ซาราห์ แบร์นา นางละครที่ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส

Socail Like & Share

Sarah Bernhardt
นางละครที่ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส หรือของโลกภาคตะวันตก ไม่มีใครจะได้ชื่อเสียงเกียรติยศในศิลปะการละครเท่ากับ ซาราห์ แบร์นา และไม่มีศิลปินคนใดจะมีเรื่องราวในชีวิตแปลกประหลาดเหมือนเธอผู้นี้

ซาราห์ แบร์นา ได้แสดงละครจนกระทั่งถึงเวลาตาย เมื่อมีอายุได้ 79 ปี เธอได้เซ็นสัญญาแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง กับบริษัทภาพยนตร์อเมริกัน ขณะนั้นเธอกำลังป่วยมาก แต่ทั้งเธอและบริษัทภาพยนตร์ก็พร้อมที่จะทำงานให้ถึงที่สุด และต้องมาถ่ายกันที่บ้านของเธอ ซึ่งเป็นห้องรับแขก พอถึงตอนหนึ่งเธอได้บอกช่างภาพว่า “ต่อไปนี้ไปถ่ายในเตียงนอน” เธอให้คนหามเธอเข้าไปในเตียงนอนและให้ช่างภาพถ่าย และในเวลานั้นเธอก็ได้จบชีวิตลง เป็นการถ่ายฉากตายจริงๆ ของเธอ เธอได้ทำหน้าที่ศิลปินจนลมหายใจสุดท้าย

ในปี พ.ศ. 2459 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 รัฐบาลฝรั่งเศสต้องเชิญตัวไปสนามรบเพื่อแสดงละครให้ทหารดู เพราะทหารอยากดูซาราห์ แบร์นา ในขณะนั้นเธอมีอายุได้ 72 ปีแล้ว

ทำไมคนถึงอยากดูผู้แสดงละครที่มีอายุถึง 70 ปีเศษ ขณะเธอมีอายุได้ 77 ปีไปแล้ว การแสดงของเธอต้องเป็นบทที่นั่งเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา และเธอสามารถแต่งหน้าให้เห็นว่าสาวได้ เสียงที่พูดถ้าไม่รู้อายุมาก่อน ก็คงบอกว่าอายุไม่เกิน 40 ปี

เธอได้แสดงละครจนกระทั่งถึงแก่กรรม การแห่ศพของเธอมีคนเข้าดูกระบวนแห่มากมาย ผ่านไปทางชองส์เซลิเซ่ส์ถนนที่สวยงามที่สุดของปารีส รัฐบาลฝรั่งเศสยกย่องนักศิลปะมากว่าประเทศใดในโลก งานศพของเธอจึงทำเป็นรัฐพิธี มีทหารกองเกียรติยศเดินกระบวนแห่ศพยืดยาว มีรถม้าของหลวงเป็นรถบรรทุกศพ แม้แต่รัฐมนตรีฝรั่งเศสเองยังไม่ได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ เธอเคยพูดไว้ก่อนตายว่า ขอให้คลุมศพของเธอด้วยดอกกุหลาบของกรุงปารีส และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ต่อจากรถศพก็ยังมีรถบรรทุกพวงหรีดที่ทำด้วยดอกกุหลาบอีก 3 คัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเธอเป็นสตรีผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง

แต่ซาราห์ แบร์นา ก็ต้องผ่านชีวิตที่โลดโผนมากมาย ก่อนที่จะบรรลุถึงความยิ่งใหญ่นี้ เธอได้แสดงละครมาหลายพันครั้ง และหลายสิบเรื่อง แต่เรื่องที่เธอแสดงจริงในชีวิตจริงของเธอ เป็นเรื่องที่ดีที่สุด และสนุกที่สุด

ตั้งแต่เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอเป็นคนสำคัญยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่มีชื่อในพจนานุกรมชีวประวัติ ที่พิมพ์ในประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมนี ซึ่งน้อยคนที่จะได้รับเกียรตินี้ ซาราห์ เป็นชื่อตัวของเธอ ส่วนแบร์นา เป็นนามสกุลที่เธอคิดขึ้นเอง โดยเอาจากชื่อสกุลของมารดาซึ่งเป็นเยอรมัน ที่ชื่อ Von Hard มาแปลงเป็น Bernhardt เธอเกิดมาอาภัพ ไม่ได้รับการรับรองจากพ่อ พ่อแม่ของเธอไม่ได้แต่งงานกัน เธอเกิดจากการมีสัมพันธ์ลับๆ ของมารดากับพ่อที่เป็นชายฝรั่งเศส และชายผู้เป็นพ่อก็ทิ้งมารดาของเธอไปเมื่อได้ตั้งครรภ์เธอ

