ผลเสียของมารยาทงาม

Socail Like & Share

หญิงวัยกลางคนที่นั่งขายของอยู่ใต้ต้นมะม่วง ส่งเสียงทักดังขึ้นมาจนทำให้ผู้ที่ถูกเรียกถึงกับต้องหยุดแล้วหันมายิ้มอย่างพอใจ
“โอ้โฮ! แต่งตัวสวยจริ๊ง จะไปไหนยะแม่ปุก?”
“จะไปเที่ยวงานตรงนี้หน่อยจ้ะน้า” ปุกหมายถึงงานแสดงสินค้าที่มีการประกวดความงามด้วย
“น้าจะไม่ไปหรือจ้ะ?”
แล้วแม่ปุกก็เดินไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้แม่ปุกภูมิใจกับการแต่งตัวของหล่อนมาก ผิวของเธอดำ ใส่เสื้อสีแดง กระโปรงจีบรอบสีดำ มีลายดอกเป็นสีขาว แดง เขียว ทำให้สะโพกของเธอใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่า เธอเป็นคนสูงใหญ่จึงมองคล้ายกับเธอเอากระโจมไปนุ่งไว้มากกว่าจะเป็นกระโปรง บนผมกลัดด้วยดอกไม้พลาสติก เซ็ทผมเป็นหลอดโตบ้างเล็กบ้างข้างหลังศีรษะ ใส่เสื้อรัดติ้วคล้ายกับเนื้อจะทะลักออกมาทำให้ดูอ้วนยิ่งขึ้น ลายดอกของกระโปรงก็โตเกินไป เสื้อติดระบาย ติดลูกไม้ ปักเป็นดอกไม้ ใส่รองเท้าและกระเป๋าสีอ่อนมาก ทำให้สังเกตได้ง่ายยิ่งขึ้นว่ามีมือโตเท้าโต ผ้าตัดเสื้อก็ใช้ผ้าต่วนที่มันวาว กระโปรงเย็บตะเข็บไม่เท่ากัน จึงดูสั้นบ้างยาวบ้างเวลาเดิน

นายสน คนงานโรงปอ ที่ถีบจักรยานออกมา มาเจอกับแม่ปุกที่ตลาดพอดี นายสนใส่กางเกงขายาวมีหูรูดผูกที่เอว มีลายตามยาวสีน้ำเงินขาว เสื้อแขนยาวคอปกแหลม ผ้าเป็นแบบเดียวกับกางเกง ซึ่งเหมือนกับเอาชุดนอนมาใส่ แต่นายสนก็ไม่สนใจว่าใครจะคิดยังไง แกคิดว่าใส่สบายก็พอแล้ว แล้วปั่นจักรยานต่อไปที่ท้ายตลาด

แม่ปุกหยุดทักเพื่อนเก่าที่ชื่อ ชด ชดเป็นคนสวย แต่งตัวเรียบร้อยไม่มีที่ติ แต่เธอกลับเอาโรลม้วนผมเสียเต็มหัว จนดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่นี่เป็นภาพชินตาของปุก ไม่ว่าชดจะออกไปไหนก็ต้องทำผมแบบนี้ โดยไม่แคร์สายตาของใคร

เมื่อปุกถึงงานก็จัดการซื้อตั๋วแล้วเดินโขยกเขยกเข้าไป เพราะรองเท้าส้นสูงกัด ใครเห็นก็ต้องมองเธอซ้ำๆ แม่ปุกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะคิดว่าตัวเองสวยคนถึงได้มองขนาดนี้

ปุกหารู้ไม่ว่า คนที่มองเธอสะกิดและพูดกันว่า
“ดูยายเพิ้งคนนี้ซี แต่งหน้าแต่งตัวยังกับจะไปออกงิ้ว”
อีกคนหนึ่งก็พูดว่า
“ฉันว่ายิ่งกว่างิ้วซะอีก ยังกะเล่นละครสัตว์”

แม่ปุกเดินชมงานด้วยความมั่นใจในความสวยของตัวเอง จนไปเจอกับนายสุวรรณคนข้างบ้าน ที่เดินสูบบุหรี่มาคนเดียว

นายสุวรรณเป็นคนพูดจาโผงผางไม่เกรงใจใคร เมื่อมาเดินเข้าคู่กับแม่ปุก ทำให้คนยิ่งมองเข้าไปใหญ่ แม่ปุกก็เพิ่มความภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งสองเดินมาหยุดที่ร้านอาหารที่ตั้งเรียงกันเป็นตับ

นายสุวรรณชวนปุกว่า
“แวะกินอะไรหน่อยนะ ปุก”
“อ๋าย ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นหรอก หนอยแน่! กลัวเราจะให้ออกเงินเลี้ยงอย่างงั้นเรอะ? อย่ากลัวๆ คนอย่างนายสุวรรณไม่ต้องรอให้แม่ปุกเลี้ยงแน่ ฉันเป็นเจ้ามือเองวันนี้”

แม่ปุกตอบแหยๆ
“แฮ่ะๆ พี่สุวรรณก็คิดมากไปได้”
“ฉันไม่ได้นึกอย่างนั้นสักหน่อย”
แล้วเธอก็นั่งลงบนม้าเตี้ยๆ ที่ไม่ค่อยสะอาดนัก แล้วเรียกจีนคนขายมา

“นี่เอาเย็นตาโฟมาสองชาม ใส่เส้นแยะๆ นะ”

