แรกเริ่มเดิมที เมื่อมนุษย์เรายังมีภาวะความเป็นอยู่ที่ห่างไกลจากอารยธรรมปัจจุบันนี้เรื่องภาชนะใส่อาหารเห็นจะไม่ต้องคำนึงถึงกัน มนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำหรือซอกผานั้น ก็มีความเป็นอยู่ไม่ผิดอะไรกับสัตว์ชนิดอื่นมากมายนัก เมื่อต้องการอาหารก็เสาะแสวงหาเอาจากธรรมชาตินั่นเอง เช่นผลหมากรากไม้ สัตว์ป่า ปูปลา เป็นต้น เมื่อได้มาแล้วก็ยังไม่ รู้จักวิธีที่จะปรุงแต่งอาหารให้มีรสชาติ ได้มาอย่างไรก็กินเข้าไปอย่างนั้น เช่นเนื้อสัตว์ก็คงจะกินกันดิบๆ นั่นเอง สิ่งที่รองรับอาหารก็เห็นจะเป็นใบไม้เปลือกไม้เท่านั้นเอง ต่อมาจะโดยเหตุบังเอิญก็เป็นได้ เมื่อเกิดไฟป่าขึ้น สัตว์ป่าที่หนีไฟป่าไม่ทันก็ถูกไฟเผาไหม้อยู่ในกองไฟนั่นเอง มนุษย์เราไปพบสัตว์ที่ตายด้วยไฟเข้าก็คงจะลองชิมดูก็ร้สึกว่าเนื้อสัตว์ที่ถูกไฟเผาแล้วนี้มีรสชาติอร่อยกว่าที่ไม่ถูกเผาหรือเนื้อดิบๆ ที่เคยกินนั้นเสียอีก มนุษย์เราจึงรู้จักใช้ไฟและรู้จักปิ้งอาหารเนื้อให้สุกเสียก่อน เพราะธรรมชาติสอนให้เป็นครั้งแรก และอาหารของมนุษย์เราครั้งแรกนี้ก็คงจะมีเพียงอาหารแห้ง ไม่มีอาหารนํ้า ดังนั้น เรื่องความต้องการภาชนะที่จะปรุงอาหารคงจะยังไม่เกิดขึ้น ต่อมาคงจะมีมนุษย์สักคนหนึ่งที่บังเอิญคิดต้มนํ้าทำอาหารขึ้นมาได้ อาจจะเอากระดองสัตว์ เช่นเต่ามาทำเป็นภาชนะต้มก่อน แล้วต่อมาจึงมีคนคิดปั้นภาชนะดินขึ้นอย่างหยาบๆ แล้วตากให้แห้งโดยไม่ได้เผา และเมื่อเอาภาชนะดินดิบขึ้นตั้งไฟหลายๆ ครั้งเข้าภาชนะดินดิบนี้ก็เกิดความแข็งแกร่งขึ้น มนุษย์เราจึงรู้จักทำเครื่องปั้นด้วยดิน แล้วนำไปเผาขึ้นในเวลาต่อมา แต่ก็คงเป็นเครื่องปั้นดินเผาชนิดหยาบๆ อย่างที่เราขุดค้นพบในบริเวณถ้ำผีแมนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีอายุเก่าที่สุดระหว่าง ๙๐๐๖-๗๓๒๒ ปี ส่วนที่ภาคอื่นๆ ของประเทศไทยก็ได้มีการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาที่วิเศษที่สุดที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาร จังหวัดอุดรธานี เครื่องปั้นดินเผาที่บ้านเชียงนี้เป็นลายเขียนที่สวยงามมาก ซึ่งมีอายุประมาณ ๗๐๐๐-๖๐๐๐ ปี ล่วงมาแล้ว เครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสีที่บ้านเชียงนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยดังไปทั่วโลก และทำให้คนไทยเราขุดขายคนต่างชาติรวยไปหลายคน ซึ่งนับเป็นเรื่องน่าสลดใจมาก จนรัฐบาลได้ออกเป็นประกาศคณะปฏิวัติห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ขืนมีไว้เป็นความผิด เรื่องการขุดขายจึงซบเซาไป เหตุใดคนจึงตื่นเต้นเรื่องเครื่องปั้นดินเผาเก่า รูปร่างไม่สวยงามถึงเช่นนี้ก็เพราะว่าในหมู่คนที่สนใจค้นคว้าความเป็นมาของมนุษย์ชาตินั้น การได้พบเครื่องปั้นดินเผาที่มีอายุมากๆ เช่นที่บ้านเชียง เป็นหลักฐานให้การค้นคว้าความเป็นมาของมนุษย์สมบูรณ์ยิ่งขึ้นนั่นเอง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องก่อน ประวัติศาสตร์ การจะค้นคว้าหลักฐานทางหนังสือย่อมทำไม่ได้ จึงได้แต่ค้นคว้าทางวัตถุของเก่าที่มนุษย์ทำขึ้นนี่เอง แต่พวกเราเองกลับไม่รู้คุณค่าขุดขายทำลายเสียหมด ปฐมเหตุที่จะได้มีการขุดพบเครื่องปั้นดินเผาที่บ้านเชียงนี้มีอยู่ว่า มีครูคนหนึ่งที่บ้านเชียง เกิดสนใจเศษหม้อที่มีลวดลายสีแดงๆ ซึ่งพบตกหล่นอยู่ทั่วไปในหมู่บ้านที่คนอยู่ จึงได้นำไปมอบให้หัวหน้าหน่วยศิลปากรที่ ๗ ณ ที่ทำงานในจังหวัดอุดรธานีและเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ หัวหน้าหน่วยศิลปากรที่นั่นก็ได้ไปสำรวจดูที่บ้านเชียงด้วยตนเองพร้อมกับเก็บเศษตัวอย่างส่งเข้ามายังกรมศิลปากร เพื่อทำการวิจัยต่อไป
และต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๐๙ นายสติเฟน ยัง บุตรชายอดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำประเทศไทย ได้ไปพักที่บ้านเชียง เขาได้พบเศษเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสีที่กล่าวแล้วเข้าที่นั่น เกิดความสนใจ และได้นำเข้ากรุงเทพมหานคร ข่าวจึงได้กระจายทั่วไป เป็นเหตุให้ชาวต่างประเทศพากันสนใจไปหาซื้อกันมากมาย จนพวกเราพากันขุดขาย ผลที่สุดรัฐบาลต้องออกกฎหมายมาห้ามดังกล่าวแล้ว นอกจากค้นพบเครื่องปั้นดินเผาที่บ้านเชียงแล้ว ยังได้ค้นพบเครื่องปั้นดินเผาซึ่งมีอายุ ๔๒๐๐-๔๕๐๐ ปี ที่ “ทุ่งกว้างโนนนกทา” ตำบลบ้านโคก
ที่มา:วิชาภรณ์ แสงมณี