฉันได้ถวายผ้าผืนหนึ่งแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระไพศรพณ์มหาราชทรงเป็นทิพยพยานแก่หม่อมฉัน เมื่อพระองค์ทรงมีพระบัญชารับสั่งให้หม่อมฉันจัดหาผ้าไตรจีวรให้ได้ครบ ๖๐,๐๐๐ ไตร เพื่อทรงถวายพระสงฆ์ ๖๐,๐๐๐ รูป นั้น หม่อมฉันมีความทุกข์โศกร้อนใจเป็นกำลัง นอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนที่นอนจนดึกดื่นเที่ยงคืนก็หลับไม่ลง คืนนั้นพระไพศรพณ์มหาราชเสด็จผ่านหน้าต่างปราสาทที่หม่อมฉันกำลังนอนอยู่ พร้อมด้วยยักษ์บริวาร ทรงได้ยินเสียงถอนใจคิดหาผ้าไตรจีวรของหม่อมฉันอยู่นั้น จึงเสด็จลงจากยานทิพย์เสด็จเข้าไปตรัสแก่หม่อมฉันว่า พระนางอสันธิมิตตาราชเทวี พระนางทรงอย่าได้มีความทุกข์โศกไปเลย ขอจงทรงนึกย้อนหลังไปถึงอดีตชาติก่อนโน้น ว่าทรงได้เคยถวายทานเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ขอพระนางเจ้าอย่าได้ทรงวิตกร้อนพระทัยในเรื่องนี้ไปเลย อานิสงส์ผลบุญของพระนางที่ได้ทรงถวายผ้าเช็ดหน้าผืนเดียวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าในอดีตนั้นจะบันดาลให้พระนางทรงได้รับผ้าทิพย์ในบัดนี้ ครั้นตรัสดังนั้นแล้ว พระไพศรพณ์มหาราชจึงพระราชทานผอบแก้วใบหนึ่งใส่ไว้ในมือของหม่อมฉัน พร้อมกับตรัสสั่งว่าถ้าพระนางทรงมีพระประสงค์ใคร่จะทรงได้ผ้า จงทรงถือผอบแก้วนี้ด้วยพระหัตถ์เบื้องซ้าย ทรงใช้พระหัตถ์เบื้องขวาจับชายผ้า ทิพย์ชักออกจากผอบแก้วเถิด นับตั้งแต่หม่อมฉันได้ผอบแก้วนี้มาเป็นสมบัติของตน ไม่ว่าหม่อมฉันจะต้องการผ้าจำนวนเท่าใดหรือสีสันชนิดไหนก็จะได้สมตามใจปรารถนาทุกประการ เช่นถ้าต้องการผ้าสีขาว ผ้าสีแดง ผ้าสีดำ ผ้าสีเหลือง ผ้าสีแดงอ่อน หรือผ้าสีต่างๆ ทุกสี ก็จะได้ดังใจนึกทุกอย่าง ถ้าหม่อมฉันต้องการจะนำผ้าจากผอบแก้วออกปูลาดให้ทั่วพื้นชมพูทวีปซึ่งกว้างได้ ๑๐,๐๐๐ โยชน์นี้ ก็จะสามารถปูลาดได้ทั่วทั้งหมดทีเดียว ผ้าในผอบแก้วจะไม่มีวันหมดสิ้นไปเลย ทั้งนี้เพราะอำนาจผลบุญที่หม่อมฉันได้ถวายผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าแต่ชาติก่อนนั้นได้ส่งผลให้หม่อมฉันจนถึงทุกวันนี้

เมื่อพระนางอสันธิมิตตาได้ทรงแสดงผลบุญที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญ มาแต่อดีตชาติแด่พระราชาให้ทรงได้ทราบโดยประจักษ์เป็นที่ชื่นชมแล้ว จึงทรงถวายคติธรรมเป็นสุภาษิตสืบต่อไปว่า บรรดาเทวดาและมนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ยากนักที่จะได้พบพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ ผู้ใดมีปัญญาเฉลียวฉลาดรู้หลักธรรมคำสอน เร่งขวนขวายให้ทานรักษาศีลและเจริญภาวนาบ่อยๆ ก็จะได้บรรลุถึงนวโลกุตรธรรมทั้ง ๙ อย่าง นำตนเข้าสู่ประตูพระนครแห่งนิพพาน ผู้ที่จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในแผ่นดินนี้หาได้ยากอย่างยิ่งเพราะผู้ที่เป็นมนุษย์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้มีใจเลื่อมใสศรัทธายึดมั่นในศีลธรรม รู้หลักธรรม เชื่อผลบุญเชื่อผลบาป ประพฤติดีปฏิบัติชอบอยู่เสมอ ผู้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมานี้หาได้ยากยิ่ง อีกอย่างหนึ่ง ถ้ามนุษย์มีใจเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เชื่อบุญเชื่อบาป รู้หลักธรรมเป็นอย่างดี ครั้นได้ฟังธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วตั้งอยู่ในพระพุทธโอวาท นำพระธรรมคำสอนไปประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ ก็จัดว่าหาได้ยากยิ่ง และถ้าได้ฟังธรรมแล้วจดจำพระธรรมคำสอนนั้นเป็นอย่างดี นำไปแนะนำพรํ่าสอนผู้อื่นให้รู้ตามสืบต่อไป อย่างนี้ก็จัดว่าหาได้ยากอย่างยิ่ง การได้อัตภาพหรือร่างกายเกิดมาเป็นคนนี้ก็จัดว่าหาได้ยากยิ่งเช่นกัน เรื่องทุกอย่างตามที่หม่อมฉันได้กราบทูลมานี้ พระองค์ก็ทรงทราบมาแล้วเป็นอย่างดีว่าหาได้ยากยิ่งจริงๆ ด้วยเหตุนี้แหละ หม่อมฉันจึงทำผิดล่วงละเมิดพระบรมราโชวาท บังอาจทูลถวายข้อแนะนำแก่พระองค์ซึ่งเป็นสิ่งมิบังควรเลย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปขอพระองค์จงทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในพระพุทธศาสนา จงทรงเร่งสดับพระธรรมอันประเสริฐ จงทรงรักษาศีล จงทรงทำบุญให้จงหนักในพระพุทธศาสนาเถิด เพราะว่าทั้งหม่อมฉันและพระองค์จะมีโอกาสได้พบพระพุทธศาสนานั้นดูช่างหายากยิ่งนัก บุญและธรรมที่ได้บำเพ็ญในสำนักของพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันตขีณาสพทั้งหลายเป็นอานิสงส์ผลบุญมากมายยิ่ง ต่อจากนี้ไปเบื้องหน้า ขอพระองค์จงทรงหมั่นบำเพ็ญบุญ จงทรงหมั่นบริจาคทาน จงทรงหมั่นสดับพระธรรม จงทรงหมั่นรักษาศีล ทรงเอาพระทัยใส่ให้ดีอย่าได้ทรงทอดธุระ โปรดอย่าได้ทรงโกรธแค้นผู้ใดจงทรงคบหาพระสหายผู้ดีมีศีลธรรมเถิด อย่าได้ทรงมีความประมาทในธรรม ทุกเมื่อเลย