นายสุวรรณก็ตะโกนลั่น จนคนที่นั่งอยู่ก่อนต้องมองกันเป็นตาเดียว
“ของอั๊วใส่พริกสองช้อน”

เมื่อของกินมาเสิร์ฟ นายสุวรรณก็นั่งแบบขัดสมาธิบนม้านั่ง แต่พอนั่งไม่สบายก็งอเข่าขึ้นแล้วเอาเท้าวางบนม้านั่งแทน แล้วเขาก็ทำสิ่งที่ไม่ใครคาดคิด
“เอาข้าวมาชาม เกาเหลาหนึ่ง” เขาแผดเสียงสั่ง

เมื่อได้ของที่สั่งมา ทุกคนก็ได้ยินเสียง โฮก! ซีด! เสียงสูดปากซี้ดซ้าดสลับกันไป

นายสุวรรณกำลังอร่อยอยู่กับอาหาร เขานั่งยองๆ บนม้านั่ง กินข้าวตกเลอะเทอะบนโต๊ะ บนดิน ติดปากเต็มไปหมดจนดูแทบไม่ได้ ตักแกงใส่ปากเสียงดังโฮก เสียงเคี้ยวดังจั๊บๆ ลั่น ยกมือแคะฟันโดยไม่ปิดปาก แล้วเอามือที่แคะเช็ดกับกางเกงที่นุ่ง เมื่อเจอก้างปลาหรือกระดูกในอาหารก็ใช้มือควานไปหยิบทิ้งไว้เกลื่อนกลาดบนโต๊ะ ถ้าเคี้ยวเจอก้างหรือกระดูกก็พ่นพรวดไปทางซ้ายบ้างขวาบ้าง จนคนที่นั่งกินอยู่ต้องรีบลุกหนีไป

ฝ่ายแม่ปุก กินไปพลาง พูดพลาง หัวเราะพลาง แม้จะมีข้าวอยู่เต็มปาก จนข้าวหกออกมานอกปาก ยกมือยกไม้ ออกท่าทาง ยักคิ้วหลิ่วตาเวลาคุยกัน ถ้าเป็นเรื่องตื่นเต้นแม่ปุกก็จะโบกไม้โบกมือ และหัวเราะก้ากๆ ดังลั่นนานๆ จนตาเธอปิด เนื้อกระเพื่อม ถ้าเป็นเรื่องขำขัน ทำความรำคาญให้แก่คนที่นั่งใกล้ๆ เป็นอันมาก

เมื่อกินอาหารเสร็จ นายสุวรรณก็พาแม่ปุกไปนั่งกระเช้าสวรรค์ เป็นครั้งแรกที่แม่ปุกได้นั่ง เธอส่งเสียงร้องกรี้ดๆ จนแสบแก้วหู ขย่มเก้าอี้ที่นั่งอย่างแรงด้วยความกลัว เมื่อกระเช้าขึ้นสูงเสียงโวยวายของแม่ปุกก็ทำให้คนที่ดูอยู่ข้างล่างอดขำไม่ได้ แต่สำหรับคนที่นั่งกระเช้าอยู่ข้างๆ ด้วยก็ไม่ค่อยจะพอใจกันนัก

หลังจากทั้งสองลงมาจากกระเช้าสวรรค์ ก็พากันเดินดูสินค้าต่างๆ พูดคุยติโน่นชมนี่เสียงดังไม่สนใจว่าคนขายจะพอใจหรือไม่

นายสุวรรณหันมาชวนปุก
“กลับกันเสียทีดีไหม”
“ไปนั่งรถกินลมสักพัก”

แม่ปุกเห็นด้วยทันทีและถามว่า
“พี่สุวรรณเอารถมาเองหรือ?”

นายสุวรรณเดินนำหน้า พาแม่ปุกไปนั่งรถ ขับฉวัดเฉวียนไปบนเส้นทางใจกลางกรุงเทพฯ ขณะขับรถนายสุวรรณก็จุดบุหรี่สูบ แล้วหมุนหารายการเพลงจากสถานีวิทยุ ไม่ได้จับพวงมาลัยรถทั้งสองมือ รถจึงแฉลบเข้าไปทางขวาเกินครึ่งถนน แม่ปุกก็ชวนให้ดูสินค้าที่ตั้งเรียงรายตามร้านต่างๆ นายสุวรรณก็หันไปดู มองซ้ายทีขวาที ทันใดนั้นทั้งสองถึงกับสะดุ้งโหยง เมื่อมีเสียงดังโครม จากการที่รถไปปะทะกับท้ายกระบะคันใหญ่จนบุบไปทั้งแถบ

ตำรวจเดินมาแล้วพูดว่า
“ผมขอดูใบอนุญาตหน่อย”
“ผมนึกแล้วว่าคุณต้องชน เพราะคุณขับรถไม่ดูทาง ตาดูอยู่นอกทางตลอดเวลา ชนท้ายเขานี่ผิดทุกประตู คุณจะว่ายังไง?”

นายสุวรรณจึงตอบด้วยเสียงอ่อยๆ
“ไม่ว่าไงหรอกครับ ผู้หมวด”
และนึกอยู่ในใจว่าเป็นความผิดของแม่ปุกที่เป็นตัวการทำให้เขาเคราะห์ร้ายอย่างนี้

ที่มา: จากหนังสือเรื่อง มรรยาทงาม ของ ผกาวดี อุตตโมทย์