เจดีย์ยุทธหัตถีมีจริงหรือ?
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ อายุ ๓๗ ปี เป็นชาวอุตรดิตถ์ ได้รับปริญญาตรีทางโบราณคดี จากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ แล้วเข้ารับราชการเป็นนักโบราณคดีประจำกรมศิลปากรเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๗ ครั้นเมื่อเจดีย์พระธาตุพนมล้ม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘ จึงได้รับมอบหมายจากกรมศิลปากรให้เป็นนักโบราณคดี ไปควบคุมการบูรณะปฏิสังขรณ์ด้วย
รบกันแน่แต่ได้สร้างเจดีย์
มีเอกสารทางประวัติศาสตร์อยู่ ๔ ฉบับที่สนับสนุนข้อสงสัยดังกล่าวแล้วของผู้เขียนคือ
พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ซึ่งเป็นพงศาวดารที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้นักปราชญ์ในราชสำนักเรียบเรียงขึ้นจากเอกสารต่าง ๆ ในหอหลวง
พระราชพงศาวดารฉบับนี้กล่าวถึงแต่สถานที่ ๆ สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะพระมหาอุปราชา แต่พงศาวดารก็มิได้กล่าวว่า พระองค์ได้ทรงสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น
อย่างไรก็ตาม การที่พงศาวดารฉบับนี้เพียงฉบับเดียวมิได้กล่าวถึงและถึงแม้ว่าจะเป็นพงศาวดารฉบับที่มีความโดยทั่วไปน่าเชื่อถือมากที่สุดก็ตาม ก็มิได้เป็นข้อพิสูจน์อย่างเพียงพอว่า จะไม่มีเจดีย์ยุทธหัตถีแต่อาจเป็นเพราะสาเหตุอื่น ๆ ได้ นานัปการ นับตั้งแต่เป็นเพราะผู้เรียบเรียงลืมจดลงไป…หรือเพราะเขาไม่เห็นความสำคัญที่จะจดลงไปก็ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องหาเอกสารอื่นมาสนับสนุนเพิ่มเติม
คำให้การชาวกรุงเก่าและคำให้การขุนหลวงหาวัด เอกสารสองฉบับนี้ ถึงแม้ว่าโดยทั่วไปจะมีความเลอะเลือนและแปรปรวนมาก แต่ในด้านที่จะแสดงให้เห็นถึงความรู้เกี่ยวกับเจดีย์ยุทธหัตถีของ่ชาวกรุงศรีอยุธยาในสมัยเสียกรุงครั้งที่สองนั้น การนำเอกสารสองฉบับนี้มาอ้างอิงก็มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
เอกสารทั้งสองฉบับได้เล่าเรื่องการทำยุทธหัตถีของกษัตริย์ทั้งสองพระองค์โดยพิสดาร และจบลงด้วยพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์และบอกเครื่องหมายตามธรรมชาติที่มีอยู่ในสถานที่ ๆ กระทำยุทธหัตถีนั้นแสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่า เรื่องราวการต่อสู้ของวีรบุรุษในครั้งนั้นได้ติดตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทยมาเป็นเวลานานจนถึงเวลาเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองใน พ.ศ. ๒๓๑๐ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ห่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึง ๑๗๖ ปี
แต่ก็น่าแปลกใจที่เอกสารทั้งสองฉบับมิได้กล่าวถึงเรื่องการสร้างเจดีย์ยุทธหัตถีไว้ด้วยเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกัน
หนังสือนิทานโบราณคดี พระนิพนธ์ของสมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวเรื่องราวตอนที่พระยาสุพรรณบุรี (อี่ กรรณสูต) ไปพบเจดีย์สร้าง ซึ่งสมเด็จกรม ฯ พระยาดำรงราชานุภาพทรงเข้าพระทัยว่า
“….พระยาสุพรรณ ฯ ได้ออกไปที่ตำบลนั้น สืบถามถึงพระเจดีย์โบราณ พวกชาวบ้านบอกว่ามีอยู่ในป่าตรงที่เรียกว่า “ดอนพระเจดีย์” องค์หนึ่ง พระยาสุพรรณ ฯ ถามต่อไปว่า เป็นพระเจดีย์ของใครสร้างไว้ รู้หรือไม่ พวกชาวบ้านตอบว่าไม่รู้ว่าใครสร้าง เป็นแต่ผู้หลักผู้ใหญ่บอกเล่าสืบมาว่า “พระนเรศวร ฯ กับพระมหาอุปราชาชนช้างกันที่ตรงนั้น”
เมื่อพิจารณาความตอนนี้ให้ดีจะเห็นว่าในสมัยรัตนโกสินทร์นี้เช่นกันที่คนไทยยังมีความทรงจำเรื่องการกระทำยุทธหัตถีในครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี แต่หากว่าไม่มีความรู้เรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีเลย
กล่าวโดยสรุป จากเอกสารต่างสมัยกันทั้ง ๔ ฉบับ แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่าคนไทย ในสมัยต่าง ๆ คือสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ และสมัยตอนต้นของรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งในแต่ละช่วงเกือบ ๒๐๐ ปีนี้เรื่องราวการทำยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวรและพระมหาอุปราชายังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทยและชอบที่จะเล่าเรื่องราวนั้นมาโดยตลอด แต่ขณะเดียวกัน เรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีก็กลับไม่อยู่ในความทรงจำของเขาเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องกันและมีพยานในทางสถานที่อยู่ด้วย แต่ก็กลับลืมเสียไม่รู้จัก นับเป็นเหตุผลที่พอเพียงทีเดียวที่จะกล่าวว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะในความเป็นจริงนั้นสมเด็จพระนเรศวรไม่เคยที่จะทรงสร้างเจดีย์ยุทธหัตถีไว้ ณ ที่ใดเลย