มารดาของเธอชื่อว่า ยูลี ฟอนฮาร์ด เป็นชาวเยอรมัน ได้เข้ามาศึกษาในปารีส พร้อมกับน้องสาวที่ชื่อ โรซิน ระหว่างการศึกษา ยูลีได้รักใคร่กับนักเรียนกฎหมายคนหนึ่ง เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมาชายคนนั้นก็ไม่รับรอง ไม่ยอมแต่งงานด้วย ทั้งยูลีและโรซินยังคงอยู่ในปารีส ไม่ยอมกลับไปเยอรมนี ขายเสื้อผ้าเพื่อเลี้ยงชีพ ทั้งสองเป็นคนสวยมาก และได้เป็นเมียลับของผู้สูงศักดิ์และมั่งคั่งในกรุงปารีส จึงมีทางเลี้ยงตัวอยู่ได้

แต่เพื่อความสะดวกของมารดาที่จะได้เป็นเมียลับของชายที่กำลังจะมาติดต่อ จึงได้เอา ซาราห์ แบร์นา ไปจ้างเลี้ยงที่หัวเมือง แต่มารดาก็ไม่มารับตัวเธอกลับไปอีกเลย ก่อนจะถูกพรากไปนั้นเธอมีอายุราว 4 ขวบ ยังจำได้ว่ามารดาและน้าสาวมีหน้าตาอย่างไร

ต่อมาผู้ที่รับเลี้ยงซาราห์ แบร์นานั้น ได้ย้ายมาทำมาหากินในกรุงปารีส และยังเลี้ยงเธอไว้แม้จะอยู่ในสภาพยากจนและไม่ได้ค่าจ้างเลี้ยง และไม่รู้ว่ามารดาเธออยู่ที่ไหน วันหนึ่ง โรซิน น้าสาว ได้นั่งรถม้ามาหยุดที่เธออยู่โดยบังเอิญ โรซินมีฐานะดีมากในเวลานี้ จากการเป็นเมียลับของผู้มั่งคั่ง เมื่อซาราห์ แบร์นา เป็นน้าสาวก็จำได้ ร้องตามขอไปหาแม่ โรซินไม่อยากได้จึงบอกคนเลี้ยงว่าจะเอาเงินมาให้ ขอเลี้ยงดูเด็กต่อไป เพื่อให้น้าสาวขึ้นรถได้ ซาราห์ แบร์นาถูกนำตัวไปอยู่บนห้องแถวและปิดประตูไว้ เธอร้องเสียงดังจนมีคนมาดูแน่นถนน น้าสาวกำลังจะกลับขึ้นรถไป รถยังไม่ทันออก ซาร่าห์ แบร์นาก็กระโดดลงมาจากหน้าต่างชั้นบน หล่นลงที่พื้นใกล้ๆ รถ ได้รับบาดเจ็บมาก ผู้คนมองว่าโรซินโหดร้ายกับเด็กมาก ซึ่งคนฝรั่งเศสอาจรุมฆ่าคนชนิดนี้ได้ง่ายๆ จึงจำเป็นต้องเอาเด็กซาราห์ แบร์นาไปกับตน แล้วนำไปให้แม่ ซึ่งในเวลานั้นมีฐานะดีมาก เพราะได้เป็นเมียลับของดุ๊ก เดอ มอร์นี ผู้มีศักดิ์คนหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส

ซาราห์ แบร์นา ต้องพิการเดินไม่ได้อยู่ 2 ปีเต็ม จากการที่กระโดดลงมาจากตึก แต่สามีลับของมารดามีความเมตตาเด็กคนนี้มากกว่าตัวมารดา เธอจึงได้รับการรักษาพยาบาลจนกลับมาเดินได้ตามปกติ

เมื่ออายุ 7 ขวบ มารดาพาไปฝากเข้าโรงเรียน แต่อยู่ได้ไม่นานทางโรงเรียนบอกว่าเด็กคนนี้มีอารมณ์แปลกประหลาด และไม่สามารถรับไว้ต่อได้ แม่จึงพาไปฝากไว้เป็นเด็กกินนอนที่คอนเวนต์แห่งหนึ่ง

