รัฐพิธีถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

Socail Like & Share

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระกฤดาภินิหารในความเป็นนักรบที่กล้าหาญ ซึ่งได้รับการยกย่องสรรเสริญในวีรกรรมที่ได้ทรงประกาศอิสรภาพทำให้เมืองไทยพ้นจาก อำนาจของพม่า และเมื่อพม่ายกกองทัพมาเหยียบยํ่าพื้นแผ่นดินไทยให้ตกอยู่ในอำนาจ กองทัพพม่าครั้งนั้นใหญ่หลวงมีพระมหาอุปราชาเป็นจอมทัพ ยกตีเข้ามาถึงเมืองสุพรรณบุรี สมเด็จพระนเรศวรได้ยกกอง ทัพออกไปต่อสู้ในที่สุดสมเด็จพระนเรศวรได้ทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาในท่ามกลางเหล่าทหารข้าศึก สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงของ้าวสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแสนพลพ่ายฟันต้องพระอังสาของพระมหาอุปราชาขาดสิ้นพระชนมชีพอยู่กับคอช้าง สมเด็จพระนเรศวรและกองทัพไทยได้รับชัยชนะอย่างมหัศจรรย์ เป็นที่เลื่องลือพระบรมเดชานุภาพไปยังประเทศใกล้เคียง เมื่อเสร็จสงครามยุทธหัตถีแล้ว สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดให้สร้างสถูปเป็นอนุสรณ์ไว้ที่ทุ่งหนองสาหร่าย ตำบลตระพังตรุ ตรงกับที่ทรงทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาเรียกกันว่า เจดีย์ยุทธหัตถี

ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ โปรดให้ค้นหาพระเจดีย์ยุทธหัตถี เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ได้ช่วยกันค้นพบกองมูลดินปกคลุมด้วยต้นไม่จึงได้ดำเนินการ พิสูจน์หาหลักฐานประกอบแน่ชัดว่าเป็นเจดีย์ยุทธหัตถีที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดให้สร้างขึ้น เป็นอนุสรณ์ในครั้งทรงทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโสมนัสที่ได้ค้นพบพระเจดีย์ยุทธหัตถีนี้ จึงได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีบวงสรวง ถวายราชสักการะเมื่อวันอังคารที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๖ มีประกาศสังเวยเทวดาโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์และทรงอ่านในวันสังเวย

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๘ ซึ่งขณะนั้นเจดีย์ยุทธหัตถียังเป็นมูลดินปกคลุมด้วยต้นไม้ มีรายการพระราชพิธีดังนี้

หลังจากเสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งทรงเยี่ยมราษฎรจังหวัดนครปฐมและจังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปเทียบที่หน้าปะรำพิธี ณ อนุสรณ์ดอนเจดีย์ เสด็จฯ ไปยังแท่นยกพื้นที่ตั้งโต๊ะวางเครื่องบวงสรวง ทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน และเครื่องทองน้อย ทรงปักธูปที่เครื่องบวงสรวง ทรงกราบถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขณะนั้นชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร และดุริยางค์ แล้วเสด็จฯ ประทับปะรำพิธี โปรดเกล้าฯ ให้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ (สวาท รังสิพราหมณกุล) อ่านสดุดีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งประกาศนี้ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ทรงนิพนธ์

เมื่ออ่านประกาศบวงสรวงจบแล้ว พนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ แล้วพระราชวงศ์ ข้าราชการทหาร พลเรือน จุดธูปเทียนถวายสักการะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินินาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ในปีต่อมารัฐบาลได้ตระหนักถึงพระราชวีรกรรมและคุณูประการอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีต่อประเทศชาติไทย อันควรจะได้เทิดทูนพระเกียรติยศให้ปรากฏเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์และประกาศให้ถือวันที่ ๒๕ มกราคมของทุกปีเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาติไทยและกองทัพไทยจึงได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยครอบองค์สถูปมูลดินนั้นไว้ เมื่อการก่อสร้างสำเร็จแล้ว คณะรัฐมนตรีโดยมีจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานเป็นงานรัฐพิธี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๒ มีรายการดังนี้

ที่พลับพลาพิธีตั้งพระคชาธารผูกศัสตราวุธประดิษฐานพระพุทธรูปปางประจำรัชกาลสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ทอดเครื่องนมัสการทองทิศพระแท่นทรงกราบ พระราชอาสน์และเก้าอี้ผู้มาเฝ้าฯ อาสนสงฆ์สำหรับพระสงฆ์ ๑๐ รูป

ที่ฐานพระบรมราชานุสรณ์ตั้งขาหยั่งสำหรับวางพวงมาลา เครื่องทองน้อย เครื่องทองทิศ สำหรับทรงกราบถวายราชสักการะ และที่ลานหน้าพระบรมราชานุสรณ์ยกพื้นปูเสื่อพรม ตั้งโต๊ะสี่เหลี่ยมปูผ้าขาว วางเครื่องบวงสรวง มีหัวหมู บายศรี ของคาว-หวาน และผลไม้

