สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

Socail Like & Share

ต่อไปนี้จะกล่าวถึงบรรดาเทพยดาที่เกิดในสวรรค์ ชั้นฉกามาพจร หรือ สวรรค์ ๖ ชั้น เทพยดาในสวรรค์ชั้นนี้ มี ๓ ประเภท คือ สมมุติเทวดา อุปปัติเทวดา และวิสุทธิเทวดา

สมมุติเทวดา ได้แก่พระราชามหากษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาแผ่นดิน และพระองค์ทรงรอบรู้หลัก รู้บุญรู้ธรรม ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมทั้งสิบประการ

อุปบัติเทวดา ได้แก่เทพที่เกิดในแดนสวรรค์ชั้นฟ้า นับตั้งแต่ชั้นฉกามาพจร ไปจนถึงชั้นพรหม

วิสุทธิเทวดา ได้แก่ พระพุทธเจ้าพระปัจเจกโพธิเจ้า พระอรหันตขีณาสพซึ่งได้บรรลุนิพพาน

บรรดาเทพยดาที่เกิดในแดนสวรรค์ เกิดในอากาศ เกิดบนพื้นดินในโลกนี้ ย่อมเกิดด้วยอุปปาติกโยนิเพียงอย่างเดียว และเกิดด้วยจิต ๙ ดวง ดังกล่าวแล้ว

เทพยดาจำพวกหนึ่งซึ่งน่าจะรู้จักไว้คือ พวกแรกเป็นพวกที่สถิตอยู่ตาม ภูเขาในโลกนี้ มีวิมานอยู่บนภูเขา พวกที่สอง สถิตอยู่ตามต้นไม้ ทั้งที่มีวิมานอยู่บนยอดไม้ กลางลำต้นของต้นไม้ใหญ่และอยู่ตามพุ่มไม้ ถ้ามีผู้ฟันพุ่มไม้ขาด วิมานของเทพยดาก็จะพังลง และแม้พุ่มไม้นั้นหักเองวิมานก็พังลงได้เช่นกัน ถ้าคบไม้หักค้างอยู่ ปราสาทหรือวิมานก็ยังคงค้างอยู่กับคบไม้นั้น ถ้ากิ่งไม้หักจนหมดสิ้นวิมานของเทวดาก็หักพังสิ้นด้วย บรรดาเทวดาที่สถิตอยู่ในต้นไม้ (หรือพฤกษวิมาน) นั้น ถ้าต้นไม้หักโค่นลง วิมานก็พังทลาย แต่ถ้ายังมีตอไม้เหลืออยู่ วิมานก็ยังตั้งอยู่ตามเดิม ถ้าต้นไม้นั้นถูกทำลายทั้งโคนและราก ปราสาทก็จะหายไป ปราสาทของเทวดาตามต้นไม้นั้นคนธรรมดาไม่อาจจะแลเห็นได้ พวกผีและเทวดาเท่านั้นที่แลเห็นวิมานได้ พระจตุโลกบาลทรงใช้บรรดาเทวดาลงมาเนรมิตวิมานแจกให้แก่เทพยดานั้น ดังนั้นเทพยดาเหล่านั้นเลือกสถิต ณ ที่ใดตามใจชอบไม่ได้

นับจากแผ่นดินที่เราอยู่นี้ขึ้นไปเบื้องบน ๓๒๖,๐๐๐,๐๐๐ วา คิดเป็นโยชน์ ได้ ๔๖,๐๐๐ โยชน์ ก็จะถึงสวรรค์ชั้นฟ้าที่ชื่อว่า จาตุมหาราชิกาภูมิ สวรรค์ชั้นนี้ ตั้งอยู่บนยอดเขายุคันธร ทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ส่วนทางทิศใต้เป็นเขาสิเนรุราช มีเมืองสวรรค์สำหรับเทพยดาอยู่ ๔ เมืองด้วยกัน แต่ละเมืองมีความกว้างและยาวเท่ากันคือ ๔๐๐,๐๐๐ วา มีกำแพงทองล้อมรอบ ประดับประดาด้วยแก้ว ๗ ประการ กำแพงนี้มีความสูง ๘,๐๐๐ วา บานประตูทำด้วยแก้ว มี ปราสาททองอยู่เหนือประตูทุกด้าน ภายในเมืองมีปราสาทแก้วเป็นที่สถิตของเหล่าเทพยดา แผ่นดินในเมืองนั้นเป็นแผ่นดินทองคำ แวววาวงดงามและราบเรียบ ราวหน้ากลองแต่อ่อนละมุนเหมือนฟูกผ้า แก้วที่ประดับพื้นนั้นเมื่อเหยียบลงไปก็อ่อนนุ่มยุบลงเล็กน้อย แล้วก็เต็มขึ้นมาเหมือนเดิม ไม่ปรากฏรอยเท้าที่เหยียบ

