อภัยนุราชบทละครของสุนทรภู่

Socail Like & Share

บทละครเรื่องอภัยนุราชนี้ สุนทรภู่แต่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภาพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นบทละครสั้นๆ มีความยาว ๑ เล่มสมุดไทย แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๕-๒๓๙๓ บทละครเรื่องอภัยนุราชนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวว่า ผลงานเรื่องนี้สู้เรื่องอื่นๆ ไม่ได้

เนื้อหาของบทละครเรื่องนี้มีว่า พระอภัยนุราชมีมเหสีชื่อทิพมาลี มีโอรสชื่อพระอนันต์ มีธิดาชื่อวรรณา

พระอภัยนุราชประพาสป่าสาลวัน แต่ยิงสัตว์ไม่ได้เลย ทำให้แปลกพระทัย มีผู้เฒ่ากราบทูลว่าเป็นเพราะพระอภัยนุราชไม่ได้บวงสรวงอารักษ์ พระอภัยนุราชกริ้วและดำริว่าอารักษ์แกล้งพระองค์ จึงมีรับสั่งให้เผาศาล อารักษ์แค้นใจคิดแก้แค้นพระอภัยนุราช จึงหักคอนางศรีสาหงแล้วเข้าไปสิงในร่าง พระอภัยนุราชหลงรักนางจะพากลับวัง อำมาตย์ทัดทานก็ถูกสั่งประหาร พระอภัยนุราชจึงได้พานางศรีสาหงเข้าวัง หลงใหลนางไม่ออกว่าราชการงานเมือง นางทิพมาลีให้โอรสและธิดาไปกราบทูลเตือนให้ทรงออกว่าราชการ เมื่อพระอภัยนุราชเสด็จออก นางทิพมาลีเห็นนางศรีสาหง เกิดวิวาทกัน พระอภัยนุราชกริ้วนางทิพมาลี ต่อมานางทิพมาลีทำร้ายนางศรีสาหง นางศรีสาหงแกล้งทำทีว่าถูกทำร้ายจนตาบอดและวอนขอท้าวอภัยนุราชให้ควักตานางทิพมาลีมาใส่ให้ตน พระอภัยนุราชหลงเชื่อมีรับสั่งให้ควักลูกตาและถอดยศนางทิพมาลีให้เป็นโขลนรับใช้อยู่ในวัง พระอนันต์และนางวรรณาเข้าขัดขวาง แต่ขัดขวางไม่สำเร็จ นางศรีสาหงแกล้งทำทีเป็นเอาตานางทิพมาลีมาใส่ตานาง ทำให้สามารถมองเห็นได้ดังเดิม
สุนทรภู่ขึ้นต้นเรื่องอภัยนุราชว่า

มาจะกล่าวบทไป        ถึงท้าวไทอภัยนุราชเรืองศรี
กับโฉมยงองค์ทิพมาลี        ครองบุรีรมเยศเขตคัน
มีโอรสธิดาน่ารัก            ประไพพักตร์ลักษณ์เลิศเฉิดฉัน
เชษฐาชื่อว่าพระอนันต์    น้องชื่อวรรณาสุดาถาวร
คนละปีพี่สิบขวบเศษ        ดังเทเวศร์สุรางค์นางอัปสร
พระวงศาข้าบาทราษฎร    ทุกข์ร้อนไม่มีบีฑา
วันหนึ่งจึงท้าวอภัยนุราช    คิดใคร่ไปประพาสภูผา
ไล่ฝูงโคถึกมฤคา            แรมค้างกลางป่าพนาวัน

ตอนพระอภัยนุราชเดินป่า สุนทรภู่บรรยายว่า
เดินทางหว่างเขาเงาร่ม    เพลินชมเชิงผาพฤกษาไสว
บ้างผลิดอกออกแทรกแตกใบ    ลูกมะไฟมะเฟืองเหลืองระย้า
จำปาดะขนุนกรุ่นหอม        มะปรางปริงกิ่งค้อมริมจอมผา
ร้อยลิ้นอินจันทน์พรรณพวา        ฝูงนกกาจิกเจาะเกาะกิน
บนเขาสูงฝูงหงส์บุหรงร้อง        เยี่ยมหุบห้องปล่องเปลวเหวหิน
ชมเพลินเดินรอบขอบคีรินทร์    มีโกรกสินธุปรุปราย
ริมลำธารศาลเจ้าเก่าแก่        กษัตริย์แต่ก่อนปางสร้างถวาย
เสาศิลาฝากรุผุทลาย            ต้นรังรายรื่นรมย์พนมไพร
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๒)

ตอนพระอภัยนุราชกริ้วอารักษ์ สุนทรภู่บรรยายว่า

ฟังทูล                นเรศูรเคืองขัดอัชฌาสัย
จึงตรัสว่าป่าดงพงไพร        ก็อยู่ในเขตแคว้นแคนเรา
เพราะอารักษ์หักแกล้งกูแผลงศร    ไม่แน่นอนเหมือนหมายอายเขา
ไม่ยำเยงเกรงกูดูเบา    เอาไฟเผาศาลให้ไหม้หมดโครง
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่ หน้า ๔)

ตอนอารักษ์แค้นพระอภัยนุราช สุนทรภู่บรรยายว่า

มาจะกล่าวบทไป    ถึงอารักษ์ที่เขาเผาศาลไหม้
ขึ้นสิงสู่อยู่บนต้นไทร    แค้นท้าวอภัยนุราชบังอาจนัก
แต่ก่อนกูอยู่มาป่านี้    ชาวบุรีเกรงฤทธิ์สิทธิศักดิ์
ถึงเดือนห้ามาเล่นเซ่นวัก    ไม่ทำการหาญหักเหมือนดังนี้
จะแก้แค้นแทนทำให้ส่ำเสีย    ให้เสียลูกเสียเมียเสียกรุงศรี
คิดพลางทางแผลงฤทธี    ไปเรือนอีผีสิงหญิงคนทรง
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๕)

