ลิงชนิดต่างๆ

Socail Like & Share

ลิงนั้น ตามพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ว่า “สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีปกติอยู่บนต้นไม้ มีหางบ้าง ไม่มีบ้าง มีหลายชนิด เช่นลิงลม ลิงแสม” และแสดงกิริยาของลิงไว้ว่า “ชอบกระโดดโลดเต้น”ลิง

เรามีคำที่เรียกลิงอีก ๒-๓ คำ คือ กระบี่ วานร วอก คำว่าลิงนั้นดูจะเป็นคำไม่สุภาพ เราจึงใช้คำสุภาพว่ากระบี่หรือวานร อย่างครั้งรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านกุดลิงขึ้นเป็นเมือง เรียกว่าเมืองวานรนิวาส ถ้าจะแปลกลับไปก็ยังเป็นกุดลิงอยู่ตามเดิมนั่นแหละ แต่ก็ฟังไพเราะสมกับเป็นเมืองมากกว่าคำว่ากุดลิง และถ้าเป็นเรื่องหนังสือแล้วคำว่า ลิงดูจะเป็นลิงชั้นเลว ทำเป็นลิงชั้นดีก็เรียกว่ากระบี่หรือวานร เช่นหนุมานพญาวานรทหารเอกของพระรามเป็นต้น เราไม่เคยเรียกหนุมานว่าลิงเลย

ลิงนั้นมีตั้งแต่ตัวเล็ก เช่น ลิงแสม ที่ชอบอยู่ตามต้นแสมชายเลน หาปูหาปลากิน ลิงชนิดนี้เล่ากันว่ามันมีวิธีจับปูทะเลมากินโดยวิธีเอาหางแหย่ลงไปในรูปู พอปูหนีบหาง มันจะดึงหางขึ้นมาปูก็ติดขึ้นมาด้วย มันก็จะฉีกปูกินเป็นอาหาร แต่บางคราวโชคไม่ดี ถูกปูตัวใหญ่ที่ฉลาดเข้า ลิงก็ดึงปูขึ้นจากรูไม่ได้ พอน้ำขึ้นมากท่วมลิงตาย ลิงก็กลายเป็นภักษาหารของปูไปเหมือนกัน

สุนทรภู่ได้พรรณนาถึงความเป็นอยู่ของลิงแสมไว้ในนิราศเมืองเพชรของท่านว่า

“ถึงบ้านขอมลอมฟืนดูดื่นดาษ      มีอาวาสวัดวาที่อาศัย
ออกชะวากปากชลามหาชัย        อโณทัยแย้มเยี่ยมเหลี่ยมพระเมรุ
ข้างฝั่งซ้ายชายทะเลเป็นลมคลื่น    นภางค์พื้นเผือดแดงดังแสงเสน
แม่น้ำกว้างว้างเวิ้งเป็นเชิงเลน    ลำภูเอนอ่อนทอดยอดระย้า
หยุดประทับยับยั้งอยู่ฝั่งซ้าย        แสนสบายบังลมร่มรุกขา
บรรดาเรือเหนือใต้ทั้งไปมา        คอยคงคาเกลื่อนกลาดไม่ขาดคราว
บ้างหุงต้มงมงายทั้งชายหญิง    บ้างแกงปิ้งปากเรียกกันเพรียกฉาว
เสียงแต่ตำน้ำพริกอยู่กริกกราว    เหมือนเสียงส้าวเกราะโกร่งที่โรงงาน
เห็นฝูงลิงวิ่งตามกันสอสอ        มาคอยขอโภชนากระยาหาร
คนทั้งหลายชายหญิงทิ้งให้ทาน    ต่างลนลานแย่งได้เอาไพล่พลิ้ว
เวทนาวานรอ่อนน้อยน้อย        กระจ้อยร่อยกระจิดริดจิดจีดจิ๋ว
บางเกาะแม่แลโลดกระโดดปลิง    ดูหอบหิ้วมิให้ถูกตัวลูกเลย
โอ้พ่อแม่แต่ชั้นลิงไม่ทิ้งบุตร        เพราะแสนสุดเสน่หานิจจาเอ๋ย
ที่ลูกอ่อนป้อนนมน่าชมเชย        กระไรเลยแลเห็นน่าเอ็นดู
ต่ลิงใหญ่โอ้ทะโมนมันโลนเหลือ    จนชาวเรือเมินหมดด้วยอดสู
ทั้งลิงเผือกเทือกเถามันเจ้าชู้        ใครแลดูมันนักมักยักคิ้ว