เธออยู่ในคอนเวนต์หลายปี และได้การศึกษาที่ดีพอสมควร การเล่าเรียนค่อยๆ ดีขึ้น ถึงแม้จะเรียนช้าไปบ้าง แต่ก็พอไปได้ เธอมีนิสัยชอบทางวรรณคดี แต่เมื่อมีอายุได้ 11-12 ปี ก็ซุกซนมาก ได้ปีนกำแพงหนีเที่ยว ชวนเด็กอื่นให้ซุกซนจนแม่ชีในคอนเวนต์เบื่อหน่ายและไม่สามารถรับเลี้ยงต่อไปได้ จึงส่งคืนมารดา

ซาราห์ แบร์นา ต้องออกจากคอนเวนต์เมื่ออายุ 13 ปี ดุ๊ก เดอ มอร์นี พ่อลับของเธอพร้อมให้ความอุปการะ ให้เข้าศึกษาในคองแซวาตัวร์ เป็นโรงเรียนละครและดนตรี เพราะได้มองเห็นลักษณะเด็กคนนี้ว่าจะเป็นศิลปินที่ดีต่อไปในภาหน้า เมื่อซาราห์ แบร์นา รู้ ก็บอกว่าไม่ชอบ ไม่อยากเรียน พ่อลับของเธอพยายามพาไปดูละครจนกระทั่งซาราห์ แบร์นาเกิดชอบละครขึ้นมา เธอจึงได้ไปเรียนที่คองแซวาตัวร์

เธอเรียนจนจบหลักสูตรและสอบไล่ได้ เมื่อเธออายุได้ 18 ปี พ่อลับก็อุปการะต่อมา และได้เอาไปฝากที่โรงละครดอมเมดี ฟรังเชส ซึ่งเป็นโรงละครที่ดีที่สุดของกรุงปารีส

เธอได้กินยาพิษเพื่อฆ่าตัวตาย หลังจากประสบความล้มเหลวเมื่อได้ออกแสดงเป็นครั้งแรก ซึ่งหนังสือพิมพ์ต่างๆ ได้ลงตำหนิเธอ แต่เธอก็ไม่ตาย ต้องเจ็บป่วยรักษาตัวอยู่นาน เมื่อหายแล้วก็ได้แสดงเรื่องใหม่ คราวนี้เสียงตำหนิกลับกลายเป็นคำชมเชย แต่ก็ยังมีนิสัยแปลกๆ เช่น ถ้าว่างก็ชอบไปที่ป่าช้าฝังศพคนเดียว นั่งข้างศพคนนั้นคนนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกัน แต่เธอบอกว่า เป็นที่ที่ผาสุกอย่างยิ่งสำหรับเธอ

ความขมขื่นในชีวิตตั้งแต่เล็กๆ ทำให้เธอนึกถึงความตายอยู่เสมอจึงมีนิสัยเช่นนี้ขึ้น บทบาทในตอนตาย เป็นบทที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากขึ้น เธอได้รับบทตายหลายครั้ง จนได้ชื่อว่า ถ้าเป็นบทบาทที่ถึงแก่ความตายแล้วก็ไม่มีใครสู้เธอได้ ในตอนมีชื่อเสียงสุขภาพเธอก็ดีมาก รูปร่างก็สวย แต่ต้องรับบทแสดงเป็นชายตลอด ไม่เคยได้แสดงบทบาทของสตรี

ครั้งหนึ่งซาราห์ แบร์นา ได้ตบหน้าศิลปินหญิงคนหนึ่ง ซึ่งอาวุโสกว่าในโรงละครดอมเมดี ฟรังเชส แล้วก็ลาออก หายไปจากปารีสพักใหญ่ๆ โดยไม่มีใครรู้ว่าเธอไปอยู่ไหน แต่ต่อมาเธอก็ปรากฏตัวที่โรงละครบางแห่ง และได้แสดงในโรงละครโอเดออง ซึ่งเป็นโรงละครที่สำคัญอันดับสองรองจากดอมเมดี ฟรังเชส

การแสดงได้สร้างชื่อเสียงให้เธอมากขึ้นทุกทีแม้จะแสดงในบทบาทชาย มีคนนิยมชมชอบมากขึ้น สามารถติดต่อกับคนใหญ่คนโตในวงสังคมได้ นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศสที่ชื่อ อเล็กซังดร์ ดูมาส์ ก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอ พวกศิลปิน ช่างเขียน กวี นักการเมือง รัฐบุรุษชั้นรัฐมนตรี ก็มาขอเป็นเพื่อนกับเธอ เธอมีเงินทองใช้อย่างมากมาย เธอเคยเงินแก่ขอทานถึง 500 ฟรังก์ เธอมีความเป็นผู้ชายอยู่ในสายเลือด อาจเนื่องมาจากได้รับบทเป็นผู้ชายตลอดมา สูบซิการ์ และดื่มเก่งไม่แพ้ผู้ชาย ถ้ามีเรื่องกับใครแม้จะเป็นชายเธอก็ถ้าดวล