เมื่อพระอภัยนุราชพักแรมในป่า ได้ครวญถึงมเหสีว่า

ดอกไม้สดรสรื่นชื่นแช่ม    เหมือนกลิ่นแก้มแจ่มนวลหวนถวิล
หอมบุปผาสารพันลูกจันทน์อิน    ไม่เหมือนกลิ่นนุชเนื้อที่เจือจันทน์
เจ้าพี่เอ๋ยเชยอื่นไม่ชื่น่จิต    เหมือนเชยชิดโฉมน้องประคองขวัญ
มานอนเดียวเปลี่ยวใจในไพรวัน    สะอื้นอั้นอกน้องมัวหมองเอย
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๖)

เมื่อพระอภัยนุราชโลมเล้านางศรีสาหง นางกราบทูลว่า

ด้วยเกินสาวคราวแก่แพ้ผม    ไม่ควรคู่ชูชมสมสอง
ที่รุ่นราวชาวเมืองเนืองนอง    อันรูปร่างอย่างน้องไม่ต้องการ

เหมือนเขาเปรียบเทียบความเมื่อยามรัก    น้ำผักต้มขมก็ชมหวาน
เมื่อจืดจางห่างเหินเนิ่นนาน        แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวดู
ขอสนองรองบาทเหมือนมาดหมาย    อย่าด่วน ได้ให้อายอดสู
ราชกิจผิดชอบไม่รอบรู้        พระภูวไนยได้เมตตา
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๑๑)

พระอภัยนุราชดำรัสตอบว่า

ถึงเจ้าเฒ่าแก่แพ้ผม        สาวพรหมจารีไม่มีเหมือน
อย่าห่างเหเรรวนชวนเชือน    จงเป็นเพื่อนรักพี่ร่วมที่นอน
ที่สาวสาวลาวตายพี่คลายรัก    ที่เคยคู่รู้หลักไว้พักสอน
เขาย่อมว่าปรากฏเป็นบทกลอน    กระต่ายแก่แม่ปลาช่อนงอนชด
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๑๑)

ตอนพระอภัยนุราชหลงใหลนางศรีสาหง สุนทรภู่บรรยายว่า

ครั้นรุ่งเช้าท้าวตื่นฟื้นองค์    ให้ลุ่มหลงปลงจิตพิสมัย
ลืมเหล่าสาวสรรค์กำนัลใน    มิได้ว่าขานการบูรี
ลืมเสวยเลยลืมสรงน้ำ        พระพักตร์คล้ำดำหมองเพราะต้องผี
ลืมโอรสธิดาลืมมาลี        เล่นกับศรีสาหงทรงสกา
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๑๒)

ตอนนางทิพมาลีวิวาทกับนางศรีสาหง นางศรีสาหงตอบโต้นางทิพมาลีว่า

ริษยาว่านั่งบัลลังก์ทอง    มาถีบถองดูเล่นก็เป็นไร
ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง        ที่กูจะละมึงอย่าสงสัย
แท่นทองของพระภูวไนย    ประทานให้ได้อยู่อย่าดูแคลน
มิใช่ข้าอาศัยเมื่อไรเล่า        ของเราเจ้าล่องมาหวงแหน
จะตีปีกฉีกแหกให้แตกแตน    มเหเสือเหลือแสนทำแทนเธอ
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๑๗)

นางทิพมาลีตัดพ้อพระอภัยนุราชและโต้ตอบนางศรีสาหงว่า

ทูลเกล้า                    พ่อเจ้าประคุณอย่าฉุนเฉียว
ช่างเชื่ออีผีสิงจริงเจียว            เห็นชุ่ยเห็นเข่นเขี้ยวคอเดียวกัน
ฉะหนักหนอตอแหลอีแก่แรด    ทำออดแอดอ้อนวอนผ่อนผัน
มิยำเยงเกรงองค์พระทรงธรรม์    จะเอาฟันออกจากปากมึง
จะข่มขู่กูนั้นอย่ามั่นหมาย        ตายร้ายตายดีก็ทีหนึ่ง
เฝ้าแต้มเติมเหิมฮึกลึกซึ้ง        ไม่แคล้วแล้วมึงแมวพึ่งพระ
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๒๐)

พระอนันต์และนางวรรณาครวญเมื่อทราบว่าพระบิดาให้ควักนัยน์ตาพระมารดาว่า

ถ้าแม้นว่าตาบอดคงวอดวาย    จะขอตายด้วยพระชนนี
จะทูลขอก็เห็นจะไม่ให้            แค้นใจน้อยหน้าอีทาสี
อย่าช้าอยู่ผู้รับสั่งทั้งนี้            เร่งฆ่าตีชีวันให้บรรลัย
พระแม่จ๋าอย่าอยู่เลยพูคะ        ตายเถิดจ้ะประเสริฐไปเกิดใหม่
ลูกดูแม่แลดูลูกผูกใจ            สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๒๕)

เรื่องอภัยนุราชจบลงด้วยคำบรรยายว่า

เมื่อนั้น                    พระจอมวังนั่งชมนางโฉมศรี
มาพบเห็นเป็นเมียมิเสียที        ได้เวทีชาวสวรรค์ชั้นฟ้า
พระเนตรน้องสองข้างสว่างแล้ว    ดูผ่องแผ้วผิวพักตร์นวลหนักหนา
พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมภิรมยา    จนโพล้เพล้เวลาราตรี
(บทละครเรื่องอภัยนุราชของสุนทรภู่, หน้า ๓๐)

ที่มา:สมชาย  พุ่มสอาด