ห้องที่รกรุงรังไม่เป็นระเบียบ

Socail Like & Share

เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตูเบา ชะลอก็พลิกตัวอืดอาด หาวเสียงดังหวอด แล้วถามออกไปอย่างเคยชินว่า “ใครว่ะ” เพราะคนที่มายุ่งเกี่ยวกับเขาในตอนเช้าๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นพี่ๆ น้องๆ ของเขานั่นเอง

และเสียงที่ไม่ชินหูก็ดังขึ้นว่า
“น้าเองจ้ะ ชะลอ ตื่นแล้วหรือ?”

ชะลอรีบร้อนลุกจากเตียง มองไปรอบๆ ห้อง และต้องประหลาดใจที่เขามานอนอยู่ที่ที่ไม่ใช่บ้านของเขา มันเป็นบ้านของคุณน้า น้องสาวของแม่เขาเอง เพราะช่วงปิดภาคเดชาลูกชายคุณน้าไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน จึงขอให้ชลอมาอยู่เป็นเพื่อน บ้านคุณน้าก็อยู่ติดทะเล ชลอจะได้มีโอกาสตากอากาศไปในตัวด้วย

“ตื่นแล้วครับ”
ชะลอตอบอย่างกระปรี้กระเปร่าอยู่ในห้อง แต่ไม่กล้าเปิดประตู เพราะเห็นสารรูปของตัวเองจากกระจกแขวนริมฝา ที่ตัวเองผมยุ่ง หน้ายุ่ง ตาบวมเพราะนอนมากเกินไป ซึ่งไม่น่าจะออกไปพบใครได้เลย

คุณบอกอีกที ก่อนจะเดินออกไป
“ลงไปรับประทานข้าวเช้าได้เลยนะ ชะลอ น้าจะคอย”

“เฮอ…โล่งใจไปทีที่เราปิดกลอนประตู ไม่งั้นคุณน้าโผล่เข้ามาจะตกใจตายเลย ห้องเราเลอะเทอะน่าดูเชียว”
ชะลอคิดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการชำระร่างกายอย่างดี ที่บ้านคุณน้าไม่มีน้ำประปา แต่มีน้ำจืดใส่ตุ่มสำหรับอาบไว้ โดยซื้อจากชาวบ้านที่หาบจากบ่อมาขาย มีราคาแพง ทุกคนต้องใช้กันอย่างประหยัด

เรื่องการใช้น้ำที่บ้านนี้ คุณแม่ของชะลอก็เตือนมาแล้วแต่ชะลอก็ลืมคิดไป เขาจึงใช้อย่างสบายใจ เมื่ออาบเสร็จน้ำก็เกือบหมดตุ่ม กระจายไปทั้งห้องน้ำ ชะลอลืมเอาเช็ดตัวของตัวเองมาจึงใช้ผ้าของคุณน้าที่ตากอยู่ที่ราว เมื่อเช็ดแล้วก็โยนไปปลายเตียง รีบออกมาส่องกระจกดู หวีผมอย่างประณีต ผัดหน้า หยิบเสื้อฮาวายลวดลายพิสดารมาสวม นุ่งกางเกงฟิตติ้ว ใส่สายสร้อยข้อมือทองปลอม สลักชื่อ-สกุลของตัวเอง ใส่น้ำหอมเสียฟุ้ง ก่อนจะไปร่วมโต๊ะอาหาร

น้าหญิง น้าชาย และเดชานั่งรออยู่ ชะลอไม่ได้กล่าวขอโทษที่ลงมาสาย คุณน้ารีบตักอาหารแจกทุกคน และถามชะลออย่างสุภาพว่า
“ข้าวต้มกุ้ง หวังว่าชะลอจะชอบรับประทานนะจ๊ะ”

ชะลอตอบ
“ไม่ค่อยชอบ แต่ก็กินได้ครับ”
ถ้าเขาตอบว่า เขารับประทานได้ จะน่าฟังกว่ามาก ทุกคนรับประทานกันเงียบๆ ในขณะที่ชะลอหยิบขวดน้ำปลาราดลงในชามข้าว ใส่พริกไทย พริกน้ำส้ม แล้วตักชิม ก่อนจะเริ่มกิน