จากบทบาทที่ได้รับเป็นผู้ชาย และความประพฤติอย่างชาย จึงเล่าลือกันว่า ซาราห์ แบร์นา เป็นผู้ชายปลอมตัวมาเป็นผู้หญิง ขณะนี้เธอมีอายุ 22 ปี เมื่อเธอทราบว่า มีรัฐมนตรีคนหนึ่งที่อยู่ในคณะรัฐบาลฝรั่งเศส เชื่อว่าเธอเป็นชายด้วย ซาราห์ แบร์นา จึงมีหนังสือเชิญให้มาที่บ้าน ซึ่งถ้าใครได้รับเชิญจากเธอตอนนั้นก็ถือว่าเป็นเกียรติมาก รัฐมนตรีคนนั้นก็ไม่ปฏิเสธ เมื่อรัฐมนตรีมาถึงบ้าน เธอได้เชิญเข้าไปในห้องน้ำแล้วเปลือยกายให้รัฐมนตรีคนนั้นดูเพื่อให้เขาแน่ใจว่าเธอเป็นหญิงจริงๆ นับแต่นั้นมา เธอก็ได้แสดงเป็นผู้หญิงบ้าง และแสดงได้ดีมาก

ซาราห์ แบร์นา เคยกินยาตายแต่ไม่ตาย ชอบไปอยู่ป่าช้าคนเดียว และนั่งอยู่ข้างหลุมศพโดยไม่เลือกว่าเป็นหลุมฝังศพของใครเพราะบอกว่าสบาย แสดงบทบาทการตายได้แนบเนียนไม่มีใครสู้ได้ ชอบพูดเสมอว่าเบื่อชีวิต อยากรู้ว่าความตายเป็นอย่างไร และเธอก็ได้ทำหีบศพของเธอเองไว้ที่บ้าน บางครั้งก็ลงไปนอน และมักชอบนั่งบนหีบศพ เมื่อเชิญแขกมารับประทานน้ำชาก็ตั้งบนหีบศพนั้น แล้วบอกกับทุกคนว่า หีบศพนี้ทำไว้สำหรับตัวเธอเอง ถ้าพูดกันในทางพระพุทธศาสนาก็ถือว่า ซาราห์ แบร์นา เป็นผู้ที่มีมรณานุสติมากกว่าใครๆ และแม้จะนึกถึงความตายอยู่เสมอ แต่เธอก็มีอายุยืนยาวถึง 79 ปี

เธอชอบเลี้ยงสัตว์ที่ดุร้าย เช่น แมวป่า สิงโต เสือ สุนัขดุขนาดใหญ่ไว้ในบ้าน เธอหัดวาดรูป เขียนภาพได้ดีขนาดส่งเข้าประกวดของโรงเรียนศิลปากร เคยแต่งบทละครเองเรื่องหนึ่ง เมื่อนำออกแสดงก็ได้รับความนิยมพอใช้ เคยเขียนนวนิยายก็ได้ดีพอใช้เช่นกัน

สตรีที่รุ่งโรจน์อย่างเธอ ก็ย่อมมีคนมาติดพันมาก หากทำบันทึกไว้ชู้รักของเธอก็เป็นคนใหญ่คนโตของฝรั่งเศสในเวลานั้นเกือบทั้งหมด เธอมีลูกชายคนหนึ่ง แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อ เธอรักลูกชายมาก แม้เวลาแสดงละครก็พาลูกไปด้วย และเธอต้องการให้เขาประกาศด้วยในที่แสดงด้วยว่า “นางสาวซาราห์ แบร์นา และบุตรชาย” แต่ก็มีคนคัดค้านว่า ถ้าใช้นางสาวก็ไม่ควรพูดถึงบุตรชาย ถ้าจะพูดถึงบุตรชายก็ไม่ควรใช้นางสาว แต่เธอก็ไม่ยอมจึงต้องประกาศเช่นนั้นเสมอ