นอกจากนี้ยังมีนํ้าที่ใสยิ่งกว่าแก้ว มีดอกบัวห้าชนิดบานอยู่ในสระน้ำมีกลิ่นหอมราวอบไว้ มีดอกไม้ที่สวยงาม และต้นไม้ที่งามเลิศ มีผลไม้รสอร่อยยิ่งนัก ต้นไม้ดังกล่าวนี้ออกดอกออกผลตลอดปีไม่รู้วาย

เทพยดาผู้เป็นใหญ่เหนือเทพยดาทั้งหลาย สถิตอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุราชทรงนามว่า ท้าวธตรฐราช เป็นใหญ่ปกครองเทพยดาทั้งหมดในบริเวณกำแพงจักรวาลด้านทิศตะวันออก

ส่วนเทพยดาที่เป็นใหญ่ปกครองเหล่าครุฑราชและนาคนั้น สถิตอยู่ทาง กำแพงด้านตะวันตก

เทพยดาผู้เป็นใหญ่ทางทิศใต้ ทรงนามว่า ท้าววิรุฬหกราช ปกครอง เหล่ายักษ์ที่ชื่อว่ากุมภัณฑ์ รวมทั้งเหล่าเทพยดาที่สถิตอยู่ทางทิศใต้เขาสิเนรุราช ตลอดถึงกำแพงจักรวาลด้านทิศใต้

เทพยดาผู้เป็นใหญ่ทางทิศเหนือ ทรงนามว่าท้าวไพศรพณ์มหาราช ปกครองเหล่ายักษ์และเทพยดาที่สถิตอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุราช จนถึงกำแพงจักรวาลด้านเหนือ

เทพยดาในแดนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกานั้นมีอายุยืนถึง ๕๐๐ ปีทิพย์ ถ้าจะเปรียบเทียบกับปีมนุษย์เราก็คือ ๙ ล้านปีมนุษย์

เทพยดาที่สถิตในอากาศ บางเหล่าสถิตในปราสาทแก้วซึ่งกว้าง ๘,๐๐๐ วา บางเหล่ามีปราสาทแก้วกว้าง ๑๖,๐๐๐ วา บางเหล่ามีปราสาทแก้วกว้าง ๘๐,๐๐๐ วา บางเหล่ามีปราสาทแก้วกว้าง ๘๘,๐๐๐ วา ปราสาทเหล่านี้ตั้งอยู่ทั้งสี่ด้านของเขาพระสิเนรุราชซึ่งเป็นเมืองใหญ่

เทพยดาทั้งสี่เหล่าสถิตอยู่เหนือยอดเขาใหญ่ยุคันธร แม้ใกล้กำแพง จักรวาล ก็เรียกว่าจาตุมหาราชิกา

พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดาวฤกษ์ทั้ง ๒๗ ตลอดจนดวงดารากร ทั้งหลาย ต่างหมุนรอบเขาพระสิเนรุราชตลอดเวลา