บ้างกระโดดโลดหาแต่อาหาร        ได้สมานยอดแสมพอแก้หิว
เขาโห่เกรียวประเดี๋ยวใจก็ไพล่พลิ้ว    กลับชี้นิ้วให้ดูอดสูตา”

และท่านยังได้กล่าวไว้ในที่นี้อีกแห่งหนึ่งว่า

“เขาว่าลิงจองหองมันพองขน”

อย่างไรก็ตามลิงนั้นมีอีกหลายชนิด บางชนิดก็น่ารัก บางชนิดก็น่ากลัว แต่ประโยชน์ของลิงก็มีอยู่มาก ชาวสวนเอาลิงกังมาฝึกหัดใช้งานเช่นให้ขึ้นต้นมะพร้าว เป็นต้น นับว่าช่วยแรงคนได้มาก ชาวเกาะสมุย ซึ่งมีอาชีพส่วนใหญ่คือการทำสวนมะพร้าว เขาฝึกหัดลิงให้ขึ้นมะพร้าว ใช้งานได้น่าอัศจรรย์ ราคาลิงที่ฝึกแล้วตัวละหลายพันบาท

ท่านที่เคยดูละครลิง คงจะเห็นว่าลิงนั้น เขาสามารถนำมาฝึกให้ทำอะไรได้หลายอย่าง เพราะลักษณะท่าทางของลิงใกล้คนมากที่สุด โดยเฉพาะมีลิงอยู่ชนิดหนึ่ง เรียกว่าเอ๊ป หรือลิงชิมแปนซี ซึ่งสวนสัตว์ของเราในกรุงเทพฯ มีอยู่ตัวหนึ่ง หรือสองตัวก็จำไม่ได้เสียแล้ว เขาฝึกหัดให้ลิงชิมแปนซีนี้ ถีบจักรยานก็ได้ เวลากินอาหารจัดให้มันนั่งโต๊ะกินด้วยช้อนส้อม ปรากฏว่ามันทำได้เหมือนเด็กเล็กๆ กินก็เรียบร้อย เด็กๆ ที่รับประทานอาหารมูมมามหรือไม่ค่อยเรียบร้อย ไปเห็นลิงชิมแปนซีกินอาหารสักครั้งรับรองว่าต้องอายลิงเป็นแน่

ลิงในประเทศของเรานั้น ขนาดใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็นพวกลิงกังหางสั้น ลิงกังนั้น ว่ากันว่าโตขนาดเด็กอายุเกือบขวบที่เดียว และเป็นลิงที่ดุแต่ก็อาศัยอยู่ตามป่าสูง ไม่ใช่ป่าชายเลนอย่างลิงแสมหรือลิงเสน

สิ่งที่มีชื่อของเมืองไทยอีกแห่งหนึ่ง ก็เห็นจะเป็นลิงที่ศาลพระกาฬ ที่จังหวัดลพบุรี ลิงพวกนี้อาศัยอยู่ที่ศาลพระกาฬนานมาแล้ว ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะถือว่าเป็นลิงของเจ้าพ่อ สมัยก่อนนี้มีมาก เล่ากันว่าตอนเช้ามันจะพากันขึ้นรถไฟไปหากินทางเหนือ พอตกเย็นก็พากันขึ้นรถไฟกลับมาที่เดิม คนที่ไปไหว้เจ้าพ่อที่ศาลพระกาฬมักจะซื้อกล้วยอ้อยให้ลิงพวกนี้กินเสมอ แต่พอเผลอลิงจะแย่งสิ่งของเช่นกระเป๋าถือของพวกผู้หญิง เป็นต้น แล้วพาขึ้นต้นไม้หายไปเลยก็มี ใครไปเที่ยวต้องระวังไว้

