พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา

Socail Like & Share

วันวิสาขบูชาคือวันขึ้น ๑๕ คำ เดือน ๖ เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธศาสนิกชนถือเป็นประเพณีสำคัญยิ่งที่ต้องบำเพ็ญกุศลและเป็นราชประเพณีของพระมหากษัตริย์มาแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ดังปรากฏในตำนานของนางนพมาศซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในพระราชพิธี ๑๒ เดือน ว่าพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา

“ครั้นถึงวันวิสาขบูชา สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินและราชบริรักษ์ฝ่ายหน้าฝ่ายในทั้งอาณาประชาราษฎรทั่วทุกนิคมตามชนบทก็ประดับพระนครและพระราชวังข้างหน้าข้างในจวนตำแหน่งท้าวพระยา
พระหลวงเศรษฐี ชีพราหมณ์ บ้านเรือน โรงร้านพ่วงแพ ชนประชาชายหญิงล้วนแต่แขวนโคมประทีป ชวาลาสว่างไสวห้อยย้อยพวงบุปผาชาติประพรมเครื่องสุคนธรส อุทิศบูชาพระรัตนตรัยสิ้นสามทิวาราตรี มหาชนพากันรักษาอุโบสถศีล สดับฟังพระสัทธรรมเทศนาบูชาธรรม บ้างก็ถวายสลากภัตตาหาร สังฆทานข้าวบิณฑ์ บ้างก็ยกขึ้นซึ่งธงผ้าบูชาพระสถูปเจดีย์ บ้างก็บริจาคทรัพย์จำแนกแจกทานแก่ยาจกทลิททก คนกำพร้าอนาถาชราพิการ บ้างก็ซื้อไถ่ชีวิตสัตว์จาตุบททวิบาทชาติมัจฉาต่างๆ ปลดปล่อยให้ได้ความสุขสบาย อันว่าสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินและราชตระกูลก็ทรงศีลบำเพ็ญการพระราชกุศล ในวันวิสาขบูชาพุทธศาสนาเป็นอันมาก เวลาตะวันชายแสงก็เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยราชสุริยวงศ์และนางในออกวัดหน้าพระธาตุราชอารามหลวงวันหนึ่ง ออกวัดราษฎร์บุรณะพระวิหารหลวงวันหนึ่ง ออกวัดโลกสุทธราชาวาสวันหนึ่ง ต่างนมัสการพระรัตนัตตยาธิคุณ โปรยปรายผกาเกสรสุคนธรสสักการบูชา ถวายประทีปธูปเทียนเวียนแว่นรอบรัตนบัลลังก์ ประโคมดุริยางคดนตรีดีดสีตีเป่า สมโภชพระชินศรี พระชินราช พระโลกนาถ พระสัฏฐารสโดยมีกมลโสมนัสศรัทธาทุกตัวคน”

และมีคำสรรเสริญว่า
“อันพระนครสุโขทัยราชธานี ถึงวันวิสาขนักขัตฤกษ์ครั้งใด ก็สว่างไปด้วยแสงประทีปเทียนดอกไม้เพลิง แลสล้างสลอนด้วยธงชายธงประดากไสวไปด้วยพู่พวงดวงดอกไม้กรองร้อยห้อยแขวน หอมตลบไปด้วยกลิ่นสุคนธรสรวยรื่น เสนาะสำเนียงพิณพาทย์ฆ้องกลองทั้งทิวาราตรี มหาชนชายหญิงพากันกระทำกองการกุศล เสมือนจะเผยซึ่งทวารพิมานฟ้าทุกช่อชั้น”

สมัยอยุธยาไม่ปรากฏหลักฐานว่าพระราชพิธีทำอย่างไร มาสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ได้ทรงพระราชดำริการทำวิสาขบูชากับสมเด็จพระสังฆราช(มี) วัดมหาธาตุ ซึ่งถวายพระพรให้ทรงทำวิสาขบูชาเป็นการใหญ่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยบอกบุญพระบรมวงศานุวงศ์ กระทรวง ทบวง กรม ข้าราชการทุกหมู่เหล่า จัดตกแต่งโต๊ะหมู่ โคมเทียนและเทียนต้นประดับดอกไม้สดตั้งและแขวนรายรอบศาลา ระเบียง และกำแพงแก้วพระอุโบสถทั้งข้างล่างข้างบนถวายเป็นพุทธบูชา แล้วมีการเวียนเทียนสวดมนต์สรรเสริญพระพุทธคุณ นับเป็นครั้งแรก และได้ถือเป็นราชประเพณีโดยอนุโลมสืบมา พิธีสำหรับฝ่ายหน้าในวันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๖ สำหรับฝ่ายในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงสร้างพระอุโบสถพระพุทธรัตนสถานขึ้นในพระบรมมหาราชวังชั้นใน ซึ่งเป็นบริเวณใกล้กับพระที่นั่งอันเป็นที่ประทับ การวิสาข¬บูชาของฝ่ายในซึ่งเคยทำที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามจึงย้ายไปทำที่พระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน จนถึงสิ้นรัชกาลที่ ๗ จึงได้รวมวิสาขบูชาทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในเข้าด้วยกันมาจนถึงปัจจุบันนี้

