ม้าในวรรณคดีอันเลื่องชื่อของเราอีกตัวหนึ่ง ก็คือม้าสีหมอก ซึ่งเป็นม้าพาหนะคู่ขาของขุนแผนยอดนักรักและนักรบในเรื่องขุนช้างขุนแผนของเรา ม้าสีหมอกนั้นตามประวัติกล่าวไว้ว่า
“จะกล่าวถึงหลวงทรงพลกับพันภาณ พระโองการตรัสใช้ไปตะนาวศรี
ไปตั้งอยู่มฤทเป็นครึ่งปี กับไพร่สามสิบสี่ที่ตามไป
ด้วยหลวงศรีวรข่านไปซื้อม้า ถึงเมืองเทศยังช้าหามาไม่
ต้องรออยู่จนฤดูลมแล่นใบ เรือที่ไปเมืองเทศจึงกลับมา
หลวงศรีได้ม้ามามอบให้ ทั้งม้าเทศม้าไทยหกสิบห้า
มีลูกตัวหนึ่งชื่อสีหมอก มันออกวันเสาร์ขึ้นเก้าค่ำ
ร้ายกาจหนักหนานัยน์ตาดำ เห็นม้าหลวงข้ามน้ำก็ตามมา”
ม้าสีหมอกเป็นม้าที่เก่งกาจเที่ยวไล่กัดม้าหลวงจนพวกที่ไปรับม้าเหลือระอา พอดีขุนแผนซึ่งวางแผนจะหาเครื่องมือสามอย่าง ว่าถ้าได้ตามกำหนดแล้วจะไม่ต้องกลัวใครอีก เครื่องมือทั้งสามนั้นก็คือ ดาบ กุมารทอง และม้า เมื่อขุนแผนเห็นม้าสีหมอกออกลำพองสมปองปรารถนาที่นึกไว้
“ลักษณะถูกต้องตามตำราสิ้น ดังองค์อินทร์เทวราชประสารทให้”
ขุนแผนจึงขอซื้อม้าตัวนี้จากหลวงศรี หลวงศรีดีใจที่ม้าตัวนี้จะได้พ้นภาระของตนเสียที เพราะเป็นม้าที่ก่อความลำบากให้ และมิใช่เป็นม้าหลวง จึงตกลงขายให้ขุนแผนในราคาสิบห้าตำลึง ขุนแผนซื้อแล้วก็ขึ้นขี่กลับบ้านเขา ม้าสีหมอกเป็นม้าฝีเท้าไว วิ่งจนลมออกหูรับใช้ขุนแผนอยู่หลายปีจนที่สุดขุนแผนติดคุกต้องฝากม้าสีหมอกไว้ที่เมืองพิจิต ถ้าท่านไปจังหวัดพิจิตรแล้วลองสอบถามชาวพิจิตรดูก็ได้ว่าคอกม้าสีหมอกของขุนแผนนั้นอยู่ตรงไหน คนพิจิตรเขาจะบอกท่านเอง
ที่มา:วิชาภรณ์ แสงมณี