กำเนิดพระวายุ

Socail Like & Share

พระพาย

พายุ, พระ
พระวายุ หรือพายุ ก็คือพระพายหรือลมนั่นเอง พระพายุนับเป็นเทพเจ้าดั้งเดิมของพวกมิลักขะ คือชนชาติถิ่นเดิมของอินเดีย และบางตำนานก็เรียกเป็นมารุต อนิล คันธวหะ และปวันวาตก็มี

การกำเนิดของพระวายุก็แปลก คือนางทิติมเหสีฝ่ายซ้ายของพระกัศยปเทพบิดร ซึ่งเป็นแม่ของพวกอสูรแทตย์ที่แพ้เทวดาและพระอินทร์เมื่อคราวกวนน้ำอมฤต (เรื่องนี้เล่าไว้ในเรื่องพระจันทร์ไปแล้วเล็กน้อย) นางทิตินึกแค้นใจว่ามีลูกก็สู้เทวดาไม่ได้ ได้ไปเฝ้าพระสวามี ทูลวิงวอนขอลูกชายที่เก่งๆ เพื่อจะได้เป็นศัตรูและรบชนะพระอินทร์และเทวดา พระกัศยปแนะให้นางไปบำเพ็ญตบะ ๑๐๐ ปี นางทิติมีความเพียรแรงกล้า ได้ไปยังตำบลกุศปลพแล้วก็ตั้งใจบำเพ็ญตบะขอลูก พระอินทร์รู้เรื่องราวก็ชักจะเกรงอยู่เหมือนกันจึงดำเนินอุบายโดยไปปรนนิบัติรับใช้นางทิติ เอาใจใส่ช่วยเหลือทุกอย่างจนนางทิติรักใคร่ บอกว่าลูกที่จะคลอดนั้นจะให้เป็นมิตรกับพระอินทร์แต่พระอินทร์ก็ไม่ค่อยไว้ใจนัก คอยจังหวะอยู่ ครั้นเมื่อนางทิติเผลอนอนผิดทิศ พระอินทร์ได้โอกาสก็สำแดงฤทธิ์เข้าไปในครรภ์ของนาง แล้วเอาวัชระตัดลูกของนางเป็นเจ็ดภาค ครั้นนางตื่นขึ้นรู้สึกผิดปรกติในท้อง เลยมอบลูกให้เป็นบริวารของพระอินทร์ บางตำนานก็บอกว่าเป็นสหายกับพระอินทร์ แต่อย่างไรก็ตามพระอินทร์ได้ให้บุตรของนางทิตินี้ให้มีหน้าที่เกี่ยวกับลมและได้ชื่อว่าพระมารุต บุตรทั้ง ๗ ของนางทิตินี้มีดังนี้
๑. เป็นลมตะวันออก
๒. เป็นลมตะวันตก
๓. เป็นลมเหนือ
๔. เป็นลมใต้
๕. เป็นลมพัดในเทวโลก
๖. เป็นลมพัดในพรหมโลก
๗. เป็นทิพยวายุ คือลมในอากาศ

พระพายุจัดเป็นโลกบาลทิศพายัพ และเป็นเทพแห่งลมนั่นเอง มีเรื่องเล่าว่าพระนารถยุแหย่ให้พระวายุพัดยอดเขาพระสุเมรุให้หัก พระวายุก็หูเบาทำตาม พัดอยู่หลายครั้งแต่หาสำเร็จไม่ ทั้งนี้เพราะพระยาครุฑเอาปีกกั้นไว้ ต่อมาก็ยุใหม่ บอกว่าคอยพัดในเวลาที่พระยาครุฑไม่ยู่ พอได้จังหวะครุฑไม่อยู่พระพายุก็พัดจนยอดเขาพระสุเมรุหักและหอบเอาไปทิ้งทะเล ซึ่งก็คือเกาะลังกา (ซีลอน) ในปัจจุบันนี้นั่นเอง เกาะนี้ละครับที่สุนทรภู่เกณฑ์ให้เป็นเมืองฝรั่งในเรื่องพระอภัยมณีละ