คุณน้าบอกว่า
“เออ…วันนี้เราทำอะไรกันดีชะลอเพิ่งมาอยู่ใหม่ คงจะยังไม่เคยเห็นทั่ว บางทีเราไป…”

ชะลอรีบขัดขึ้นว่า
“แต่ผมตั้งใจไว้ว่าจะนั่งรถไปที่บาร์ริมทะเลครับ”
เขากลัวว่าคุณน้าจะพาไปดูสิ่งที่เก่าแก่โบราณ หรือสิ่งที่ไม่น่าสนใจ เพราะเขาสนใจเพลงที่ฮิตและคนหนุ่มสาวที่แต่งตัวทันสมัยมากกว่า
“เขามีดนตรีครับ และมีประกวดเต้นรำด้วย ผมเห็นจากหนังสือพิมพ์ตั้งแต่อยู่บ้าน ผมยังบอกคุณแม่เลยว่าอยากมาพักที่นี่ เพราะจะได้ไปชมการประกวดที่บาร์ริมทะเลได้ง่ายๆ ทุกวัน”

คุณน้าผู้ชายทำหน้าพิกลและพูดเรียบๆ ว่า
“แล้วคุณแม่ว่าไง?”

ชะลอหัวเราะก๊ากแล้วพูดว่า
“แม่ไม่เคยว่าไงกะผมหรอกครับ แม่บอกว่า แม่ขี้เกียจยุ่งเรื่องของผมแล้ว ผมมันหัวดื้อ สั่งอะไรไม่มีทำ แม่เลยปล่อยผมไปนานแล้ว”

น้าถามเขาว่า
“รู้ไหมว่า คุณแม่บอกน้าว่ายังไง?”

ชะลอหัวเราะและตอบเสียงดังๆ ว่า
“อ๋อ! แม่บอกว่า จะส่งผมมาให้น้าดัดสันดานครับ”
“ฮ่าๆ แต่น้ายังใจดีไปกว่าแม่ผมอีก”

เดชาทำหน้าขรึมและพูดขึ้นว่า
“เอ…ไม่แน่นักนะชะลอ คุณพ่อคุณแม่ผมใจดีแต่ก็มีเหตุผล ถ้าผมเป็นคนขี้เกียจหรือไม่เอาถ่าน ท่านก็ดุและปราบผมจนได้เหมือนกัน”

ชะลอพูดอย่างเบ่งและวางก้ามว่า
“เดชายอมให้คนปราบด้วยรึ? ผมไม่ยอมหรอก”
“ขนาดครูที่โรงเรียนยังยอมยกนิ้วให้ผมเป็นดาราเอก เรื่องเกโรงเรียน และลอกการบ้านเพื่อนส่งครู ไม่มีใครเขากล้ากับผมหรอก”

เดชาก็พูดอีกว่า
“แต่ผมว่าชะลอยังเข้าใจผิดละมั้ง? การที่ครูและเพื่อนๆ ไม่เอาเรื่องกับเราน่ะ ไม่ใช่เพราะเขากลัวเราหรอก ผมจะบอกให้ เขาคงเอือมระอา แล้วก็เบื่อเราต่างหากล่ะ ถ้าครูผมเฉยกับผมละก็ ผมต้องใจคอไม่ดีแล้วละ เพราะผมเกรงว่า ครูจะเกลียดผม”

ชะลอก็เถียงว่า
“เกลียดก็ช่าง เราไม่แคร์อะไรนี่”

“เอ๊ะ! งั้นเราก็ไม่ต้องการชื่อเสียงที่ดี หรือคำชมเชยเลย?”

