โรคในช่องปาก

Socail Like & Share

โรคในช่องปากนั้นมีอยู่มากมาย สาเหตุเนื่องมาจากฟันไม่ดีแทบทั้งนั้น ดังนั้นการรักษาฟันให้สะอาดจึงเป็นการป้องกันโรคร้ายต่างๆ ได้อีกด้วยโรคฟัน

ฟันนั้นนอกจากมีหน้าที่บดอาหารแล้ว ยังทำให้รูปหน้าของคนเราสวยงามคงรูปไม่เหี่ยวย่นหรือยานเกินกว่าวัยได้อีกด้วย คนที่ฟันหลุดฟันร่วงแล้วไม่ใส่ฟันปลอมเสียใหม่นั้น ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปได้เหมือนกัน มีผู้เล่าให้ฟังว่า ตอนหลวงประดิษฐ์มนูธรรมหรือนายปรีดี  พนมยงค์ หนีการเมืองนั้น ครั้งแรกหนีไปอยู่ที่ชลบุรีก่อน แต่ก็ไม่รู้จะออกนอกประเทศได้อย่างไร จึงจำเป็นต้องเข้ามาพึ่งพาอาศัยสถานทูตของประเทศหนึ่งในกรุงเทพฯ แต่การที่จะผ่านด่านตรวจของฝ่ายรัฐบาลใหม่เข้ามากรุงเทพฯ นั้น ไม่ใช่ทำได้ง่าย เพราะใครๆ ก็รู้จักท่านหลวงประดิษฐ์ฯ ใส่ฟันปลอมอยู่ จึงจัดการถอดฟันปลอมออกเสีย แต่งเครื่องแบบพันจ่าทหารเรือ ว่ากันว่าแม้แต่เอกอัครราชทูตของประเทศที่เคยคุ้นเคยกัน กว่าจะรู้จักก็ต้องแนะนำกันเป็นเวลาหลายนาทีเหมือนกันทั้งนี้ก็เพราะฟันเป็นเหตุนั่นเอง

โรคของฟันนอกจากฟันผุแล้วยังมีโรคอีกหลายโรคเช่น เหงือกอักเสบ อันเกิดจากการปล่อยให้หินน้ำลายและคราบสีดำจับบนฟัน แล้วไม่ขูดออก หรือมีโรคของร่างกายบางอย่างเป็นสาเหตุให้เหงือกอักเสบได้ ลักษณะของเหงือกอักเสบ คือเหงือกจะขรุขระขอบไม่เรียบร้อย และแยกตัวห่างออกจากตัวฟัน เมื่อเคี้ยวอาหารหรือบ้วนปากแต่เพียงเบาๆ จะทำให้เลือดออกง่าย นอกจากนี้เหงือกอักเสบอาจเกิดจากการแคะเศษอาหารด้วยไม้จิ้มฟัน การแปรงฟันไม่ถูกวิธีเป็นต้น

โรคฟันอีกชนิดหนึ่ง เรียกตามศัพท์แพทย์ว่า โรคปริทันต์ ถ้าจะแปลตามตัวก็คงจะได้ความว่า “โรครอบๆ ฟัน” นั่นเอง เพราะโรคนี้เป็นกับเหงือกและเนื้อเยื่อที่อยู่รอบรากฟัน รวมทั้งส่วนของขากรรไกรที่อยู่รอบรากฟัน มีอาการเหงือกอักเสบหรือมีอาการอักเสบเรื้อรังนานๆ เข้าเหงือกกับเนื้อเยื่อรอบๆ รากฟันจะค่อยๆ สลายตัวไปได้ จะเห็นว่ามีเหงือกรน และฟันแต่ละซี่จะยาวขึ้น เหงือกแยกตัวออกจากฟันทำให้เกิดฟันโยก มีอาการเจ็บปวดโดยเฉพาะเวลาเคี้ยวอาหาร และมีกลิ่นปากเหม็น โรคปริทันต์มักมีสาเหตุมาจากหินน้ำลาย ปากสกปรก และเหงือกอักเสบเรื้อรัง แต่คนที่มีปากสะอาดก็พบว่าเป็นโรคนี้ได้ เนื่องจากเป็นโรคอย่างอื่นด้วย เช่น โรคประจำตัวบางอย่าง โรคเบาหวาน เป็นต้น เมื่อรู้ตัวว่าเป็นโรคปริทันต์ ควรจะรีบไปหาทันตแพทย์หรือหมอฟันทันที อย่าปล่อยให้เนิ่นนาน เพราะจะเกิดโรคอีกหลายอย่างตามมา บางทีก็อาจจะสายเกินแก้ โรคนี้มักจะเกิดกับผู้ที่มีอายุ ๓๕ ปีล่วงไปแล้ว และผู้ที่มีอายุปูนนี้มักจะเป็นโรคของฟันอย่างอื่นด้วย เพราะเราใช้ฟันมานานแล้วนั่นเอง

ที่มา:วิชาภรณ์  แสงมณี