ไฟประลัยกัลป์

Socail Like & Share

เมื่อเวลาใกล้ไฟประลัยกัลป์จะล้างโลก ฝูงปลา เต่า และจระเข้ทั้งหลาย ต่างก็แห้งตายไปเหมือนกับเราตากไว้ ดูกลาดเกลื่อนไปทั่วแผ่นดิน ในขณะนั้น จะมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ๒ ดวง เหมือนหน้าผีเสื้อและผีพรายปานไฟประลัยกัลป์ประหนึ่งจะคาดคั้นจับเอาคนไปทั้งๆ ที่ยังไม่ตาย พอดวงหนึ่งตก อีกดวงหนึ่งก็ขึ้น ผลัดเปลี่ยนกันไป ในท้องฟ้าอากาศร้อนระอุสว่างโชติช่วงอยู่ทุกแห่งหน ไม่มีกลางคืนเลย คนทั้งหลายที่ยังไม่ตาย ต่างกอดคอกันร้องห่มร้องไห้ ผู้มีปัญญามีสติระลึกถึงบุญกุศลเจริญเมตตาภาวนา ทำบุญรักษาศีล ตายแล้วไปเกิดในเทวโลก ผู้หาปัญญามิได้ และมิได้กระทำบุญทำธรรม ตายไปก็ไปเกิดในนรก พระอาทิตย์ ๒ ดวงส่องแสงร้อนจัดจนแม่น้ำใหญ่น้อย ห้วยหนอง คลอง บึง บ่อ และสระเหือดแห้งไปหมด

ในเวลาต่อมาไม่นาน ดวงอาทิตย์ก็เกิดขึ้นอีกเป็น ๓ ดวง ดวงหนึ่งตก ดวงหนึ่งเที่ยง ดวงหนึ่งขึ้น ร้อนแรงยิ่งกว่าเก่ามากนัก แม่น้ำใหญ่ทั้ง ๕ ก็เหือดแห้งไปหมด

ในเวลาต่อมา ดวงอาทิตย์ก็เกิดขึ้นอีกเป็นดวงที่ ๔ ทำให้สระใหญ่ ๗ สระ คือ สระฉัททันต์ สระมันทากินี สระสีหปปาตะ สระกัณณมุณฑะ สระรถการกะ สระกุณาละ และสระอโนดาต เหือดแห้งไปหมด ฝูงมังกรภิมทองและจระเข้ก็ล้วนตายหมดสิ้น

ในเวลาต่อมาไม่นาน ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นอีกเป็นดวงที่ ๕ นํ้าในมหาสมุทร ก็เหือดแห้งเหลือเพียงข้อมือเดียว มองเห็นเงินทองและแก้ว ๗ ประการ ต่อมาก็เกิดขึ้นอีกเป็นดวงที่ ๖ ยิ่งร้อนจัดไปทั่วจักรวาล แสงลุกโชติช่วงไปทั่วร้อนเหมือนเผาหม้อในเตาเผา และต่อมาเกิดขึ้นอีกเป็นดวงที่ ๗ สัตว์ใหญ่ ๗ ตัว ที่อยู่ในแม่นํ้าสีทันดรทั้ง ๗ ซึ่งอยู่ในระหว่างเขาสัตตบริภัณฑ์ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุราชนั้นไว้ สัตว์ที่อยู่ในสระฉัททันต์ และสัตว์ที่อยู่ในแม่น้ำสีทันดรก็มาทำความเคารพปลาใหญ่ ทั้ง ๗ ตัว คือ ปลาใหญ่ชื่อ ติมิ ติมังคละ ติมิรปิงคละ อานันทะ ติมินทะ อัชฌาหาร และมหาติมิ ซึ่งอยู่ในแม่นํ้าสีทันดร ๗ ชั้น และปลาใหญ่ทั้ง ๗ ตัวใหญ่เท่ากันทุกตัว ยาวได้ ๔,๐๐๐,๐๐๐ วา เมื่ออาทิตย์ขึ้นทั้ง ๗ ดวง ทำให้ร้อนยิ่งนัก จนปลาทั้ง ๗ ตัวได้กลายเป็นนํ้ามันไหลไหม้เขาอิสสกัณณะ ตลอดทั้งแผ่นดินชมพูทวีปที่เราอาศัยอยู่นี้ก่อนทุกแห่ง

ไฟไหม้นรกทั้งหลายตลอดไปถึงอเวจีมหานรก ไหม้ไปจนถึงอบายภูมิทั้ง ๔ และไหม้ภูเขาตามลำดับ ไหม้วิมานของเทวดาบนยอดเขา ไหม้ภูเขาเนมินธร ไหม้วิมานของเทวดาทั้งหลาย แล้วก็ไหม้ภูเขาสุทัสสนะ ไหม้ภูเขากรวิก ไหม้ภูเขา อิสินธร และไหม้ภูเขายุคันธร ไหม้เมืองจตุโลกบาล ไหม้วิมานแก้วของเทวดาที่อยู่บนจอมภูเขาเหล่านั้น เปลวไฟไหม้หุ้มเขาพระสุเมรุราชแล้วไหม้ใต้ลงไปถึง อสุรภพ ไหม้เมืองพระอินทร์สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไหม้ภูเขาพระสุเมรุพังทลาย ๗๐๐ โยชน์ ๘๐๐ โยชน์ ๙๐๐ โยชน์ ๑,๐๐๐ โยชน์ ไหม้ต้นปาริชาต ไหม้สวนอุทยาน ไหม้สระโบกขรณี ไหม้สวรรค์ชั้นยามา ไหม้วิมานของเทวดาอันมีในชั้นนั้น ต่อจากนั้นก็ไหม้สวรรค์ชั้นดุสิต ไหม้สวรรค์ชั้นนิมมานรดี ไหม้สวรรค์ชั้นปรนิมิตวสวัดดี สวรรค์เมืองพญามาร ไหม้รัตนปราสาทของมวลเทพยดาทั้งสิ้น ไหม้แผ่นดินเบื้องตํ่าเบื้องล่างภายใต้แผ่นดินของเทพยดาเสียสิ้น

เปลวไฟได้ลุกโชติช่วงพุ่งไปถึงพรหมโลกชั้นปาริสัชชา จากนั้นก็ไหม้ พรหมโลกชั้นปโรหิตา ไหม้พรหมโลกชั้นมหาพรหม แล้วไฟก็หยุดอยู่เพียงแค่นั้น ต่อจากนั้นไปไฟก็ไม่ไหม้ รอดพ้นจากไฟประลัยกัลป์ ไฟประลัยกัลป์ล้างโลกเบื้องตํ่าถึงอเวจีมหานรกไม่มีขี้เถ้าหลงเหลืออยู่เลย เหมือนจุดประทีปไหม้อยู่นาน ถึงอสงไขยหนึ่ง ต่อจากนั้นชื่อสังวัฏฏอสงไขยกัลป์

คณะทำงานโครงการวรรณกรรมอาเซียน