อนึ่ง พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชานี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงถือว่าเป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาเพราะพุทธศักราชได้เริ่มแต่วันปรินิพพาน แห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนปี ซึ่งใช้รัตนโกสินทรศกเป็นปีพระพุทธศักราช แต่ให้เริ่มขึ้นปีในวันที่ ๑ เมษายน และโปรดเกล้าฯ ให้ทำบัตรอวยพรพระราชทานในวันวิสาขบูชา

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกวดแต่งหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาสำหรับสอนเด็ก พิมพ์พระราชทานในวันวิสาขบูชาซึ่งถือปฏิบัติสืบมาจนปัจจุบัน

และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงฟื้นฟูการทำบัตรอวยพรในวันวิสาขบูชาดำเนินตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชาเป็นงานต่อเนื่องกัน ๒ วัน วันแรกในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ เป็นพิธีทรงตั้งพระภิกษุสามเณรเปรียญ วันต่อมาคือวันขึ้น ๑๕ คํ่าเดือน ๖ เป็นวันทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา มีการพระราชพิธีดังนี้

ตั้งเปรียญ
ตามราชประเพณีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภ์จึงทรงใฝ่พระราชหฤทัย ในการศึกษาเล่าเรียนของพระภิกษุสามเณร เมื่อพระภิกษุสามเณรศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมสอบ ไล่ได้เปรียญธรรม มีการพระราชพิธีพระราชทานพัดยศตามชั้นเปรียญที่สอบได้ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ถ้าหากสามเณรรูปใดสอบเปรียญธรรมได้ ๙ ประโยค เมื่ออายุครบอุปสมบททรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวง อุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีพระราชทานพัดยศพระภิกษุสามเณรที่สอบได้เปรียญธรรมเฉพาะ ๓-๖ และ ๙ ประโยค ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามก่อนวันวิสาขบูชาวันหนึ่ง ส่วนพระภิกษุสามเณรที่สอบได้เปรียญธรรม ๔-๕-๗-๘ ประโยค โปรดให้สมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ประทานพัดยศเปรียญ ณ พระอุโบสถวัดที่สมเด็จพระสังฆราชประทับ

พระราชพิธีตั้งเปรียญในปัจจุบัน เวลา ๑๖ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมายังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จฯ ขึ้นสู่พระอุโบสถที่ชานหน้าพระอุโบสถเจ้าพนักงานพระราชพิธีกราบบังคมทูลทรงพระราชอุทิศธูปเทียนไทยธรรมสำหรับบูชาพระรัตนตรัยในวันวิสาขบูชา ว่า

“ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม

เนื่องในการพระราชกุศลวิสาขบูชา สำนักพระราชวังได้รับพระราชทานจัดธูปเทียนไทยธรรม สำหรับทรงพระราชอุทิศ ดังนี้
๑. เครื่องไทยธรรมกัณฑ์เทศน์ ถวายพระสงฆ์เทศนาตามพระอารามหลวง ๑๙ พระอาราม มีสบง ๕๗ ผืน เทียนดูหนังสือ ๕๗ เล่ม และปัจจัยบูชากัณฑ์เทศน์
๒. เทียนรุ่งสำหรับบูชาพระรัตนตรัย ๖ พระอาราม พระอารามละ ๒ เล่ม พร้อมธูปเทียนสำหรับเวียนเทียน
๓. สำหรับวันถวายเพลิงพระพุทธสรีระ มีเทียนรุ่งบูชาพระรัตนตรัย ๗ พระอาราม พระอารามละ ๒ เล่ม พร้อมด้วยธูปเทียนสำหรับเวียนเทียน

ทั้งนี้ เจ้าพนักงานแผนกพระราชพิธีจะได้เชิญไปถวายเจ้าอาวาสตามที่ได้ทรงพระราชอุทิศแล้วนี้

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”