พระเทวราชทั้งสี่องค์นั้น พระอินทร์โปรดให้เนรมิตเมืองฟ้าและเมืองดินทุกแห่งเรียกว่าท้าวจตุโลกบาล องค์ท้าวเทวราชนั้นสูงใหญ่ถึง ๖,๐๐๐ วา ส่วนองค์เทวดาบริวารสูง ๔,๐๐๐ วา ผู้ใดทำบุญไว้ดีก็จะไปเกิดเป็นเทพยดา มีปราสาทแก้วเงินทองและสมบัติทิพย์มากมาย ขณะที่เทพยดาสถิตอยู่ในปราสาท และมีเทพยดาองค์ใหม่บังเกิดที่ชายผ้าพับ (พกผ้า) เทพยดาองค์ที่เกิดใหม่นี้นับเป็นเทพธิดา คือลูกสาวของเทพยดาที่เกิดก่อนนั้น เทพยดาบางพวกที่จะเกิดเหนือที่นอน นับเป็นเมียเทพยดาผู้เป็นเจ้าของวิมาน เทพยดาบางจำพวกเกิดที่เชิงฐานบัลลังก์ของเทพยดาก็จะมีฐานะเป็นสาวใช้ของเทพยดาองค์นั้น ถ้าเทพยดาใดทำบุญไว้น้อย ได้ไปเกิดที่ประตูปราสาทหรือภายในกำแพงของเทพยดาองค์ใดก็จะมีฐานะเป็นข้ารับใช้ของเทพยดาองค์นั้น แม้ว่าเกิดที่ภายนอกกำแพงแก้วซึ่งล้อมรอบปราสาทแก้วของเทพยดาองค์ใดก็จะกลายเป็นไพร่ฟ้าบริวารของเทพยดาองค์นั้น แต่ถ้าเทพยดาองค์ใดเกิดระหว่างแดนเทพยดาทั้งสอง ก็ต้องนำเทพยดาองค์นั้นไปเฝ้าพระอินทร์ พระองค์ก็จะทรงใช้ให้เทวดาองค์ใดองค์หนึ่งมาวัดที่เกิดของเทพยดาองค์ใหม่ว่าเกิดใกล้แดนองค์ใดมากที่สุด ก็ทรงตัดสินให้เป็นบริวารขององค์นั้น แต่ถ้าระยะห่างเท่ากันทั้งสองฝ่าย พระอินทร์ก็จะทรงถามว่าเทพยดาองค์ใหม่ หันหน้าไปทางฝ่ายใด แล้วทรงตัดสินให้เป็นบริวารของฝ่ายนั้น ถ้าเทพยดาเมื่อแรกเกิดนอนหงายเงยหน้าสู่เบื้องบน ไม่ได้หันหน้าไปทางทิศใดทิศหนึ่ง พระอินทร์ก็จะไม่ทรงปล่อยให้เทพยดาแย่งชิงวิวาทกัน พระองค์จะทรงรับไว้เป็นไพร่ฟ้าของพระองค์เอง

เทพยดาเมื่อไปเกิดในแดนสวรรค์นั้นจะมีร่างกายโตใหญ่ขึ้นทันที อีกครู่ หนึ่งต่อมาก็จะมีเครื่องประดับที่สวยงาม มีรูปโฉมโนมพรรณเป็นหนุ่มหรือสาว วัย ๑๖ ปี และจะคงสภาพเช่นนี้ตลอดไป เทพยดาจะมีร่างกายสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากมลทิน ภายในกายปราศจากกลิ่นเหม็นแม้เพียงเล็กน้อย

เทพยดาทั้งหลายรู้จักเนรมิตกายให้ใหญ่โตตามความประสงค์ และถ้า ต้องการย่อตัวให้เล็กลงก็สามารถเนรมิตได้เช่นกัน อาจจะย่อกายให้เล็กถึงขนาดสถิตอยู่ที่ปลายเส้นผมถึงยี่สิบองค์ก็ได้ หรือ ๔๐ องค์ก็ได้ หรือ ๖๐ องค์ก็ได้ หรือ ๘๐ องค์ก็ได้ เทพยดาย่อมมีอำนาจเนรมิตได้ทั้งสิ้น

อาหารของเทพยดาคืออาหารทิพย์ทุกมื้อ อาหารนั้นแห้งหายเข้าสู่ ร่างกายของเทพยดา ไม่มีกากมูล (หรืออุจจาระปัสสาวะ) ดังเช่นมนุษย์เรา

การเจ็บไข้ได้ป่วยจะไม่บังเกิดแก่เทพยดาตราบจนสิ้นอายุ เทพยดาไม่ รู้จักป่วยไข้มีแต่ความสุขสำราญใจตลอดเวลา อยู่กับครอบครัวลูกเมียด้วยความสุขเบิกบานชั่วกาลนาน

เรื่องราวของเทพยดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิก็มีเพียงเท่านี้

คณะทำงานโครงการวรรณกรรมอาเซียน