ครั้นถึงเวลา ๙ นาฬิกา ๒๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ออกจากสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ไปลงยังสนามใกล้พระบรมราชานุสรณ์เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังมณฑลพิธี

เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๐ นาที เสด็จฯ เข้าสู่พลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปปางประจำรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงศีล สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล จบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปประทับ ณ พระที่นั่งชุมสายหน้าพลับพลาพิธี พลเอก ถนอม กิตติขจร กราบบังคมทูลรายงาน การก่อสร้างพระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ แล้วทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมแผ่นจารึก ขณะนี้พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร บัณเฑาะว์ มโหระทึก และดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศของพระบรมราชานุสรณ์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปบนแท่นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสรณ์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุหร่ายที่แผ่นป้ายจารึกและทรงพระสุหร่ายฉีดสรงพระบรมรูป แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงวางพวงมาลาและทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และเครื่องทองทิศ ทรงกราบ แล้วเสด็จฯ ไปยังพลับพลาพิธี พระสงฆ์ถวายอดิเรก เสด็จพระราชดำเนินกลับโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งสู่พระมหานคร เมื่อเสด็จฯ กลับแล้ว พลเอก ถนอม กิตติขจร พร้อมด้วยคณะ กรรมการสร้างพระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ ๑๐ รูป แล้วถวายจตุปัจจัยไทยธรรม พระสงฆ์อนุโมทนา เป็นเสร็จการพระราชพิธี ต่อจากนี้ผู้ที่มาเฝ้าฯ ได้วางพวงมาลาถวายสักการะ

งานนี้เป็นงานออกหมายกำหนดการ แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ

ต่อมาทางราชการได้กำหนดไว้ว่าวันที่ ๒๕ มกราคม ให้มีรัฐพิธีถวายบังคมสมเด็จพระนเร¬ศวรมหาราช ณ พระบรมราชานุสรณ์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นงานประจำปี การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะโดยออกเป็นหมายกำหนดการ ดังนี้

เลขาธิการพระราชวังรับพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่า วันที่ ๒๕มกราคม ซึ่งทางราชการได้กำหนดให้มีงานรัฐพิธีถวายบังคมสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น ทรงพระราชดำริว่าเป็นวันสำคัญยิ่งเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดเสด็จพระราชดำเนินไปถวายราชสักการะและทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย มีรายการ คือ

เจ้าพนักงานตกแต่งพลับพลาพิธี ตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประจำรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทอดเครื่องนมัสการทองทิศ ตั้งธรรมาสน์เทศน์ อาสนสงฆ์สำหรับพระสงฆ์ สดับปกรณ์

ที่พระบรมราชานุสรณ์ ตั้งขาหยั่งวางพวงมาลา ทอดเครื่องทองทิศ เครื่องทองน้อยที่ทรงกราบ และตั้งโต๊ะวางเครื่องบวงสรวงคาวหวานไว้พร้อม

เวลา ๑๐ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงบริเวณพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีกราบบังคมทูลถวายรายงาน ภริยาผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีทูนเกล้าฯ ถวายช่อดอกไม้แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรรณบุรีกราบบังคมทูลเบิกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดเฝ้าฯ แม่ทัพภาคที่ ๑ กราบบังคมทูลถวายรายงานและเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปยังแท่นรับการถวายความเคารพ กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้บังคับกองทหารเกียรติยศกราบบังคมทูลถวายรายงานเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ

เมื่อทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปยังพระบรมราชานุสรณ์ ทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะ ขณะนี้พนักงานประโคมสังข์ แตร มโหระทึก แล้วเสด็จฯ เข้าสู่พลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย พระราชาคณะถวายศีล พระสงฆ์ ๑๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ไปยังแท่นที่บวงสรวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนทองเทียนเงินที่โต๊ะเครื่องสังเวย ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงปักธูปที่เครื่องบวงสรวง แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ ถวายราชสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เสด็จฯ เข้าสู่พลับพลาพิธี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้หัวหน้าพราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวง ประพันธ์โดย นายภาวาส บุนนาค

เมื่อหัวหน้าพราหมณ์อ่านประกาศจบ ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ โปรดเกล้าฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประเคนสำรับภัตตาหารถวายพระสงฆ์แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ

การแต่งกายแต่งเครื่องแบบปรกติขาว

อนึ่งปีใดไม่เสด็จพระราชดำเนินจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และบางปีเปลี่ยนเป็นพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่เสด็จฯ ไปแทนพระองค์ เป็นงานออกหมายกำหนดการ แต่ไม่มีการพระราชกุศลและอ่านประกาศบวงสรวง เสด็จฯ ไปทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ แล้วทรงจุดธูปเทียนถวายราชสักการะเท่านั้น

ที่มา:กรมศิลปากร