ประโยชน์ของถุง

Socail Like & Share

พูดถึงคำว่าถุง ก็ดูจะมีคนรู้จักกันทั่วไป แต่ถ้าจะถามว่าถุงคืออะไร รู้สึกว่าจะตอบยากเหลือเกิน เหมือนกับจะถามว่า ปากคืออะไรนั่นแหละ ใครๆ ก็มีปากและรู้จักปาก แต่จะตอบออกมาเป็นคำพูดหรือตัวหนังสือว่าปากคืออะไร ก็พูดลำบาก นอกจากนี้ให้ดูปากแล้วบอกว่านี่แหละปาก อย่างนี้ค่อยง่ายหน่อยถุงพลาสติก

ถุงนั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๓ ให้ความหมายไว้ว่า “สิ่งสำหรับใส่เงินหรือของต่างๆ มีรูปคล้ายตัวย่าม เย็บหรือถักด้วยป่าน ไหม เป็นต้น สิ่งที่ใช้คลุมใช้สวม เช่น ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าถุง รวมความแล้วถุงนั้นคือสิ่งที่ใส่เงินหรือสิ่งของ หรือสิ่งที่ใช้คลุมหรือสวมนั่นเอง”

ถุงสำหรับใส่เงินหรือสิ่งของนั้น มนุษย์เราคงจะประดิษฐ์คิดขึ้นมานานแล้ว พอๆ กับคิดทำผ้าขึ้นใช้นั่นแหละ โดยเฉพาะถุงสำหรับใส่เงินนั้น คงจะคิดทำขึ้นก่อน เพราะว่าสมัยก่อนนี้เงินตราของเราทำด้วยโลหะหรือวัตถุอย่างอื่นซึ่งไม่ใช่กระดาษ การที่จะพกพาเงินทองไปไหนๆ ให้สะดวก และอยู่ติดกับตัว ก็ไม่มีภาชนะอะไรที่จะใส่ได้เท่ากับถุง ซึ่งครั้งแรกก็คงจะทำด้วยผ้านั่นเอง แต่ทุกวันนี้ ถุงใส่เงินก็จะไม่จำเป็นเสียแล้ว เพราะมีกระเป๋าใส่เงินเข้ามาแทนที่ สะดวกกว่า และทนทานกว่าสวยงามกว่าถุงสมัยก่อนมาก และเงินทุกวันนี้ก็เป็นเงินกระดาษ ส่วนที่เป็นโลหะกลายเป็นเศษเงินเพียงเล็กๆ น้อยๆ ไปเสียแล้ว ถุงจึงไม่มี ความจำเป็นต้องใช้สำหรับใส่เงินอีกต่อไป นี่พูดสำหรับคนทั่วๆ ไป แต่สำหรับหน่วยราชการบางแห่ง เช่นกระทรวงการคลัง เป็นต้น ยังเห็นใช้ถุงผ้าสำหรับใส่เงินย่อยอยู่ เพราะสะดวกแก่การนับและจับจ่าย

ถุงสำหรับใส่ของที่จำเป็นต้องใช้อยู่ในปัจจุบันก็คือ ถุงเมล์หรือถุงไปรษณีย์ ซึ่งเป็นถุงผ้าสำหรับบรรจุจดหมายหรือเอกสารหรือพัสดุซึ่งส่งมาทางไปรษณีย์ ช่างเขียนจึงเขียนภาพประกอบอักษร ก ข ของเราตรง ถ ถุง เป็นรูปบุรุษไปรษณีย์แบกถุงไปรษณีย์

พูดถึงเรื่องถุงไปรษณีย์แล้ว ก็น่าจะพูดถึงเรื่องการไปรษณีย์ของเราเสียด้วยว่าเป็นมาอย่างไร เพราะว่าการไปรษณีย์นั้นมีประโยชน์แก่เรามากมายเหลือเกิน ในการที่เราจะส่งสิ่งของเงินทองหรือข่าวคราวให้แก่กัน การจะทราบประวัติ หรือความเป็นมาของสิ่งที่มีประโยชน์แก่เรา จึงน่าจะไม่เสียเวลาจนเกินไป