ในหนังสือ นารายณ์สิบปาง ฉบับ คุณหญิงเลื่อนฤทธิ์ มีเรื่องเล่าว่าอนันตนาคราชต้องการอวดฤทธิ์เดชท้าทายลองฤทธิ์กับเทวดาทั้งหลาย พระพายต้องการประลองยุทธด้วย พระอิศวรมีเทวบัญชาอนุญาตเพราะทรงรู้ด้วยทิพยญาณว่าอะไรจะเกิดอะไรจะเป็น พระอนันตนาคราชแผลงฤทธิ์ใช้กำลังภายในเอากายพัดเขาพระสุเมรุ ตั้งแต่พื้นดินไปจนถึงยอดได้ถึง ๔ หมื่นโยชน์ แล้วเลิกพังพานไว้คอยรับยุทธวิธีของพระพาย โดยท้าว่าให้ลองพัดให้เขาพระสุเมรุหักสักทีเถอะน่า พระพายก็พัดอย่างแรง พระอนันตนาคราชก็อ้าปากออกกลืนลมหมด เขาพระสุเมรุ ไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด พระพายชักมีน้ำโห บันดาลให้เกิดลมพายุใหญ่แรงขึ้นไปอีก ฝ่ายอนันตนาคราชก็ใช้กำลังภายในเนรมิตให้กายใหญ่โตและยาวขึ้นไปอีก แล้วก็กลืนลมจนเกลี้ยง ไม่ว่าจะพัดมาอย่างไรเพื่อนก็เนรมิตรเศียรให้โตคอยกลืนลมเล่น ข้างฝ่ายพระพายุยิ่งโกรธาใหญ่ จึงบันดาลเอาลมหายใจที่เทวดามนุษย์สัตว์ใช้หายใจเข้าออกเก็บตุนเอาไว้จนหมด เพื่อจะได้พัดให้เขาพระสุเมรุหักให้ได้ เรื่องของเรื่องเทวดาก็ลำบากซิครับ เพราะไม่มีลมหายใจนี่ จึงชวนกันไปฟ้องพระอิศวร บอกว่าหายใจไม่ทั่วท้อง จะแย่ไปตามๆ กันแล้ว พระอิศวรจึงต้องไปห้ามมีเทวบัญชาว่าท่านทั้งสองได้ประลองเชิงยุทธจักรกันเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ทั่วพิภพก็ได้เห็นฤทธิ์กันทั่วแล้ว เสมอกันเถอะ อนันตนาคราชน่ะคายลมออกจากปากเสีย เทวดาจะไม่มีลมหายใจแล้ว พระอนันตนาคราชก็คายลม ลมก็พลุ่งออกจากปากแต่พัดแรงไปหน่อย กระทบเขาพระสุเมรุหักแตกกระจายเป็นดินไปเลย นัยว่าราบดุจหน้ากลอง มีปริมณฑลกว้างข้างละหมื่นโยชน์ บรรดาพระเป็นเจ้าและเหล่าเทวดาก็พากันแซ่ซ้องสรรเสริญสองเจ้ายุทธจักรนั่นแล

ในเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ พระพายเป็นพ่อของหนุมาน โดยพระอิศวรมีเทวบัญชาให้พระพายนำเทพศัสตราไปซัดในปากนางสวาหะ ซึ่งถูกนางอัจนาผู้เป็นมารดาสาปให้ยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลมอยู่บนยอดเขาจักรวาล เพื่อจะได้เกิดบุตรเป็นทหารเอกของพระราม เทพศัสตราวุธนี้ก็คือ คทาเพชร ตรีเพชร และจักรแก้ว ทั้งกำชับอีกว่า “ตัวท่านเป็นบิดร วานรในครรภ์นางเทวี” ในรามเกียรติ์มีว่า

มาจะกล่าวบทไป     ถึงพระอิศาวรนาถา
แจ้งว่านวลนางอัจนา    โกรธาสาปราชบุตรไป
ให้ยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลม    ยอดพนมจักรวาลเนินไศล
กูจะให้มีบุตรวุฒิไกร    จะได้เป็นทหารพระจักรา

