อวินิโภครูป:อนิจจลักษณะ

Socail Like & Share

สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในสามภพนี้ถึงจะมียศศักดิ์ สมบัติเป็นเหมือนพระยามหาจักรพรรดิราช เหมือนพระอินทร์ เจ้าแห่งดาวดึงส์ หรือเหมือนพระพรหม ก็ไม่ตั้งอยู่มั่นคงอนิจจลักษณะถาวรในยศศักดิ์สมบัตินั้นเลย ย่อมต้องพินาศพลัดพรากตายจากสมบัตินั้นไปทั้งสิ้น

ทั้งพระอินทร์ พระพรหม เมื่อหมดอายุแล้ว ก็ย่อมต้องท่องเที่ยววนเวียนไปมาในภพทั้ง ๓ นี้ ไม่มีที่สิ้นสุดเลย บางครั้งไปเกิดในอบายภูมิ ๔ ต้องทนทุกขเวทนามากมายนักหนา ไม่มีอะไรเที่ยงในสังสารวัฏนี้เลย

สัตว์นรกทั้งหลายเมื่อหมดอายุในนรกนั้นแล้ว บางครั้งตายไปเกิดเป็นสัตว์นรกเหมือนเดิมอีก บางครั้งตายไปเกิดเป็นเปรต เป็นสัตว์ดิรัจฉาน เป็นอสุรกาย ถ้าได้ทำบุญไว้บ้างในอดีต บางครั้งก็ได้เกิดเป็นมนุษย์ บางครั้งเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์กามาพจรภูมิ ๖ ชั้น หมู่สัตว์นรก ถ้าหมดอายุในนรกนั้นแล้วจะไปเกิดได้ในกามาพจรภูมิ ๑๑ ชั้นเท่านั้น จะไปเกิดในพรหม ๒๐ ชั้นมิได้เลย

ส่วนในเปรตวิสัย เมื่อหมดอายุในเปรตวิสัยนั้นแล้วบางครั้งก็จะเกิด เป็นเปรตอีก บางครั้งไปเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน บางครั้งไปเกิดเป็นอสุรกาย ถ้าได้ทำบุญไว้แต่ปางก่อน ก็เกิดเป็นมนุษย์ในมนุษย์โลก และเกิดเป็นเทพยดาในเทวดาภูมิดังกล่าวมาแล้ว จะไปเกิดที่อื่นมิได้เลย

สัตว์ที่เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เมื่อตายจากชาติดิรัจฉานแล้ว บางครั้งเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานอีกก็มี บางครั้งไปตกนรกก็มี บางครั้งไปเกิดเป็นเปรต ก็มี บางครั้งไปเกิดเป็นอสุรกายก็มี ถ้าได้ทำบุญไว้แต่ปางก่อนก็จะได้ไปเกิดในสุคติภูมิ ที่จะไปเกิดในภูมิอื่น เช่นพรหมทั้ง ๒๐ ชั้นนั้นมิได้เลย

อสุรกายก็เช่นเดียวกัน เมื่อหมดอายุแล้ว บางครั้งเกิดเป็นอสุรกายอีก บางครั้งไปตกนรก บางครั้งเกิดเป็นเปรต บางครั้งเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางครั้งเกิดเป็นมนุษย์ บางครั้งไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นกามาพจรภูมิก็มี แต่จะไปเกิดเป็นพรหมมิได้เลย

หมู่สัตว์ที่เกิดเป็นมนุษย์นี้ มี ๒ พวก พวกหนึ่งได้แก่ อันธปุถุชน คือ คนชั่ว คนมืด คนโง่ อีกพวกหนึ่งได้แก่ กัลยาณปุถุชน คือ คนดี คนงาม คนฉลาด

อันธปุถุชน เมื่อตายจากมนุษย์นี้ ย่อมไปเกิดในอบายภูมิ ๔ คือ ไปนรก หรือเป็นเปรต สัตว์ดิรัจฉาน และอสุรกาย ถ้าได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็จะเป็นคนทุพลภาพ รูปร่างอัปลักษณ์ น่าเกลียด น่าชัง เป็นคนชั่วช้าเลวทราม ไม่รู้จักเรื่องที่จะเป็นบุญเลย

