โรงเรียนของลูก

Socail Like & Share

โฉมศรีมีลูกชายชื่อตาอ๊อดอยู่ในโรงเรียนเดิมมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล โฉมศรีกับสามีต้องทำงานไกลบ้านทั้งคู่ จึงต้องให้พี่เลี้ยงและคนรถไปส่งตอนเช้าและรับในตอนเย็นหลังเลิกเรียน ทั้งสองไม่มีโอกาสได้พบครูประจำชั้น จนกระทั่งมีบัตรเชิญผู้ปกครองเข้าประชุมจากครูใหญ่ เพื่อให้ผู้ปกครองได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุตรหลาน และการปรับปรุงกฎระเบียบของโรงเรียนให้ดีขึ้น

โฉมศรีตื่นเต้นที่จะได้ไปร่วมประชุม เธอมีความรักและใส่ใจในลูกมาก เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ไปวันนั้นเป็นชุดใหม่ที่สุด หรูและราคาแพงมาก แต่เมื่อเธอเห็นผู้ปกครองคนอื่นๆ พวกเขากลับใส่เสื้อผ้าที่สะอาด แบบธรรมดาๆ เหมาะกับโอกาสในครั้งนี้

โฉมศรีได้รับบทเรียน หากมีการประชุมครั้งต่อไป เธอจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด แบบเรียบๆ ที่ดูเหมาะสม เธอเคยเห็นลูกเล็กของผู้ปกครองคนหนึ่งแผลงฤทธิ์ ก่อความรำคาญแก่คนอื่นๆ อย่างยิ่ง จนต้องกลับบ้านไปก่อนที่จะประชุมเสร็จ โฉมศรีจึงไม่ได้พาตาแอ๊ดลูกคนเล็กไปด้วย

มีความจำเป็นมากที่ท่านจะต้องแสดงบุคลิกลักษณะของบิดามารดาที่น่านับถือในฐานะผู้ปกครองที่น่าเคารพ หากมีการไปเยี่ยมโรงเรียนหรือเข้าร่วมประชุมที่โรงเรียนของลูก กิริยามารยาท การวางตัว และการแต่งกายให้สะอาดถูกกาลเทศะ นับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าท่านได้รับเชิญให้ไปชมกิจการของโรงเรียนและขณะที่ครูผู้สอนกำลังทำการสอนนักเรียนในชั้นอยู่ ท่านก็ไม่ควรจะทักบุตรหลานที่กำลังนั่งเรียนอยู่ ขณะที่ยืนดูครูสอนก็ไม่ควรสนทนากับผู้ที่เดินมาด้วยกัน เพราะเสียงของท่านอาจรบกวนสมาธิในการเรียนการสอนของเด็กและครูได้

มีผู้ปกครองมากรายที่เข้าใจว่า เด็กฉลาดคือเด็กที่เรียนเก่ง ส่วนเด็กที่เรียนอ่อนก็เป็นความผิดของครูที่ไม่ได้สอนให้ดีเอง ในการประชุมกันระหว่างผู้ปกครองท่านอาจออกความคิดเห็นได้ แต่ไม่ใช่ว่าท่านจะเข้าข้างเด็กของท่านอย่างเดียว

ท่านจะเข้าใจครูที่สอนเด็กในปกครองของท่านได้ดีขึ้นถ้าท่านลองทบทวนดูดีๆ อีกครั้ง

ควรขอบคุณ ครูใหญ่และครูทุกคนที่นั่นหลังการประชุมเสร็จแล้ว อย่าคิดแต่เพียงว่า
“ก็เราเสียค่าเทอมปีละตั้งมากมายแล้ว ยังจะติดบุญติดคุณอะไรกันอยู่อีกล่ะ?”

หากเทียบกับความเหนื่อยของครู ที่ต้องอบอบบ่มนิสัยเด็กของท่านให้เป็นคนดี เงินที่ท่านเสียไปแต่ละปีก็เทียบกันไม่ได้

ไม่จำเป็นต้องให้รางวัลหรือของขวัญพิเศษกับครู เพราะหวังจะให้ดีกับลูกท่านเป็นพิเศษ ครูที่ดีจะไม่ต้องการสินบน ท่านอาจแสดงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ได้ในโอกาสขึ้นปีใหม่ วันเกิดครู หรือวันครู เช่น ดอกไม้ในแจกันเล็กๆ หรือกระเช้าดอกไม้จากสวนของท่านเอง หรือปากกาที่ครูจำเป็นต้องใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องหาของราคาแพงมาให้แต่อย่างใด

ขณะอยู่ในห้องประชุม ท่านอาจสนทนาด้วยความสุขุมเบาๆ แต่พอกลับมาบ้าน ต้องเจอกับความซุกซนของลูกๆ ที่เข้ามาหาของกิน เปิดตู้โครมคราม เดินบ้างกระโดดบ้าง ทำของกินหกเรี่ยราด กลับมาอีกทีเมื่อหิว และอยู่ในสภาพที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน หัวเข่าถลอกมาบ้าง ท่านจะยังอ่อนโยนอยู่ได้หรือไม่?

ท่านลองนึกถึงครูที่ต้องคอยดูแลเด็กอื่นๆ และลูกของท่านอีกหลายสิบคน เพื่อให้เขาอยู่ในระเบียบวินัยในห้องเรียนได้

ท่านต้องสำรวมสติและอารมณ์ หากพบว่าบุตรของท่านกลับมาบ้านพร้อมน้ำตา และรอยแดงที่ขา อย่าด่วนไปเล่นงานครูว่า
“ลูกฉันทำอะไรร้ายแรงนัก ถึงได้เฆี่ยนตีกันถึงขนาดนี้ ฉันเป็นพ่อแม่เองก็ยังไม่เคยตีเลย”
ท่านต้องไต่ถามความจริงจากลูกดู แล้วอดใจรอจนรุ่งเข้าแล้วค่อยไปหาคุณครูและพูดคุยอย่างสุภาพว่า
“ดิฉันเป็นมารดาของเด็กชาย….ค่ะ เมื่อวานนี้เขาประพฤติผิดหรือคะ?”

ท่านควรฟังและชั่งน้ำหนักข้อเท็จจริงระหว่างคำบอกกล่าวของคุณครูกับบุตรของท่าน อย่าเสียงและอารมณ์ด้วยความโมโหจนเด็กนักเรียนทั้งหมดได้ยินกันทั่ว เพราะเมื่อท่านเป็นเป้าสายตาบุตรของท่านก็อาจจะไม่ชอบ และอาจถูกเพื่อนล้อเลียนได้

ที่มา: จากหนังสือเรื่อง มรรยาทงาม ของ ผกาวดี อุตตโมทย์