คิดแล้วจึงแบ่งกำลัง     สั่งองค์พระพายแกล้วกล้า
เอาเทพอาวุธอันศักดา        ทั้งกำลังกายาของเรานี้
ไปซัดเข้าปากสวาหะ        จะเกิดบุตรเป็นกระบี่ศรี
อันคทาเพชรเรืองฤทธี        มีอานุภาพเกรียงไกร
ให้เป็นสันหลังตลอดทาง    จึงจะเดินทางตลอดได้
อันตรีเพชรสุรกานต์ชาญชัย        ให้เป็นกายกรบาทา
จักรแก้วอันเรืองฤทธิรอน        เป็นเศียรวานรแกล้วกล้า
อาวุธทั้งสามศักดา            มหิมาประกอบเป็นอินทรีย์
มาตรแม้นจะล้างศัตรู            ทั้งหมู่อสุรศักดิ์ยักษี

ให้ชักเอาตรีเพชรฤทธี            ที่อกกระบี่ออกรอนราญ
แล้วดูป้องกันอันตราย            อย่าให้ใครกล้ำกรายดวงสมร
ตัวท่านนั้นเป็นบิดร            วานรในครรภ์นางเทวี

เมื่อหนุมานเกิดก็สำแดงฤทธิ์ทันที คือ
ลอยอยู่ตรงพักตร์ชนนี        รัศมีโชติช่วงในเวหา
มีกุณพลขนเพชรอลงการ์    เขี้ยวแก้วแววฟ้ามาลัย
หาวเป็นดาวเดือนรวี        แปดกรสี่หน้าสูงใหญ่
สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกร    แล้วลงมาไหว้พระมารดา
ทั้งองค์พระพายเรืองเดช    สำคัญว่าปิตุเรศนาถา
ก็เข้าอิงแอบแนบกายา        วานรชื่นชมยินดี

เรื่องราวหนุมานนั้นมีแตกต่างกันหลายกระแสนัก ในหนังสือ “บ่อเกิดรามเกียรติ์” ของ ร.๖ เล่าเรื่องหนุมานต่างไปจากข้างต้น คือมีความดังนี้

“กำเนิดและประวัติหนุมาน เป็นบุตรนางอัญชนา มเหสีท้าว เกศรีกปิราช ผู้ครอบครองสำนักอยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุ แต่พ่อจริงของหนุมานคือพระพาย นางอัญชนาครรภ์แก่แล้วไปคลอดทิ้งไว้ที่ในป่า ทารกนั้นหิว เป็นพระอาทิตย์คิดว่าผลไม้ก็เหาะขึ้นไปจะหยิบกิน พระพายก็ช่วยส่งและช่วยพัดระบายไว้มิให้ร้อน เผอิญวันนี้นพระราหูก็กำลังพยายามจะจับพระอาทิตย์ พอหนุมานเหาะขึ้นไปถึงรถพระอาทิตย์ พอหนุมานเหาะขึ้นไปถึงรถพระอาทิตย์ พระราหูก็ปล่อยพระอาทิตย์แล้วไปฟ้องพระอินทร์ พระอินทร์ก็ทรงช้างเอราวัณออกไปดูเหตุการณ์ พระราหูนำหน้าไป ฝ่ายหนุมานเห็นพระราหูก็ผละจากพระอาทิตย์โดยไปจับพระราหู พระราหูกลัวจึงหนีไปแอบหลังพระอินทร์ หนุมานเห็นช้างเอราวัณสำคัญว่าเป็นผลไม้ลูกใหญ่ จึงตรงเข้าไปจะจับกิน พระอินทร์จึงตีหนุมานด้วยวัชระตกลงยังพื้นดินตรงหัว จึงได้นามว่า หนุมาน ฝ่ายพระพายมีความเคือง จึงอุ้มหนุมานเข้าไปในถ้ำ และพระพายเองก็อยู่เสียในนั้น ไม่พัดไปมา บรรดาเทวดา มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงก็พากันเดือดร้อนทั่วไปจนพระพรหมต้องไปวิงวอนพระพายจึงยินยอมออกจากถ้ำ”

