มหาตมะคานธีกลับจากอังกฤษ

Socail Like & Share

คานธี
ณ วันที่ ๑๐ เดือนมิถุนายน ค.ศ. ๑๘๙๑ มหาตมะคานธีสอบไล่วิชากฎหมาย ณ กรุงลอนดอนเป็นผลสำเร็จ และได้ขึ้นทะเบียนในศาลสูงสุดของอังกฤษเป็นทนายชั้น ๑ เสร็จแล้ว ณ วันที่ ๑๒ เดือนเดียวกันนั้น ได้เดินทางกลับประเทศอินเดีย มาตุภูมิของตน เมื่อเรือเมล์เข้าใกล้ท่าบอมเบ จิตใจของท่านเริ่มตื่นเต้นและกระหายที่จะพบมารดาผู้บังเกิดเกล้า พลางรำพึงในใจว่าเมื่อไรเรือจะเข้าจอดเทียบท่า จะได้รีบไปกราบเท้ามารดาผู้เคารพของตน ในที่สุดเมื่อเรือเข้าเทียบท่าแล้ว เห็นพี่ชายและเครือญาติหลายคนมาคอยต้อนรับอยู่ จึงรีบลงจากเรือไปแสดงความเคารพผู้ใหญ่ และถามข่าวถึงมารดาแต่ไม่มีใครตอบ แล้วพวกญาติพี่น้องก็รีบพาคานธีกลับไปบ้าน เมื่อไปถึงบ้านข่าวแรกที่ได้รับ คือมารดาถึงแก่กรรมเสียแล้ว เป็นข่าวที่เผ็ดร้อนเพียงใดสำหรับบุตรผู้อู่ในโอวาทแม่นั้น ขอให้ผู้อ่านคิดเอาเอง แต่ส่วนคานธีนั้นร้องไห้และล้มลงกับที่หมดสติ แต่ความตายเป็นสิ่งที่เราจะหลบหลีกไม่ได้ ฉะนั้นหน้าที่ของบุคคลในเหตุการณ์เช่นนี้ คือการปลุกใจให้แข็งกล้าแบกภาระดันเป็นหน้าที่ต่อไป และทั้งต้องเตรียมตัวคอยรับภาระ อันจะมาถึงข้างหน้าโดยทำนองเดียวกันนั้น นี้คือยาหอมกล่อมใจมหาตมะคานธีให้ระงับวิปโยคลงได้

เป็นการแน่นอนทีเดียว มหาตมะคานธีก็เป็นเช่นนั้น จะต้องต่อสู้และดำเนินงานอันเป็นหน้าที่ของตนต่อไป เมื่อกองเพลิงแห่งความทุกข์และแสงจันทร์แห่งความสุข ซึ่งลุกโพลงขึ้นรับอยู่นั้นสงบลงแล้ว ท่านไปขอจดทะเบียนที่ศาลสูงแห่งบอมเบเป็นทนายความชั้น ๑ แต่มีข้อสำคัญสำหรับมหาตมะคานธีอยู่บางประการ กล่าวคือในศาลสูงของบอมเบ ทนายความชั้น ๑ ที่สำเร็จการศึกษาวิชากฎหมายมาจากประเทศอังกฤษมีจำนวนมิใช่น้อย คานธีเป็นแต่เพียงนักเรียนที่เพิ่งสำเร็จการศึกษามาใหม่ๆ เป็นคนหนุ่มยังอ่อนต่อเวทีทนายความ ขาดความชำนาญ ยากที่จะเอาชนะผู้ชำนาญเหล่านั้นได้ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ก็ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องทนรับรายได้อย่างฝืดเคืองไม่กี่รูปีนัก หรือบางคราวไม่ได้รับเสียเลยก็มี เหตุนั้นรายได้ส่วนตัวของท่านในอันดับนี้ จึงตกอยู่ในฐานะคับแค้นถึงกับทำให้ท่านตกลงใจจะเปลี่ยนอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษใน ร.ร.มัธยม แต่ตามกติกาผู้ที่จะสมัครเป็นครูได้นั้น ต้องได้ปริญญา B.A. มิฉะนั้นเป็นไม่ได้ มหาตมะคานธียังไม่ได้ผ่าน B.A. เป็นเพียงทนายความชั้น ๑ เท่านั้น ผลที่สุดจึงเป็นอันไม่ได้รับผลสำเร็จในทางใหม่นี้ โดยที่ไม่มีโรงเรียนใดกล้ารับสมัครเข้าเป็นครูได้ ในที่สุดท่านตกลงเปลี่ยนวิธีใหม่อีก คือตั้งใจจะจากบอมเบไปดำเนินอาชีพว่าความที่เองราชโกฐ ราชโกฐเป็นเมืองเล็กกว่าบอมเบ ทนายความผู้ชำนาญ และมีชื่อเสียงที่หากินอยู่นั้นมีจำนวนน้อย เมื่อเช่นนั้นก็เป็นธรรมดาที่การแข่งขันในเชิงอาชีพจะต้องลดจำนวนน้อยลงตาม อาศัยเหตุนี้เมื่อท่านไปอยู่เมืองราชโกฐ รายได้ส่วนตัวจึงค่อยๆ ดีขึ้นโดยลำดับคือเดือนละ ๒๐๐-๓๐๐ รูปี ท่านจึงได้ตั้งสำนักงานขึ้นในเมืองนั้นเป็นการรอคอยโชคชะตาอื่นๆ ที่จะพึงมีมาข้างหน้าต่อไป

ที่มา: สวามี  สัตยานันทปุรี