ท่าเรือ โอ.เค.ซิกกาแร็ต
ลำเลิกอดีต
ท่าเรือคลองเตย หรือว่าท่าเรือปากคลองพระโขนงนั้นจะสร้างเมื่อไหร่ผมก็ไม่ทราบ แต่ว่าเมื่อสงครามนั้น สิ่งต่าง ๆ เป็นต้นว่าออฟฟิศและโกดังนั้นมันมีอยู่แล้ว
และที่ที่เป็นท่าเรืออยู่นี้นั้น แต่เดิมเป็นวัดสามวัด คือ วัดบ้านเหล้า, วัดเงิน, วัดทอง เมื่อรื้อวัดสามวัดแล้วก็มารวมสร้างใช้หนี้วัดเดียวคือวัดธาตุทอง
กรรมการที่สร้างท่าเรือนั้นก็ล้วนแต่เป็นคนในคลองพระโขนงทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงรู้ลู่ทางดี ขนาดญี่ปุ่นเดินยามก๊อก ๆ อยู่หน้าโกดัง แต่ของในโกดังก็หายได้
ก็จะไม่หายได้ยังไงล่ะครับ เพราะว่าใต้โกดังนั้นมันเป็นโพรง และมีฝาเปิดขึ้นไปในโกดังได้ แล้วใต้โกดังนั้นก็มีท่อใหญ่ ๆ สูบขนาดครึ่งตัวคนลอดออกทางคลองข้างหลังโกดัง
เวลาน้ำขึ้นท่อนี้ไม่เห็นหรอก แต่เวลาน้ำลดซิ เอาเรือเข้าไปจอดเทียบลำเลียงของออกมาได้อย่างสบาย เท่าไหร่ก็หมด
เมื่อสมัยสงครามนั้น ขโมยของญี่ปุ่นกันสนุกจริง ๆ ครับ รู้สึกว่ามิได้สะทกสะท้านอะไรเลย ขนาดมันถือปืนเดินก๊อก ๆ ให้เห็นก็ยังไม่กลัว กลางวันแสก ๆ น่ะครับ ไปขโมยไม้มันต่อหน้า มันยกปืนจ้องมาก็หลบ พอมันเผลอก็เข้าไปดึงมา มันยิงก็หมอบต่ำเสีย ถ้ามันเดินมาใกล้ก็ว่ายข้ามฝั่งหนี
ที่บางอ้อ (ซึ่งเป็นคลังซัมมิทปัจจุบัน) เขากลิ้งน้ำมันลงแม่น้ำกันเป็นถัง ๆ แล้วว่ายน้ำพาน้ำมันมาสองถังต่อคน
เมื่อญี่ปุ่นอยู่ที่ท่าเรือนั้นพวกแม่ค้าแม่ขาย ไปขายของกับญี่ปุ่น พูดญี่ปุ่นกันคล่อง ๆ ทุกคน พอญี่ปุ่นไปฝรั่งเข้ามายิ่งดีหนัก สมกับที่เพลงปรบไก่ว่า
“เมื่อยุคไอ้ยุ่นแม่คุณอะลิงกะโต้
บ้างก็ร้องไชโย โอโฮโย่บานไซ
พอญี่ปุ่นให้หลังฝรั่งเข้ามา
แม่ก็ส่งภาษายู ๆ ไอ ๆ”
เมื่อแรกก็ขายแต่ของกิน แต่ตอนหลังเกิดพ่อค้าหัวใสขนอีตัวไปจากกรุงเทพฯ
พ่อคุณเอ๋ย ก็ที่ทางที่ไหนมันจะมีล่ะที่ท่าเรือนั่นน่ะ มีแต่ลานแจ้ง ๆ ก็ฉลองมันทั้งแจ้ง ๆ กลางลานนั่นแหละ อาศัยความมืดเป็นฉากกำบังเอา ทำเช่นนี้อยู่ได้สัก 5 วันหรืออาทิตย์หนึ่งมั้ง เกิดเหตุก็ถูกห้าม ไม่ให้ใครขึ้นเขื่อนขึ้นท่าเลย ไม่ว่าผู้หญิง ผู้ชาย เรือจะจอดเข้าไปก็ไม่ได้มียามคอยกวดขัน