“ไม่ต้อง ผมว่าผมเป็นตัวของผมเองน่ะดีที่หนึ่ง”

คุณน้าผู้หญิงอิ่มแล้วรีบเดินไปส่งคุณน้าผู้ชายไปทำงาน ก่อนลุกไปก็ขอโทษเด็กหนุ่มทั้งคู่ก่อน และขอตัวไปดูความเรียบร้อยในบ้าน คุณน้าอดยิ้มอย่างพอใจไม่ได้เมื่อเปิดดูห้องนอนของเดชาบุตรชาย เดชาเก็บที่นอนเรียบร้อยไม่มีเสื้อผ้าวางเกะกะ ตัวที่ยังไม่ใช้ก็แขวนอยู่ในตู้ ตัวที่สกปรกก็อยู่ในตะกร้าผ้าริมห้อง ไม่มีแป้งหกเกลื่อนบนที่ตั้งเครื่องแป้ง หวีสับอยู่บนแปรง ผ้าเช็ดตัวพาดและกางเกงนอนพับพาดเอาไว้อย่างประณีต ในห้องน้ำก็สะอาดเป็นเงาดี ไม่ลื่นเป็นตะไคร่ ไม่มีน้ำเปรอะเปื้อน แปรงสีฟันพาดอยู่กับขอบโต๊ะกระจกเล็กๆ ที่ติดข้างฝาไว้ต่ำกว่าบานกระจกเงาเล็กน้อย ทุกอย่างสะอาดเรียบร้อยจนแทบไม่ต้องทำอะไรอีก

คุณน้าบอกตัวเองว่า
“ไหนขอดูของชะลอหน่อยซิ”
คุณน้าเดินไปยังห้องที่อยู่สุดระเบียง ห้องนี้จะมองเห็นโขดหินและทะเลได้ชัดเจน แต่ชลอวุ่นวายอยู่กับการเที่ยวเตร่จนไม่ได้ดูทัศนียภาพที่งดงามนี้ ถ้าเขาได้เห็นก็อาจจะพูดกับคุณน้าได้ว่า ขอบคุณคุณน้าที่อุตส่าห์จัดห้องที่ดีที่สุด ใหญ่ที่สุด และมีทิวทัศน์งดงาทที่สุดให้เขา

คุณน้าต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อจับลูกบิดประตูเปิดเข้าไป เพราะถุงเท้าข้างหนึ่งอยู่บนนั้น อีกข้างหนึ่งก็อยู่บนเก้าอี้ กางเกงที่ใช้แล้วก็ถอดวางไว้กลางห้องเป็นก้อนกลมๆ เสื้อเชิ้ตที่สกปรกแล้วก็ทิ้งอยู่ริมเตียง รองเท้าที่เปื้อนดินทรายก็ย่ำไปบนพื้น ตั้งอยู่คนละทิศคนละทางราวกับถูกเตะออกจากเท้า

ที่นอนก็เปื้อนไปด้วยเหงื่อและทราย แสดงว่าก่อนนอนชะลอไม่ได้อาบน้ำ หมอนก็ตกอยู่ข้างล่าง ผ้าปูที่นอนยุ่งเหยิงเหมือนกับนอนดิ้น ในห้องน้ำก็เลอะเทอะไปหมด คุณน้าบอกกับตัวเองก่อนจะเดินไปที่ระเบียงว่า
“ไม่ได้การละ จะต้องให้ชะลอรู้ตัวเสียมั่ง”
เมื่อไปเจอชะลอกำลังใส่รองเท้าหัวแหลมอยู่พอดีคุณน้าก็ถามด้วยเสียงเรียบๆ ว่า
“จะไปไหนจ๊ะ ชะลอ?”

ชะลอเงยหน้าพยักไหล่แล้วพูดว่า
“เที่ยวไปเรื่อยๆ แต่ว่าผมจะไปบาร์ริมทะเลก่อน”

คุณน้าพูดต่อว่า
“ยังไปไม่ได้ จนกว่าจะจัดห้องนอนและห้องน้ำของหลานให้เรียบร้อยก่อนจ้ะ น้าไม่มีคนใช้ ชะลอก็รู้อยู่แล้ว ไปสิจ๊ะเดี๋ยวน้าจะไปดู”

ชะลอเดินกลับไปยังห้องที่รกรุงรังด้วยอาการคอตกอย่างเก้อๆ จากฝีมือของเขาเอง

ที่มา: จากหนังสือเรื่อง มรรยาทงาม ของ ผกาวดี อุตตโมทย์