ประเพณีลูกหนู
๐ ทองคำ พันนัทธี
จังหวัดปทุมธานี มีประเพณีอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “ลูกหนู” ที่จังหวัดอื่นไม่มี ประเพณีการเล่นแข่งขันลูกหนูนี้ จะจัดให้มีในงานศพพระเท่านั้น ซึ่งชาวปทุมธานีถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีสืบต่อกันมาช้านาน
คำว่า”ลูกหนู” ในที่นี้มิได้หมายถึงสัตว์สี่เท้าชนิดหนึ่งที่แมวชอบจับกินเป็นอาหาร แต่เป็นวัตถุที่ประกอบขึ้นด้วยกรรมวิธีที่ชำนาญของช่าง ด้วยใช้ดินระเบิดชนิดเดียวกับดอกไม้เพลิงทำเป็นรูปคล้ายจรวดหรือบ้องไฟของชาวตะวันออกเฉียงเหนือ
ตัวลูกหนูเขาทำด้วยลำไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ยาวประมาณสองปล้องครึ่ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 เซนติเมตร หรือบางทีก็ทำด้วยไม้เนื้อแข็งกลึงเป็นรูปทรงกระบอก เจาะข้างในให้กลวง บางครั้งก็ใช้กระบอกเหล็ก แต่กระบอกเหล็กไม่ค่อยนิยมกันนักเพราะมีอันตราย ข้างในกระบอกอัดดินปืนเข้าไปให้แน่น แล้วอุดหัวอุดท้ายด้วยดินเหนียว และเจาะรูตรงกลางให้พอดี สำหรับติดสายชนวนไว้จุดไฟให้ลามเข้าไปไหม้ดินปืนในกระบอก ครั้นไฟกระทบดินปืนในกระบอกจะเกิดระเบิดเป็นเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากรูท้ายกระบอก ดูคล้ายดอกไม้ไฟหรือไฟพะเนียงหรือผีพุ่งไต้ด้วยความแรงของดินระเบิด มันจะขับดันตัวกระบอกลูกหนูให้วิ่งไปข้างหน้า ตามลวดสลิงที่ขึงไว้โดยเร็ว เพราะตัวลูกหนูเขาผูกติดไว้กับลวดสลิง ระหว่างที่ลูกหนูวิ่งจะมีเสียงดังแซ็ด ๆ น่าตื่นเต้นเป็นที่น่าดูมาก เมื่อลูกหนูวิ่งไปสุดลวดสลิงมันจะพุ่งเข้าชนปราสาท ซึ่งตั้งอยู่ห่างประมาณ 40 เมตร ถ้าของใครถูกที่สำคัญของปราสาทตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ก็จะได้รับรางวัลอย่างงาม
ตามปกติการแข่งขันลูกหนู จะกระทำเฉพาะในงานประชุมเพลิงศพพระ หากวัดใดมีพระมรณภาพ เขาจะเก็บศพนั้นไว้ก่อน รอจนถึงหน้าแล้ง ชาวบ้านว่างจาการทำนาแล้ว ก็จะมาช่วยจัดงานประชุมเพลิงศพพระ แต่ก่อนที่จะถึงกำหนดวันงาน วัดที่เป็นเจ้าภาพจะประกาศให้วัดต่าง ๆ ทราบ และเชิญให้วัดทำลูกหนูมาเข้าแข่งขันด้วย เมื่อชาวบ้านเสร็จกิจจากการทำนา ก็จะช่วยกันทำลูกหนูเพื่อเตรียมไปแข่งขัน ลูกหนูที่จะนำไปแข่งขันนั้น จะต้องจัดตกแต่งภายนอกให้สวยงาม เพื่อประกวดกันด้วย เขาจะประดับประดาตกแต่งด้วยกระดาษสีต่าง ๆ จนดูสวยงาม ครั้นถึงวันกำหนดแต่ละวัดจะจัดขบวนแห่ลูกหนูคล้ายขบวนพาเหรดของนักกีฬา การแต่งกายของคนในขบวนก็จะต้องเหมือนกัน อาจจะจัดเป็นขบวนประเภทสวยงามหรือขบวนประเภทตลกขบขัน ก็แล้วแต่จะจัดมา เพราะขบวนเหล่านี้ คณะกรรมการเจ้าภาพจะจัดให้คะแนนไปด้วย ขบวนแห่ลูกหนู่จะนำด้วยกลองยาวหรือแตรวง และจะมีป้ายบอกชื่อคณะวัดนำหน้าขบวนแห่ และมีนางรำแต่งตัวสีฉูดฉาด เต้นรำตามจังหวะเพลงเรื่อยไป จนถึงบริเวณงาน
ส่วนทางวัดที่เป็นเจ้าภาพจะต้องจัดตั้งเมรุศพหลอก มีปราสาทยอดแหลมครอบเมรุไว้กลางทุ่งนาเด่นสูงตระหง่าน แล้วปักเสาขึงลวดสลิงให้ปลายลวดพุ่งตรงไปยังปราสาทที่เมรุศพนั้นตั้งอยู่ สายลวดสลิงที่จัดไว้นั้นจะต้องให้ครบตามจำนวนของวัดที่ส่งลูกหนูเข้าแข่ง เช่น มีลูกหนูเข้าแข่ง 10 วัด ก่อนจะทำการแข่งขัน คณะกรรมการจะให้หัวหน้าคณะวัดต่าง ๆ ที่นำลูกหนูมาจับฉลากเลือกสายกันก่อน ว่าใครจะได้สายหนึ่ง หรือสายสอง หรือสายที่สอบเมื่อจับหมายเลขได้แล้วจึงจะขึงลวดสลิงที่คณะเตรียมมาแล้วจึงจะนำลูกหนูเข้าประจำสายของตน โดยผูกลูกหนูติดกับสายลวดสลิงเตรียมไว้ทุกสาย แล้วให้จุดเรียงกันไปตามลำดับ เวียนกันอยู่เช่นนี้จนกว่าลูกหนูที่เตรียมมาแข่งขันจะหมด ตามที่คณะกรรมการกำหนดไว้ว่าจะแข่งขันกันกี่ลูก
วิธีจุดลูกหนูเขาใช้คบเพลิงไปจุดสายชนวนตรงท้ายตัวของลูกหนู เมื่อไฟลามเข้าไปถึงดินปืนก็จะเกิดระเบิดขับดันตัวลูกหนูให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างแรง พอสุดลวดสลิงจะพุ่งเข้าชนปราสาททันที แล้วกรรมการจะให้คะแนนไว้ ของใครชนที่สำคัญก็จะได้คะแนนมาก และได้รับรางวัล ส่วนลูกหนูวัดใดแพ้ไม่ได้รางวัล เจ้าภาพก็จะมอบเงินให้เป็นค่าพาหนะเลี้ยงดูกันพอสมควร ไม่ต้องกลับมือเปล่า
ในขณะที่ลูกหนูวิ่งเข้าชนปราสาทกองเชียร์ของแต่ละคณะจะเชียร์กันดังกระหึ่ม จะร้องรำทำเพลงเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน
การแข่งขันลูกหนูนาน ๆ จะมีครั้งหนึ่ง ถ้ามีศพพระจึงจะได้ชม ฉะนั้นบรรดาชาวบ้านไม่ว่าใกล้ไกลจะหอบลูกจูงหลานพากันไปชมอย่างล้นหลามแน่นขนัดแทบทุกงาน