ควายบ้านและควายป่าต่างกันอย่างไร

Socail Like & Share

ควายเป็นสัตว์มีกีบคู่เเละเคี้ยวเอื้องเช่นเดียวกับวัว ควายนั้น นักสัตว์ศาสตร์แยกออกเป็นควายบ้านและควายป่า แต่ยังมีควายอีกชนิดหนึ่งซึ่งเราหลงเข้าใจว่าเป็นควายป่าก็คือ ควายปละหรือควายเพริด ควายชนิดนี้ก็คือควายบ้านนั่นเอง แต่เป็นตัวที่ดุและดื้อ ขี้เกียจทำงาน ก็ปละหรือเพริดจากบ้านเข้าไปอยู่ป่า คนที่ไม่รู้จักควายป่า จึงเข้าใจว่าควายเพริดเป็นควายป่าไปควายป่า

ควายป่าผิดกับควายเพริดหรือควายบ้านในขนาดส่วนสัดของตัวและเขาอย่างมาก ควายป่าโตกว่าควายบ้านขนาดพ่อกับลูก นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล ผู้เชี่ยวชาญทางสัตว์ป่ากล่าวว่าควายป่าเมื่อโตเต็มที่ จะมีความสูงที่ไหล่ราว ๕ ฟุต ๖ นิ้ว แต่อาจสูงถึง ๖ ฟุต ๖ นิ้วสูงกว่าควายบ้าน ซึ่งสูงเพียง ๔ ฟุตเศษไม่เกิน ๕ ฟุต เขาควายป่ามีขนาดใหญ่กว่ายาวกว่า และปลายแหลมเรียวสวยงามกว่าเขาของควายบ้านมาก เขาของควายป่าที่งามๆ โดยมากวัดตามความยาวราว ๔ ฟุตขึ้นไป เขาควายตัวเมียอันหนึ่งที่เก็บอยู่ในบริติชมิวเซียมยาว ๗๗ ๘/๓ นิ้ว ซึ่งเป็นสถิติความยาวสุดของเขาควาย วงรอบโคนเขามักอยู่ในราว ๑๗-๑๙ นิ้ว อย่างใหญ่ที่สุด ๒๓ นิ้ว ซึ่งยาวและใหญ่กว่าเขาควายบ้านมาก

เท้าทั้งสี่ของควายป่ามีถุงเท้าขาวหรือเป็นสีเทาขึ้นไปจนเลยข้อ ที่เรามักเรียกกันว่า “ข้อเข่า” (Hock) ลักษณะที่มีแข้งขาวนี้คล้ายกับวัวป่าอื่นๆ สีของควายป่า คล้ายกับควายบ้านธรรมดา แต่ไม่มีควายเผือกมากอย่างควายบ้าน หากจะมีบ้างก็น้อยตัวเต็มที ลูกควายป่า สีค่อนข้างเหลือง เมื่อโตขึ้นแล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นสีดำ อย่างสีกระดานชะนวนเหมือนควายธรรมดา

ควายป่านั้น สมัยก่อน ในประเทศเราคงจะมีชุกชุมมากเหมือนสัตว์ป่าอื่นๆ จนคนไทยเรานิยมล่าควายป่ากัน ในหนังสือเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนจึงกล่าวถึงการล่าควายป่าไว้ตอนหนึ่ง คือตอนที่สมเด็จพระพันวษา เสด็จล่าควายป่าเมืองสุพรรณ ขุนไกรบิดาของขุนแผน มีหน้าที่ไล่ควายป่าให้เข้าคอกหรือค่ายกลอนตอนนี้ว่า

“ครานั้นขุนไกรพลพ่าย        ครั้นรุ่งเช้าเรียกทนายอยู่สับสน
แล้วพาพวกอาสาห้าร้อยคน        เที่ยวไล่ค้นกระบืออื้ออึงไป
ลอดลัดสกัดทางในกลางดง        เวียนวงตามเถินเนินไศล
โห่ร้องก้องสนั่นพนมไพร        จุดไฟเผาพงเป็นวงมา
ควันคลุ้มกลุ้มกลบตลบไป        เปลวไฟโพลงพลามลามป่า
ไม้ไล่ไหม้ยับอรัญวา            งูเห่าเต่าฝาก็บรรลัย

เนื้อเบื้อเสือสางกวางทราย        หมีหมูหมู่กระต่ายไม่อยู่ได้
ลิงค่างโลดโผนโจนจากไม้        นกหกตกใจไปทั้งดง
กระบือเถื่อนใหญ่น้อยนับร้อยพัน    หวาดหวั่นวิ่งกระเจิงละเลิงหลง
ตกใจด้วยไฟนั้นไหม้พง        เสียงคนโห่ส่งก็ตรงมา
บ้างแหงนหงายลองเชิงเบิ่งบด    อ้ายเพื่อนกันรันขวิดขึ้นมาหน้า
เสียงเขากระทบกันสนั่นป่า    ป่วนปั่นเป็นบ้าละลานใจ
ฝูงกระบือยัดเยียดเบียดกัน    เสียงคนโห่สนั่นหวั่นไหว
ทั้งม้าล่อฆ้องกลองตะขาบไฟ    อื้ออึงคะนึงไปในไพรวัน”

ลงท้ายที่สุดขุนไกรถูกรับสั่งให้ประหารชีวิต เพราะแทงควายป่าตายเสียมากต่อมาก และควายป่าก็ไม่เข้าไปในค่ายนี่ก็แสดงให้เห็นว่า ในเมืองไทยสมัยก่อนนี้ ป่าแถวเมืองสุพรรณบุรีนี้เอง ก็มีควายป่าหรือสัตว์ป่าอื่นๆ อาศัยอยู่มากมาย แต่เดี๋ยวนี้คงจะหายากเสียแล้ว เพราะ
ปืนมีมากกว่าควายป่าหรือสัตว์ ถึงกับต้องออกพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนสัตว์ป่าขึ้น เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้ข่าวว่ามืคนนพบควายป่าฝูงหนึ่งในป่าที่จังหวัดอุทัยธานีและเมื่อไม่กี่วันมานี้ หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีควายป่าอยู่ในป่าเมืองกาญจน์เพียง ๕๐ ตัวเท่านั้นเอง สัตว์ป่าเป็น ทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนึ่งของชาวเรา ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาไว้ อีกหน่อยเราก็จะไม่มีสัตว์เหล่านี้ไว้ให้ลูกหลานดู

ที่มา:วิชาภรณ์  แสงมณี