ความชำนาญในการเดินทางของมหาตมะคานธี

Socail Like & Share

คานธี
คดีของบริษัท ที่ท่านคานธีรับเป็นทนายช่วยว่าความขึ้นตรงต่อศาลปรีโตเรีย ฉะนั้นเมื่อท่านพักผ่อนร่างกาย ๖-๗ วันพอสมควรแล้ว ท่านเตรียมตัวเดินทางไปยังปรีโตเรียต่อไปอีก เมื่อถึงกำหนดเวลาเดินทางไปตีตั๊วโดยสารรถไฟชั้น ๑ เมื่อตีตั๋วได้แล้วก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนรถชั้น ๑ พอได้เวลากำหนดรถไฟเคลื่อนออกจากสถานีเดินทางต่อไป ในเวลาตอนค่ำมีผู้โดยสารรถไฟชั้น ๑ ขึ้นมาใหม่อีกคน เป็นชาวผิวขาว พอขึ้นมาบนรถชั้น ๑ เหลือบเห็นมหาตมะคานธีก็ตะลึง และมองดูด้วยอาการพิศวงอยู่ประเดี๋ยวหนึ่งแล้วก็เดินออกไปเสียจากห้องโดยไม่พูดจาว่าอะไร แต่ต่อมาอีกไม่กี่นาที ฝรั่งผู้นั้นนำเจ้าหน้าที่รถไฟมาด้วย ๒-๓ คน แล้วชี้ให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นดูที่คานธี ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถชั้น ๑ อย่างสบาย เจ้าหน้าที่เดินเข้าไปยืนข้างหน้าคานธีแล้วพูดว่า……
“ท่านจะต้องไปนั่งในรถชั้น ๒”
“แต่ฉันตีตั๋วโดยสารชั้น ๑ มา”
“ไม่เป็นไรมิได้ ฉันบอกให้ท่านไปนั่งรถชั้น ๒”
“ฉันขอบอกว่า ฉันนั่งรถชั้นนี้มาจากเดอร์บันและได้ตั้งใจไว้ว่าจะนั่งอยู่ในรถชั้นนี้ต่อไปทีเดียว”

“เป็นไปมิได้เสียแล้วท่าน ท่านต้องไป มิฉะนั้นฉันจะเรียกทหารมาบังคับให้ท่านลงไปจากรถ”
“ดีละ เชิญท่านเรียกทหารให้นำตัวฉันลงจากรถ แต่ฉันจะไม่ลงไปเองแน่ๆ”
ผลที่สุด เจ้าหน้าที่รถไฟ เรียกทหารมาลากตัวท่านคานธีลงไปจากรถไฟ แล้วรถไฟก็ได้แล่นออกไปจากสถานีทันที และท่านได้ถูกทิ้งไว้ ณ สถานีกลางทางแต่ผู้เดียว มหาตมะคานธีได้ตั้งใจแน่วแน่ จะต่อสู้เรียกร้องขอสิทธิในการโดยสารรถไฟชั้น ๑ กลับคืนมาให้ได้ จึงยื่นคำร้องไปยังผู้บัญชาการรถไฟทางโทรเลขโดยด่วน เมื่อผู้บัญชาการได้รับคำร้องนั้นแล้ว ได้สั่งให้จัดขบวนรถไฟพิเศษรับตัวมหาตมะคานธีไปส่งยังสถานีชาลส์ทาวน์

จากชาลส์ทาวน์ ท่านยังต้องเดินทางไปยังโยฮันส์เบอกโดยทางรถม้าอีกตอนหนึ่ง เพราะเวลานั้นรถไฟสายนี้ยังไม่มี ฉะนั้นเมื่อถึงเวลากำหนดที่จะออก ท่านก็รีบไปยังรถม้าคันที่จะโดยสารไป เมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย ชั่วประเดี๋ยวหนึ่งมีผู้โดยสารพวกผิวขาวคนหนึ่งขึ้นมาบนรถมองหาที่นั่งอื่นๆ ไม่มีหรือมีแต่ไม่เหมาะ จึงสั่งให้มหาตมะคานธีลุกขึ้นจากที่ตนจะนั่งนั้น แล้วอนุญาตให้มหาตมะคานธีนั่งบนพื้นรถข้างเท้าของเขาก็ได้ ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่คนผู้มีใจกล้าแข็งเป็นเหล็กอย่างมหาตมะคานธี จะยอมทำตามอย่างวิธีเหยียดหยามนั้นไม่ได้เป็นอันขาด ฝรั่งผู้นั้นจึงทุบตีมหาตมะคานธีอยู่หลายที การป้องปัดกำปั้นของมหาตมะคานธีนั้น ย่อมไม่ได้รับผลอะไรเพราะท่านเป็นผู้มีร่างกายเล็กและอ่อนแอด้วย ส่วนฝรั่งผู้นั้นเป็นคนล่ำสันกำยำตรงกันข้ามทีเดียว เมื่อผู้โดยสารอื่นๆ เห็นว่าเรื่องนั้นไม่ยุติลงง่าย ต่างได้ยื่นมือเข้าเกี่ยวข้องห้ามปรามฝรั่งไม่ให้ตี ผลที่สุดฝรั่งผู้นั้นต้องยืนค้อนให้ไปตลอดทาง ส่วนมหาตมะคานธีนั่งอยู่กับที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนตลอดทางเหมือนกัน

เมื่อเดินทางไปถึงโยฮันส์เบอกแล้ว ท่านได้พักอยู่ที่นั่นราว ๒-๓ วัน แล้วเตรียมตัวโดยสารรถไฟเดินทางต่อไปอีกเพื่อนฝูงได้กระซิบบอกท่านว่า ในอาฟริกาใต้ ชาวผิวอื่นนั่งชั้นเดียวกับชาวผิวขาวไม่ได้ ญี่ปุ่นก็ดี จีนก็ดี หรืออินเดียก็ดี ต้องนั่งในชั้นที่ไม่มีชาวผิวขาวนั่งรวมอยู่ด้วยจึงจะได้ ฉะนั้นขอให้ท่านนั่งรถไฟชั้น ๓ ดีกว่าเพราะเป็นชั้นรับผู้โดยสารทั่วไป และไม่มีผู้โดยสารพวกผิวขาวมานั่งรวมในชั้นนี้ มหาตมะคานธีจึงขอไปดูกฎ และระเบียบการโดยสารของกรมรถไฟว่ามีหลักเกณฑ์แบ่งชั้นผู้โดยสารไว้อย่างไร เมื่อตรวจดูตลอดไม่เห็นมีข้อบังคับอันใดของกรมรถไฟ ที่แสดงว่าชาวผิวอื่นนั่งรวมกับชาวผิวขาวไม่ได้หรือพูดง่ายๆ ว่าชาวผิวอื่นนอกจากชาวผิวขาวจะนั่งรถชั้น ๑ ไม่ได้ เมื่อพบหลักฐานดังนั้นแล้ว ท่านจึงตกลงใจตีตั๋วโดยสารรถไฟชั้น ๑ อีก

แต่ในคราวนี้ ขั้นต้นท่านได้เขียนจดหมายแสดงความจำนงว่าท่านจะโดยสารรถไฟชั้นหนึ่ง ส่งไปยังสถานีล่วงหน้าก่อน เมื่อท่านไปถึงสถานีรถไฟ นายสถานีจัดตั๋วชั้น ๑ ให้ตามความจำนง แต่ได้กระซิบบอกเป็นพิเศษกับท่านว่า ถ้าหากมีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้นในระหว่างทางขออย่าเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมรถไฟ เสร็จแล้วมหาตมะคานธีก็ขึ้นไปนั่งบนรถไฟชั้น ๑ แต่เผอิญในรถชั้น ๑ ขบวนนี้มีฝรั่งโดยสารไปด้วยคนหนึ่ง ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถจึงวิ่งเข้ามาสั่งให้มหาตมะคานธีไปนั่งชั้น ๓ ทันที มหาตมะคานธีไม่ยอมตามเคย แต่คราวนี้เป็นโชคดีของท่านมาก เพราะฝรั่งผู้ที่โดยสารรถคันนั้นเป็นคนหน้าใหม่เพิ่งจะมาจากยุโรปไม่กี่วัน ยังใหม่ต่อการไว้เกียรติอย่างฝรั่งประจำถิ่น เหตุนั้นฝรั่งจึงกลับไปเถียงกับเจ้าหน้าทีรถไฟว่า ทำไมเขาจึงไม่ยอมให้ผู้โดยสารผู้นี้นั่งชั้น ๑ เจ้าหน้าที่กลับมองดูหน้าคนผิวขาวผู้นี้ด้วยความประหลาดใจแล้วพูดว่า ถ้าท่านอยากนั่งรวมกับพวกผิวเหลืองก็นั่งได้ สำหรับฉันไม่เป็นไร ดังนั้นท่านมหาตมะคานธีจึงได้เดินทางมาถึงปรีโตเรียได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ในระหว่างทางอีก

ที่มา: สวามี  สัตยานันทปุรี