เธอแสดงละครในลอนดอนมากเท่ากับในฝรั่งเศส และเดินทางต่อไปที่อเมริกา ทุกครั้งที่แสดงมีคนแน่นได้การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ในอเมริกาเธอแสดงเรื่อง La Dame aux Camelias ซึ่งเป็นวรรณคดีที่มีชื่อเสียงเรื่องหนึ่งของฝรั่งเศส เธอรับบทเป็นสตรีที่มีชู้รักหลายคน เป็นวัณโรค และสุดท้ายก็ถึงแก่ความตาย บทบาทการตายเป็นบทที่เธอถนัดที่สุด ชื่อเรื่องละครได้ถูกเปลี่ยนให้สั้นลงเป็น Camilles แต่มีการคัดค้านละครเรื่องนี้มากจากพระในสหรัฐอเมริกา เพราะถือว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสียศีลธรรม ไม่ควรนำมาแสดง ข่าวก็ได้กระจายออกไป ซาราห์ แบร์นา จึงให้ผู้จัดการส่วนตัวเขียนหนังสือไปถึงพระนั้น และกล่าวในหนังสือนั้นว่า ขอบคุณในการช่วยโฆษณาให้ และเพื่อเป็นการอุปการะวัดนี้ เธอจึงส่งเงินมาให้ด้วย 200 เหรียญ

มีคนไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนมาคอยดูซาราห์ แบร์นา เพื่อให้เห็นตัวจริงเมื่อเธอลงเรือออกจากอเมริกากลับไปยังฝรั่งเศส เมื่อถึงท่าเรือฝรั่งเศสก็มีคนคอยโห่ร้องต้อนรับไม่น้อยกว่าห้าหมื่นคนเช่นกัน

เธอได้รับการต้อนรบและนิยมชมชอบอย่างดีในทุกๆ แห่ง เช่น ในประเทศฮอลันดา เบลเยี่ยม เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน รัสเซีย และเยอรมนี เธอได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินและพระราชินีในทุกประเทศที่เธอไป ได้ของขวัญในประเทศต่างๆ จากพระมหากษัตริย์มากมาย ซาราห์ แบร์นา เป็นที่โปรดปรานและได้รับการให้เกียรติจากพระเจ้าซาร์รัสเซียยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ อีกด้วย

เมื่อเธออายุ 38 ปี ก็ได้แต่งงานกับผู้ชายที่เลวที่สุด ติดยาเสพติด ต้องคอยฉีดฝิ่นและมอร์ฟีนให้เสมอ ทำความลำบากอับเฉาให้เธอมา 7 ปี แล้วผู้ชายคนนั้นก็ตายไป

ซาราห์ แบร์นา เป็นคนอดทน สู้งาน เธอสามารถทำงานได้วันละ 14-18 ชั่วโมง ละครที่แสดงในฝรั่งเศสก็มี 2 รอบทุกวัน เธอต้องฝึกซ้อมทำงานอื่นๆ ด้วย และเธอต้องทำงานหนักมากขึ้น เมื่อภายหลังที่ได้เช่าโรงละครแห่งหนึ่งเป็นของตัวเองและให้ชื่อว่า โรงละครซาราห์ แบร์นา

ขาที่พิการของเธอในวัยเด็กได้หายเป็นปกติแล้ว แต่เมื่อมาแสดงเรื่องของเชกสเปียร์ ก็มีอาการปวดขาเรื่อยมา เมื่อแก่ตัวลงความเจ็บปวดก็ยิ่งมากขึ้น เมื่ออายุได้ 71 ปี แพทย์ลงความเห็นว่าต้องตัดขาข้างหนึ่งออก เธอก็ทำตาม และแสดงละครโดยมีขาข้างเดียว แต่ก่อนที่จะถูกตัดขา บทบาทที่เธอได้รับก็เป็นบทที่ต้องนั่งเฉยๆ มานานแล้ว

ภายหลังตัดขาได้ 1 ปี เธอมีอายุได้ 72 ปี ทางราชการฝรั่งเศสให้ไปอยู่สนามรบเพื่อแสดงละครให้ทหารดู ต่อจากนั้นเธอก็ได้แสดงละครเรื่อยมาจนกระทั่งอายุ 79 ปี ก็ถึงแก่กรรมลง

ในสมัยนี้สตรีก็สามารถที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ไม่จำเป็นต้องแสวงหาอย่างบุรุษ หรือแข่งขันกับบุรุษ มีทางเลือกมากมายที่สตรีจะสร้างความยิ่งใหญ่โดยให้เหมาะสมกับเพศของตัวเอง และเป็นความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ซาราห์ แบร์นา ได้ให้สุขภาพทางใจแก่คนนับล้านแม้แต่ทหารในสนามรบ ได้สร้างชื่อเสียงให้ประเทศฝรั่งเศส

ที่มา:พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