กัลยาณปุถุชน เมื่อตายจากมนุษย์นี้แล้ว ไปเกิดในสวรรค์ก็มี ไปนิพพานก็มี แต่ไม่ไปเกิดเป็นพรหมชั้นสุทธาวาส ๕ ชั้น คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี และ อกนิฏฐา เป็นมนุษย์นี้ย่อมไปเกิดได้เฉพาะใน ๒๖ ภูมิ(กามภูมิ ๑๑ รูปภูมิ ๑๑ อรูปภูมิ ๔) เท่านั้น

เทวดาทั้งหลายที่เกิดในฉกามาพจรภูมิ ๖ ชั้นนั้น เมื่อจุติจากเทวโลกแล้ว ถ้ายังมิได้บรรลุมรรคผล บางครั้งได้ไปเกิดในสวรรค์กามาพจร ๖ ชั้นนั้นอีก บางครั้งไปเกิดเป็นมนุษย์ บางครั้งไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ บางครั้งไปเกิดเป็นพรหมในรูปพรหม ๑๑ ชั้น ตั้งแต่ชั้นพรหมปาริสัชชา เป็นต้น จนถึงชั้นอสัญญีสัตตาเป็นที่สุด บางครั้งได้ไปเกิดในอรูปพรหม ๔ ชั้น ไปเกิดแต่ใน ๒๖ ภูมิเท่านั้น ส่วนในรูปภูมิ ๕ ชั้น คือ สุทธาวาส ๕ นั้น มิได้ไปเกิด

รูปพรหมที่มีจิตใจ ๑๐ ชั้น ตํ่ากว่าชั้นอสัญญีสัตว์ลงมา ผู้ที่ได้มรรคผล แล้วจึงได้เกิด เมื่อหมดอายุแล้ว บางครั้งเกิดเป็นพรหมใน ๑๐ ชั้นนั้นอีก บางครั้งไปเกิดในอสัญญีภูมิ ซึ่งอยู่ชั้นเหนือขึ้นไป เป็นพรหมมีแต่รูปไม่มีจิตใจ บางครั้งไปเกิดในอรูปภูมิ ๔ ชั้น สูงขึ้นไปเป็นพรหมมีแต่จิตไม่มีรูป บางครั้งได้มาเกิดในสุคติภูมิอันมีสุขสมบัติ มิได้ไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ เลย ส่วนอสัญญีสัตตาพรหมนั้น เมื่อหมดอายุแล้วก็ลงมาเกิดในสุคติภูมิทั้ง ๗ ชั้นนี้ เสวยสุขสมบัติ มิได้ไปเกิดในภูมิอื่นที่สูงกว่านี้

อรูปพรหมในอรูปภูมิทั้ง ๔ ชั้นนั้นเมื่อหมดอายุแล้ว บางครั้งได้เกิดใน อรูปภูมินี้อีก บางครั้งไปเกิดในอรูปภูมิชั้นสูงขึ้นไป บางครั้งลงมาเกิดในสุคติภูมิทั้ง ๗ ชั้น มิได้เกิดในอรูปพรหมชั้นตํ่า ไม่เกิดในรูปพรหมและไม่ลงไปเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ เลย

สัตว์ทั้งหลายที่เกิดใน ๓๑ ภูมิ ต้องหมุนเวียนไปมา ปฏิสนธิแล้วก็จุติตายไป แล้วก็เกิดอีก ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ขอให้ชาวโลกทั้งหลายได้รู้ไว้ด้วย

อย่าว่าแต่สัตว์ที่มีจิตใจจะต้องพินาศหมดไปเลย ถึงแม้ว่าแผ่นดิน ภูเขา น้ำ ถ้ำเถื่อนทั้งหลายที่มีแต่รูปไม่มีจิตใจ ก็ยังต้องพินาศไป ไม่เที่ยงไม่แท้สักสิ่งเลยเหมือนกัน

คณะทำงานโครงการวรรณกรรมอาเซียน