การส่งข่าวคราวถึงกันสมัยโบราณ ถ้าระยะทางไกลก็ใช้คนถือหนังสือไป ถ้าระยะใกล้เคียงกันก็ไปมาหาสู่กัน หรือถ้าเป็นทางราชการก็มีการตีฆ้องร้องป่าวประกาศให้ทราบ แต่ต่อมาเมื่อบ้านเมืองเจริญมากขึ้น ความจำเป็นในการที่จะส่งข่าวคราวก็ออกไปไกลทุกที่ เช่นพี่น้องของเราอาจจะไปอยู่ห่างบ้านห่างเมืองเดิมมาก หรือเกี่ยวแก่กิจการค้าต้องติดต่อซื้อขายกัน โดยไม่จำเป็นต้องพบหน้าค่าตากัน ความจำเป็นเรื่องการสื่อสารจึงเกิดขึ้น ครั้งแรกๆ ก็อาจจะส่งข่าวคราวกันโดยฝากคนที่จะไปในทิศทางที่เราต้องการส่งข่าวก่อน แต่การจะหวังผลให้การส่งข่าวเช่นนี้ถึงได้รวดเร็วก็ลำบาก จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เจ้าหมื่นเสมอใจราราช นามเดิมว่า จู เป็นผู้ไปเห็นความเจริญรุ่งเรืองของต่างประเทศมาแล้ว ได้เห็นแบบแผนของการไปรษณีย์ ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลให้ทรงพระกรุณาริเริ่มจัดตั้งการไปรษณีย์ขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบหนังสือนั้นแล้วโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ ทรงเตรียมการที่จะเปิดการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๖ และเปิดกรมไปรษณีย์ และโทรเลขขึ้นเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๒๖ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การไปรษณีย์ของเราก็วิวัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน และรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามว่าการไปรษณีย์ของเราจะเจริญอย่างทุกวันนี้ก็ต้องผจญกับอุปสรรคหลายประการเหมือนกัน เช่น แทนที่คนเราจะใช้ไปรษณีย์เพื่อส่งข่าวคราวถามสาร ทุกข์สุขดิบ หรือติดต่อค้าขายกัน เมื่อเปิดการไปรษณีย์แรกๆ คนก็เขียนจดหมายไปด่ากันมากต่อมาก และสิ่งของที่ไม่ต้องการ เช่น ก้อนอิฐหรือก้อนหินหรืออุจจาระไปให้ผู้รับ จนผู้ที่รับจดหมายหรือพัสดุไปรษณีย์ทั้งหลายต่างกลัวเกรงไปต่างๆ ไม่มีใครปรารถนาจะรับสิ่งเหล่านี้ก็มีมาก เรียกว่าเราไม่รู้จักใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์นั่นแหละ เหมือนพวกที่เห็นแก่ได้ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ลักตัดสายไฟหรือสายโทรศัพท์เพียงเพื่อจะเอาทองแดงไปขายเพื่อเอาเงินไม่กี่ร้อยบาท แต่เป็นการทำลายทรัพย์สินอันมีค่าของชาติและทรัพยากรอันมีประโยชน์ของชาติเสียมากมายอย่างทุกวันนี้นั่นเอง

ถุงอีกอย่างหนึ่งคือถุงใส่สิ่งของที่ทำด้วยกระดาษและทำด้วยปลาสติก ซึ่งเราใช้ใส่ของต่างๆ และถุงเหล่านี้เอง เวลามีงานการต่างๆ เช่นมีการฉายหนังหรือการเล่นกลางแปลง คนเราจะซื้อของรับประทานใส่ถุงเข้าไปนั่งรับประทาน เสร็จแล้วก็ทิ้งถุงเหล่านี้ไว้กลาดเกลื่อน ท้องสนามหรือบริเวณที่มีงานนั้น ปล่อยให้เป็นภาระของผู้ที่จัดงานนั้นต่อไปที่จะเก็บกวาดทำความสะอาด บางทีมีงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่เวลาทำความสะอาดต้องทำกันเป็นวันจึงจะหมด บรรดาพวกถุงทั้งหลาย ดูเป็นการที่เราไม่ได้คำนึงถึงอะไรเสียเลย เมื่อจะทิ้งถุงหรือกระดาษห่อของเหล่านี้ลงไปบนพื้น สมัยหนึ่งสิ่งเหล่านี้เราเคยอบรมกันมิให้ทิ้งไว้เกลื่อนกลาดบนพื้นให้เก็บลงที่เก็บเป็นที่เป็นทาง แต่ทุกวันนี้เรามักจะพากันละเลยปล่อยให้เป็นภาระของคนงานทำความสะอาดแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งไม่มีวันที่บ้านเมืองของเราจะสะอาดไปกว่านั้น ถุงซึ่งทำด้วยปลาสติกนั้นเมื่อนึกถึงว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เพราะใช้ใส่ของเหลวก็ได้ ของร้อนก็ได้ ก็นับว่า มีประโยชน์มากทีเดียว แต่ถุงปลาสติกนี่แหละที่ก่อให้เกิดปัญหาทั่วโลก เพราะคนเรามักง่าย ทิ้งถุงไว้กลาดเกลื่อน ถุงเหล่านี้ตกลงไปในท่อระบายน้ำก็จะพากันอุดท่อน้ำให้ตัน เป็นเหตุให้น้ำท่วมถนนหนทางเหม็นคละคลุ้งไปทั้งเมืองก็มี ตกลงไปในแม่น้ำลำคลอง ก็ไปพันใบจักรของเรือที่วิ่งในแม่น้ำลำคลองนั้นให้เครื่องยนต์หยุดเดินก็มี เรียกว่ามีโทษมหาศาลเหมือนกัน ใช่แต่เท่านั้น ถุงปลาสติกเป็นวัตถุที่ไม่เปื่อยหรือทำลายได้ง่าย ก่อให้เกิดความยุ่งยากในการกำจัดขยะมูลฝอยไม่ใช่น้อย เรื่องของถุงใส่ของมีทั้งประโยชน์และโทษด้วยประการฉะนี้

ที่มา:วิชาภรณ์  แสงมณี