สมัยก่อนป่ามีมาก ลิงก็คงจะมากตามป่าไม้ โดยเฉพาะสมัยอยุธยาลิงคงจะมีมากที่เดียว ลิงอยุธยาได้ทำให้เกิดนักปราชญ์ราชสำนักขึ้นท่านหนึ่ง นั่นคือศรีปราชญ์ มีเรื่องเล่าว่า เมื่อศรีปราชญ์เป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้น ได้ตามเสด็จสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งเสด็จไปประพาสอุทยานป่าแก้วด้วย ขณะกำลังประทับอยู่ที่นั่น ได้ทรงสดับเสียงลิงเกรียวกราว เพราะลิงกำลังผสมพันธุ์กันอยู่ สมเด็จพระนารายณ์รับสั่งถามว่านั่นเสียงอะไร ก็ไม่มีใครจะกราบบังคมทูลได้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าลิงมันทำอะไรกัน แต่การที่จะกราบทูลให้ไพเราะไม่ระคายโสตนั้น คนที่ไม่ได้เตรียมตัวก็คงพูดไม่ออก สมเด็จพระนารายณ์จึงหันไปถามศรีปราชญ์ว่า นั่นลิงมันทำอะไร ศรีปราชญ์กราบทูลว่า “ไม่ควรกราบบังคมทูลหามิได้ มันทำสมัครสังวาสผิดประหลาดกว่าสัตว์ธรรมดา” สมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดปรานมาก จึงตรัสว่า “ศรีเอ๋ย เจ้าจงเป็นศรีปราชญ์แต่บัดนี้เถิด”

เรื่องการเลี้ยงลิง ลำบากเพียงไรใครๆ ก็รู้ เพราะลิงมันอยู่ไม่สุข ชอบซุกซน แต่ความซนของลิงก็ดูจะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับศรีปราชญ์อีก เรื่องมีอยู่ว่า มีพระสังฆราชองค์หนึ่ง ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ทูลเรื่องว่าเวลานี้ราษฎรพากันเดือดร้อน และไม่พอใจในข้อที่สมเด็จพระนารายณ์ ทรงตรากำหนดกฎหมายต่างๆ ออกมาบังคับราษฎร สมเด็จพระ,นารายณ์จึงตรัสปรึกษาเรื่องนี้กับข้าราชการ ศรีปราชญ์ซึ่งเฝ้าอยู่ ณ ที่นั้นด้วยได้กราบทูลสมเด็จพระนารายณ์ว่า ขอให้พระองค์โปรดประทานลิงไปให้พระสังฆราชองค์นั้น เลี้ยงดูสักตัวหนึ่ง แต่ขอให้ปล่อยลิงตัวนั้นไว้อย่าไปผูกมัน ให้มันอยู่ตามใจชอบ สมเด็จพระนารายณ์ทรงเข้าใจความคิดของศรีปราชญ์ จึงประทานลิงให้พระสังฆราชเอาไปเลี้ยง เจ้าลิงนั้นพอถึงกุฏิสังฆราชก็เริ่มอาละวาดตามสัญชาตญาณของมัน รื้อข้าวของหลังคากุฏิเปิงไปหมด สมเด็จพระสังฆราชทนไม่ไหว ก็นำลิงไปถวายคืนสมเด็จพระนารายณ์ๆ ตรัสว่า การปกครองคนที่จะให้เรียบร้อยได้ต้องมีกฎข้อบังคับ หาไม่แล้วก็เหมือนลิงซึ่งเลี้ยงไว้โดยไม่ผูกนั่นแล

ในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ลิงเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างอวัยวะคล้ายคลึงกับคนมากทีเดียว ลิงขนาดใหญ่ เช่น ลิงอุรงอุตัง หรือลิงกอลิลลา มีโครงสร้างของกระดูกมือเท้าคล้ายกับคนมาก ก็เพราะลิงมีรูปร่างคล้ายคนนี่เอง ปราชญ์บางท่าน เช่น ชาร์ล ดาร์วิน จึงลงความเห็นว่า มนุษย์นั้นวิวัฒนาการมาจากลิง ตามความเห็นของชาร์ล ดาร์วินนี้มีผู้คัดค้านกันมาก โดยเฉพาะพวกแพทย์ลงความเห็นเด็ดขาดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะเชื้อสืบพันธุ์ของคนและลิงเป็นคนละชนิดคนละพวกกันทีเดียว ถ้าคนวิวัฒนาการมาจากลิงจริงแล้วเชื้อสืบพันธุ์จะต้องเป็นชนิดเดียวกันแน่นอน เรื่องของคนกับลิงจึงยุติได้ว่าไม่ได้มาจากเผ่าเดียวกันแน่

อย่างไรก็ตามลิงกับคนคงจะใกล้ชิดกันมานานทีเดียว อย่างเช่นในเรื่องรามเกียรติ์ของเราซึ่งได้มาจากอินเดียนั้น ทหารของพระรามทั้งหมดทั้งนายทั้งพลทหารล้วนแต่เป็นวานรทั้งนั้น โดยเฉพาะหนุมานนั้น เป็นลิงเผือกที่มีอิทธิฤทธิ์มาก และชาวอินเดียบางพวกยังนับถือหนุมานก็มีอยู่ นายเขียน ยิ้มศิริ ได้กล่าวไว้ในหนังสือศิลปพื้นบ้านของไทยโดยท้าวความถึงหนังสือ “The Wonder that was India ของ A.L. Basham” ได้กล่าวถึงประเพณีของชาวอินเดียที่นับถือหนุมานไว้ว่า

“หนุมานเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง เป็นโอรสของพระพาย เป็นทั้ง พระสหายและข้าช่วงใช้ของพระรามนั้น ชาวอินเดียก็ยังนับถือหนุมานว่าเป็นเทพเจ้าประจำตำบลซึ่งปรากฏอยู่ในรูปของวานร ที่มีร่างเป็นมนุษย์ ตามศาลเทพารักษ์ต่างๆ หนุมานเป็นเทพเจ้าที่มีความเมตตากรุณา และพิทักษ์รักษาชาวบ้าน ดังนั้นชาวอินเดียจึงนับถือลิงว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย”

นายเขียน ยิ้มศิริ กล่าวไว้ต่อไปว่า “ชาวอินเดียนับถือหนุมานจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายลิง เคยปรากฏว่ามีฝรั่งนักท่องเที่ยวไปยิงลิงในหมู่บ้านที่ชาวบ้านนับถือลิงตายเข้าสองสามตัว เลยถูกประชาทัณฑ์ถึงตาย”

ในพุทธประวัติของเราก็มีลิงเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อพวกภิกษุชาวเมืองโกสัมพีวิวาทกัน ไม่สามารถปรองดองกัน แม้ว่าพระพุทธองค์จะทรงวิงวอนอย่างไรก็ไม่สำเร็จ พระพุทธเจ้าจึงหลีกเร้นเข้าไปประทับอยู่ในป่า มีช้างและลิงเป็นผู้อุปถาก โดยลิงเก็บผลไม้และนํ้าผึ้งมาถวาย จนตลอดพรรษา นี่ก็แสดงให้เห็นว่าลิงนั้นใกล้ชิดกับคนมากเพียงไร ในชาดกทางพุทธศาสนาของเรา มีเรื่องเกี่ยวกับลิงมากมายสุดที่จะนำมาพรรณนาในที่นี้ได้หมด พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้คนเรารู้จักบังคับใจตนเองให้อยู่กับที่  เพราะว่าธรรมดาของจิตใจนั้น เคลื่อนไปได้รวดเร็วไม่อยู่กับที่ พระองค์เปรียบจิตใจของคนว่ามีลักษณะเช่นเดียวกับลิงที่ไม่ชอบอยู่เป็นสุข