เรื่องรามเกียรติ์ที่เข้ามาในเมืองไทยนั้นมีหลายกระแสนักครับ ใครต้องการทราบก็อ่านหนังสือบ่อเกิดรามเกียรติ์ของ ร.๖ อุปกรณ์รามเกียรติ์ ของเสฐียรโกเศษนาคะประทีปดูก็แล้วกัน ในเมืองอินเดียนั้นนับถือหนุมานมากกว่าพระลักษณ์เสียอีก ในหนังสือ อุปกรณ์รามเกียรติ์ ว่าไว้ดังนี้

“แต่ไหนแต่ไรแล้ว ลิงเป็นสัตว์ที่ลางชาติในสมัยโบราณนับถือบูชา ถ้ากล่าวโดยเฉพาะอินเดีย การนับถือลิงมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ ชาติธเบตเองยังนับถือว่าชาติของตนสืบมาจากลิง”

“เหตุไรอินเดียจึงนับถือลิงว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และมีศาลไว้ทำพลีบูชาโดยเฉพาะ เห็นจะเป็นเพราะในชั้นเดิม ซึ่งคงไม่เนื่องมาจากเหตุที่ลิงเคยเป็นทหารพระรามจะถือว่าลิงมีลักษณะคล้ายคลึงกับมนุษย์มาก ต่อมาสมัยเมื่อมีรามายณะขึ้น หนุมานได้เป็นทหารเอกของพระราม การนับถือลิงจึงยิ่งแน่นแฟ้น จนมีศาลหนุมานนับจำนวนได้ร้อยๆ มีอยู่ทั่วไปในอินเดีย ทำไมจึงบูชาแต่หนุมาน ส่วนพระภรต พระลักษณ์และตัวสำคัญอื่นๆ ในรามายณะจึงไม่มีผู้นิยม ทั้งนี้จะต้องสันนิษฐานว่า การนับถือหนุมานคงเนื่องมาจากการนับถือบูชาลิงซึ่งมีมาแล้วแต่กาลก่อน เมื่อเกิดรามายณะขึ้นจึงมีการนับถือบูชาหนุมานฟื้นความนิยมเรื่องนับถือบูชาลิง เป็นเหตุให้ลัทธิต่างๆ เพียรเอาหนุมานไปอยู่ในนิการของตน”

กล่าวถึงหนุมานลูกพระพายเสียเพลิน ก็เห็นสรุปได้เป็นการจบเรื่องนี้ ลักษณะของพระพายมีสีกายเป็นสีขาว เสื้อทรงสีน้ำเงิน มี ๔ กร กรขวาถือลูกศร กรซ้ายถือธงทรงมงกุฎ มีกวางเป็นพาหนะ หรือบางทีมีรถเป็นแก้ว ใช้เทียมด้วยม้าสีแดงหรือม่วง

ขอเติมกลอนจากวรรณคดีเรื่องกากี แสดงบุคลิก เอกลักษณ์ของเทพทิ้งท้ายอีกที ไพเราะมากครับ ตอนท้าวพรหมทัตครวญถึงกากี

“นิเวสน์วังตั้งเที่ยวตระหลบจบ    มิได้พบนิ่มน้องสนองหน้า
ฤาอิศเรศประเวศทรงอสุภา        ลักสุดาเหินเหาะไปหิมพานต์
ฤาจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ทรงครุฑ    มาลักนุชพี่ไปร่วมภิรมย์สมาน
ฤาธาดาทรงมหาหงส์ทะยาน    ลักสมรไปสมานพิมานพรหม
ฤาอินทร์องค์ทรงพระยาไอยเรศ    พาดวงเนตรพี่ไปดาวดึงส์สม
ฤาสุริยงค์ทรงรถอันลอยลม        มาลอบชมกลิ่นแก้วแล้วพาจร
ฤาพระเพลิงฤทธิรงค์ทรงแรด    มาเวียนแวดพาน้องไปสมสมร
ฤาพระพายชายทรงอัสดร        มาอุ้มองค์บังอรแอบอุราไป
ฤาครุฑาวาสุกรีวิทเยศ            มาโลมลวงดวงเนตรไปฤาไฉน
เสียดายเอ๋ยมิได้เคยระคายไกล    เวรใดจึงคลาดพี่เคล้าคลึง”

ที่มา:รองศาสตราจารย์ประจักษ์  ประภาพิทยากร