ครั้นพระยาศรีธรรมาโศกราชได้ทรงสดับคำอนุโมทนาเป็นคติธรรม น่านิยมของพระนางอสันธิมิตตาราชเทวีเช่นนั้น จึงตรัสกับพระนางว่านับแต่นี้ต่อไปเราจะเชื่อฟังเจ้า ผิดชอบชั่วดีอย่างไร ขอให้น้องนางผู้มีบุญจงว่ากล่าวตักเตือนเราได้ทุกเมื่อ เราจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พระยาศรีธรรมาโศกราชผู้ทรงมีพระราชอำนาจนั้นทรงมีพระบุญญาบารมีมาก ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอันยิ่งใหญ่ เป็นต้นว่าทรงสร้างพระมหาธาตุ (พระมหาเจดีย์) ๘๔,๐๐๐ องค์ ในกลางชมพูทวีปทั่วทุกพระนคร ทรงสร้างพระมหา¬วิหาร ๘๔,๐๐๐ แห่ง (ตำบล) ทรงอังคาสถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ ๖๐,๐๐๐ รูป เป็นประจำวันละ ๖๐,๐๐๐ สำรับ ด้วยประการฉะนี้ พระเกียรติยศเกียรติศักดิ์ตลอดทั้งราชสมบัติของพระองค์บรรดามีที่ทรงจัดไว้สำหรับอุปถัมภ์บำรุง พระพุทธศาสนาและอังคาสเลี้ยงดูพระสงฆ์เป็นประจำทุกวันนั้นมีมากมาย จัดอยู่ในสมบัติของจุลจักรพรรดิราชทีเดียว

บรรดาผู้มีบุญบารมีมาก มีลาภยศอันยิ่งใหญ่มีสมบัติมากมายใน แผ่นดินนี้ก็จะยังมีไม่เท่าราชสมบัติปรกติของพระเจ้าจักรพรรดิและจุลจักรพรรดิสักแห่งเดียว แต่ก็ยังมีพระบรมราชผู้ทรงมีพระบุญญาธิการ ทรงมีมหิทธาภินิหารมาก ทรงมีพระเกียรติยศ พระเกียรติศักดิ์ยิ่งใหญ่ไพศาล และทรงมีราชสมบัติมากมายยิ่งกว่าราชสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิและจุลจักรพรรดิทั้งสองนั้นอยู่ คือพระเจ้ามันธาตุราช พระองค์ทรงมีพระบรมเดชานุภาพแผ่คลุมไปถึงเทวโลกทีเดียว เพราะนอกจากพระองค์จะได้เสวยราชสมบัติในมหาทวีป ทั้ง ๔ ในมนุษย์โลกแล้ว ยังได้เสวยทิพย์สมบัติในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชและชั้นดาวดึงส์อีกด้วย ทรงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมบัติทิพย์ ทรงมีนางฟ้าเทพธิดาผู้มีรูปโฉมมีใบหน้าพริ้มเพราเฉิดฉายงามยิ่งห้อมล้อมเป็นบริวาร อีกทั้งหมู่เทวดาต่างก็มากราบไหว้สักการบูชาทุกคืนนั้น เหมือนขุนนางทั้งหลายเข้าเฝ้าถวายบังคม สมเด็จพระมหาจักรพรรดิฉะนั้น พระบุญญาบารมีของพระองค์นั้น มีมากมายเหลือล้นสุดที่จะพรรณนา และสามัญชนผู้มีบุญบารมีมาก มีทรัพย์สมบัติ และข้าทาสบริวารมากเทียบได้กับพระราชาผู้ประเสริฐก็มีอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ เช่นโชติกเศรษฐี ชาวเมืองราชคฤห์ เป็นต้น

คณะทำงานโครงการวรรณกรรมอาเซียน