ลิงทุกชนิดมีผลไม้เป็นอาหาร ที่เราเอามาเลี้ยงให้กินข้าวมันก็ชอบเหมือนกัน แต่สิ่งที่ลิงเกลียดที่สุดก็คือกะปิ ใครเอากะปิไปทามือลิงแล้วลิงจะเช็ดจนเลือดไหลทีเดียว เช็ดแล้วดมเช็ดแล้วดม จนกว่ากลิ่นจะหมด ลิงจะอาฆาตคนที่ทำเช่นนั้นไม่มีลืม

ที่อยู่ของลิงคือต้นไม้ เว้นแต่ลิงขนาดใหญ่ เช่น พวกกอลิลลามันจะทำที่อยู่ตามโคนไม้ที่พื้นดิน เพราะมันขึ้นต้นไม้ไม่สะดวก

ลิงทำรังหรือที่อยู่กันฝนเหมือนกัน โดยหักกิ่งไม้มาสุมๆ กันไว้บนต้นไม้ ทำจนมองไม่เห็นแสงตะวัน แต่แทนที่มันจะอยู่ภายใต้หลังคาที่มันสร้างขึ้นมา มันกลับขึ้นไปนั่งบนหลังคาหนาวสั่นอยู่บนนั้นเอง บางท่านว่าลิงมันกลัวหางจะเปียก มันจะเอาหางห้อยลงมาใต้หลังคาที่มันทำนั้น อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ได้ว่าทำไมลิงมันไปทำอย่างนั้น ทำเหมือนคนโง่ๆ

เพราะลิงเป็นสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายคนนี่เอง คนส่วนใหญ่จึงไม่นิยมฆ่าลิงเอามาทำเป็นอาหาร แต่ก็มีคนพวกที่ชอบกินอาหารแปลกๆ อ้างว่าทำให้มีพละกำลังทางเพศ นิยมกินสมองของลิง วิธีกินสมองลิงก็พิศดารทรมานสัตว์ดีนัก คือเขามีโต๊ะจัดไว้เป็นพิเศษ คือเจาะรูไว้ตรงกลางโต๊ะ เมื่อต้องการจะกินสมองลิง (ผมใช้กริยาว่ากิน เพราะเหมาะกันการกินวิตถารนี้) ก็เอาลิงเข้าไว้ใต้โต๊ะให้ศีรษะโผล่พ้นโต๊ะขึ้นมา ใช้มีดเฉาะตรงกะโหลกศีรษะเปิดสมอง พวกที่นั่งคอยอยู่ก็เอาช้อนตักกิน ทั้งๆที่เจ้าของสมองกำลังดิ้นกระแด่วๆ อยู่ ว่ากินแล้วทำให้มีกำลังดีนัก เป็นอาหารเสวยของฮ่องเต้ทีเดียว คนชนิดนี้เผลอๆ ก็จะถูกคนอื่นฉะสมองไปกินเสียบ้างก็ได้

การเลี้ยงลิงคงจะวุ่นวายน่าดูกว่าจะฝึกลิงให้เชื่องได้ เพราะลิงชอบซุกซน เราจึงมีคำพังเพยอยู่บทหนึ่งเกี่ยวกับลิงว่า ฤาษีเลี้ยงลิง ใช้ในเมื่อหัวหน้าของหมู่คณะไม่สามารถจะควบคุมบริวารให้อยู่ในระเบียบวินัยได้ วิธีฝึกลิงโดยใช้อุบายอีกอย่างหนึ่งคือทรมานสัตว์อื่น หรือฆ่าสัตว์อื่นให้ลิงดู เช่นเชือดคอไก่ให้ลิงดู เป็นต้น เพื่อจะขู่ให้ลิงกลัวว่าถ้าขืนซุกซนหรือดื้อไม่ทำตามที่สั่งแล้ว ตัวมันเองจะถูกฆ่าอย่างไก่นั่นด้วย คำนี้เราใช้ในกรณีที่ต้องการจะลงโทษคนหนึ่งเพื่อให้อีกคนหนึ่งเกรงกลัวด้วย ว่าเชือดคอไก่ให้ลิงดู

ที่มา:วิชาภรณ์  แสงมณี