ไม่เป็นไรมีทางแก้ ใช้วิธีลอยเรือเล่นรัก พอยามเผลอก็แวะเข้าไปรับออกมาลอยกลางน้ำ เสร็จแล้วเข้าไปส่งขึ้นฝั่ง เรือก็ใช้แจว เรือจ้างนี่แหละ แต่เอาหลังคาออก เพื่อว่าจะได้ส่งสัญญาณหรือเห็นสินค้ากันได้ง่าย แจวเรือเกร่ไปเกร่มา ฉายไฟแว็บ ๆ ประเดี๋ยวก็มีไฟฉายกราดมาจากบนฝั่ง กวาดหาตัวผู้หญิง พอพบก็นิ่งอยู่ครู่แล้วถาม “เฮามัช-เฮามัช” ทางนี้ก็ยกซองบุหรี่ขึ้นให้ดู ปากก็พูด “ซิกกาแร็ต-ซิกกาแร็ต” พร้อมกับกางมืออีกข้างเป็นห้านิ้ว หมายถึงบุหรี่ห้าซอง ถ้าตกลงฝรั่งก็จะตอบ “โอ.เค.ซิกกาแร็ต” คำ โอ.เค.ซิกกาแร็ตก็เกิดขึ้นด้วยเหตุฉะนี้
สมัยนั้นเขาไม่เอาเงินกันหรอกครับ เขาเอาเป็นบุหรี่ เพราะบุหรี่ฝรั่งกำลังขายดี ขายง่ายได้ราคา เพราะเป็นที่อดอยากมานานปี ก็พวกเพลเยอร์-นาวีคัตนี่แหละครับ ยิ่งเป็นอย่างซองใหญ่ ๆ ยิ่งดี
สมัยนั้นขายกันอย่างต่ำก็ซองละ 10 บาทแน่ะครับ
10 บาทสมัยนั้นไม่ใช่เล่น ๆ นะครับ บุหรี่ไทยตราฆ้อง ยังซองละแค่ 6 สลึง 2 บาทเท่านั้น
สุดท้ายนี้ผมขอจบที่วัดเกาะ เพราะมีผู้ต่อว่ามาว่า “ซ่องละก็บรรยายได้ละเอียดยืดยาว ที่วัดละก็หุบเงียบ ฉะนั้นผมก็จะเทศน์ใช้หนี้
วัดเกาะเป็นวัดเก่า มีชื่อเต็มว่า “เกาะแก้วลังการาม” พระสัมพันธวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ได้มาสถาปนาในรัชกาลที่ 1 จึงได้นามพระราชทานว่าวัดสัมพันธวงศ์
เจ้าฟ้าองค์นี้พระนามเดิมว่า จุ้ย เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 5 ในกรมพระศรีสุดารักษ์เชษฐภคินี ในรัชกาลที่ 1 เป็นผู้เชี่ยวชาญโหราศาสตร์ ได้แต่งตำราโหราศาสตร์ไว้เล่มหนึ่ง เป็นที่นิยมกันมาทุกยุคทุกสมัย คือ ลิลิตทักษาพยากรณ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญการละคอน ในสมัยรัชกาลที่ 2 ท่านได้ประดิษฐ์ท่าละคอนไว้หลายท่า เป็นผู้คิดเกรินรอกกว้าน สำหรับชักพระบรมศพขึ้นสู่เมรุ ซึ่งยังใช้ในงานพระเมรุอยู่จนปัจจุบัน
ประสูติแต่ครั้งธนบุรี มาสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 2 ต้นสกุลมนตรีกุล
Leave a Reply