เมื่อเจ้าพนักงานพระราชพิธีกราบบังคมทูลจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุร่าย ทรงเจิมธูปเทียนที่ทรงพระราชอุทิศ แล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถทรงจุดธูปเทียน ถวายนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วทรงยืนประเคนผ้าไตร ประกาศนียบัตรเปรียญ พัดยศเปรียญ ๓- ๖- ๙ ประโยค แด่พระภิกษุสามเณรตามลำดับประโยค ขณะนั้นพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย ๑๐ รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานเจริญชัยมงคลคาถา พระภิกษุสามเณรที่เข้ารับผ้าไตร ประกาศนียบัตร พัดยศ แล้วเดินออกจากพระอุโบสถไปครองผ้าที่ระเบียงพระอุโบสถ ครองผ้าเสร็จถือพัดยศกลับเข้าไปนั่งยังอาสนสงฆ์เรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์ที่เจริญชัยมงคลคาถาและพระภิกษุเปรียญที่ทรงตั้งใหม่ยกพัดขึ้น พร้อมกันถวายอนุโมทนา จบ สมเด็จพระสังฆราชถวายอดิเรก จบแล้ว พระสงฆ์ทั้งหมดออกจากพระอุโบสถ เจ้าหน้าที่พระคลังข้างที่ทูนเกล้าฯ ถวายเงินแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อพระราชทานเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็ก หากผู้ชนะการประกวดเป็นพระภิกษุเปลี่ยนเป็นถวายผ้าไตร เสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับ

พระภิกษุหรือสามเณรเปรียญ ๙ ประโยค ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดรถยนต์หลวงรับนำไปส่งถึงวัดทุกรูป

งานนี้แต่งกายเครื่องแบบปรกติขาว

ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา
กำหนดพระราชพิธีในเวลาบ่ายวันขึ้น ๑๕ คํ่า เดือน ๖ พระบรมวงศานุวงศ์จัดเทียนต้นตกแต่งดอกไม้สดไปตั้งบูชาที่หน้าพระฉากในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม บรรดาข้าราชการ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ จะนำโคมกระจกมีเครื่องหมายตราหรือตำแหน่งสังกัดตกแต่งประดับพวงดอกไม้ไปมอบเจ้าหน้าที่ติดไฟฟ้าแล้วแขวนที่กำแพงแก้วและศาลารายรอบพระอุโบสถ เป็นการโดยเสด็จพระราชกุศล

เวลา ๑๘ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จฯ เข้าสู่พระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วเสด็จออกชานหน้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียน และทรงถือไว้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการฝ่ายทหาร ตำ รวจ และพลเรือน เข้าไปขอพระราชทานต่อไฟที่ทรงจุดถือไว้สำหรับบูชาพระรัตนตรัยและเวียนเทียน ครั้นทรงต่อไฟพระราชทานหมดทุกคนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำสวดบูชาสรรเสริญพระรัตนตรัย จบ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี ข้าราชการ ประทักษิณพระอุโบสถภายในกำแพงแก้ว ส่วนนอกกำแพงแก้วทหารมหาดเล็กถือดอกไม้ธูปเทียน เวียนรอบตามด้วยประชาชน เมื่อเวียนเทียนครบ ๓ รอบแล้ว เจ้าพนักงานนิมนต์พระราชาคณะที่จะถวายพระธรรมเทศนา ๑ รูป และพระสงฆ์ที่จะสวดรับอนุโมทนา ๔ รูปขึ้นนั่งยังอาสนสงฆ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ ทรงโปรยดอกไม้ (ดอกมะลิ กับกลีบกุหลาบ) ที่ธรรมาสน์ศิลา ทรงจุดเทียนดูหนังสือพระราชทานเจ้าหน้าที่นำไปตั้งที่ธรรมาศน์ ศิลา แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา อาราธนาศีล พระราชาคณะถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนากัณฑ์หนึ่ง จบ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับ

อนึ่ง บางปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแปรพระราชฐานประทับนอกกรุงเทพมหานครจะเสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ วัดใกล้พระราชฐานที่ประทับแรม ส่วนที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์

บางปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวิสาขบูชา ณ ปูชนียสถานสำคัญ เช่น วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช พระธาตุหริภุญชัย จังหวัดลำพูน พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เป็นต้น เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลร่วมกันกับประชาชน

การแต่งกาย วันวิสาขบูชาตามราชประเพณีในรัชกาลก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์จะทรงพระภูษาแดง ฉลองพระองค์ขาวแบบปรกติ ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน ส่วนข้าราชการแต่งเครื่องแบบปรกติขาว

ที่มา:กรมศิลปากร