มารยาทตอนปิดภาคเรียน

Socail Like & Share

วีระเป็นเด็กรุ่นหนุ่มที่ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวไหนเลยมานานหลายปีแล้ว เพราะบิดามารดามีภูมิลำเนาอยู่ในกรุง และมีงานในร้านค้าเต็มไปหมด วีระจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็เพียงในตลาดนัด ไปชมการแข่งขันกีฬา และดูภาพยนตร์ แต่ก็น้อยเต็มที เขาได้กล่าวกับนางแม้นผู้เป็นแม่อย่างอ่อนน้อมว่า
“คุณแม่ครับ ยศเขาเขียนจดหมายมาชวนผมไปเที่ยวนครนายก ตอนปิดภาคปลายนี่ครับ ผมจะไปได้ไหมครับ คุณแม่?”

นางแม้นอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้าของบุตรชายมีดวงตาที่แสดงความวิงวอน ทำให้เกิดความสงสารขึ้น

วีระพูดต่อว่า
“ยศบอกว่า ที่นครนายกมีน้ำตกสวยงามมาก ผมเกิดมายังไม่เคยเห็นน้ำตกเลยครับคุณแม่ แล้วคุณอาก็ยินดีจะให้ผมไปค้างด้วย เพราะบ้านของคุณอาใหญ่โตมาก”

นางแม้นพูดว่า
“ลูกก็คงอยากไปมากด้วยน่ะซี วีระ”
“ไม่ลองไปขออนุญาตคุณพ่อดูก่อนหรือ?”

วีระทำปากหวานกับแม่ว่า
“ผมก็ต้องขอทั้งคุณแม่คุณพ่อน่ะแหละครับ แต่ผมเห็นคุณแม่ใจดี เลยขอก่อน”
“ยศก็เป็นญาติกับเราแท้ๆ คุณอาก็กรุณาต่อผมเสมอ ผมจึงคิดว่า คุณแม่จะไม่ให้ผมปฏิเสธ ใช่ไหมครับ?”

นางแม้นหัวเราะเบาๆ และพูดอย่างอารมณ์ดีว่า
“แหม! วีระเล่นรวบหัวรวบหางอย่างนี้ แม่ก็ปฏิเสธไม่ได้ดังว่าน่ะสิ”
“แต่แม่อยากจะถามว่า วีระรู้ได้อย่างไรว่า คุณอาจะยินดีให้ลูกไปอยู่ด้วยที่บ้านนครนายก?”

วีระตอบแม่ว่า
“ยศเขียนมาบอกผมยังงั้นครับ”

แม่จึงบอกกับเขาว่า
“ดีละ งั้นพอขออนุญาตคุณพ่อได้ ก็จัดการเตรียมข้าวของเลยซิจ๊ะ ยังขาดอะไรก็บอกแม่ แม่จะได้จัดหาให้อย่าให้เป็นที่ลำบากกับบ้านคุณอานะลูก อ้อ! เอากระเป๋าใบใหม่ของลูกไปซิ มันเรียบร้อยดี อย่าฉวยเอาไอ้ใบเก่าขาดวิ่นหูหลุดนั่นนะ คนเราจะแต่งตัวสวยโก้ยังไงๆ ขืนถือกระเป๋าเดินทางปุๆ ปะๆ ขาดวิ่น เก่าแก่หมดอายุของมันละก็ แม่ว่าดูไม่ได้เลย เหมือนกับคนใส่รองเท้าแต่ไม่ได้ขัดนั่นแหละ”

เมื่อบิดาอนุญาตแล้ว วีระทำตามคำสั่งแม่ทุกอย่าง กระเป๋าเดินทางที่วางอยู่บนหลังตู้ใบใหญ่เต็มไปด้วยฝุ่นละออง เขานำมันลงมาปัดเช็ดเสียจนสะอาดทุกซอกมุม ตรวจกุญแจของกระเป๋าว่าใช้การได้หรือไม่ การที่ไปอยู่บ้านคนอื่น และเราก็ไม่รู้จักนิสัยของคนรับใช้ในบ้านว่าเป็นอย่างไร ก็ควรจะรอบคอบยิ่งขึ้น

วีระเก็บของลงกระเป๋าอย่างระมัดระวัง พิจารณาของทุกอย่างว่าจำเป็นและสมควรเอาไปด้วยหรือไม่ เช่น เสื้อกล้าม เสื้อเชิ้ต เสื้อฮาวายสำหรับอยู่กับบ้าน และชุดไปเที่ยวลำลอง กางเกง ผ้าเช็ดหน้า ถุงเท้า หวี แป้ง น้ำมันใส่ผม แปรง สบู่ ผ้าเช็ดตัว ยาต่างๆ ที่จำเป็น หนังสือเอาไว้อ่านในรถยามว่างเพื่อไม่ให้เสียเวลา

คุณอาเอารถยนต์เก่าๆ คันเล็กมารับที่สถานีรถไฟ คุณอาอาสาจะช่วยยกกระเป๋า แต่วีระก็หิ้วเอง เพราะเขาคิดว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่แข็งแรงและไม่กลัวความเหนื่อย คุณอาก็เปิดท้ายรถให้เขาใส่กระเป๋าลง

คุณอาถามวีระว่า
“เหนื่อยไหมหลาน?”
“เดินทางร้อนๆ คนแน่นๆ อย่างนี้แย่หน่อยนะ”

วีระตอบ
“แต่อากาศที่นี่ก็ทำให้หายเหนื่อยขอรับ”
“ทุ่งนาป่าเขา แปลกตาจากทิวทัศน์ในกรุงมากขอรับ ทำให้รู้สึกสงบสบายใจดีมาก คุณอาต้องมาคอยผมนานไหมครับ?”

คุณอาตอบว่า
“ครู่เดียวเท่านั้นเอง รถไฟตรงเวลาดี”
“คุณพ่อคุณแม่ของวีระสบายดีหรือ? อยู่กันไม่ไกลมากนัก แต่ก็ดูเหมือนคนละมุมโลก เพราะต่างคนต่างยุ่ง เลยไม่ได้เจอกันนานนับปี”

วีระตอบ
“ท่านทั้งสองคนสบายดีขอรับ ขอบพระคุณที่คุณอากรุณาถามถึง”

ในประโยคสุดท้ายของวีระ ทำให้คุณอาเขารู้สึกชอบใจมาก
“แต่งานร้านก็ยุ่งจนกระทั่งท่านไม่ได้ว่างเลยครับ คุณแม่ยังบ่นว่า ถ้าหากว่างละก็ ท่านคงจะมากับผมแล้วขอรับ”

คุณอาถามต่อว่า
“ได้ข่าวว่าเธอก็ช่วยงานดีนี่ ที่ร้านน่ะ ใช่ไหม?”

วีระตอบ
“เลิกเรียนแล้ว ผมช่วยขายของ ก่อนเวลาทำการบ้านขอรับ”

คุณอาว่า

“ดีละ อาก็ดีใจ ลูกๆ ที่ดีน่ะ มีอะไรพอจะช่วยเหลือพ่อแม่ได้ ก็ควรจะทำโดยเต็มสติกำลัง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้กตัญญูรู้คุณ”

รถยนต์แล่นไปบนถนนลูกรัง มีฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจาย สักพักก็เป็นทางเรียบ รถได้มาจอดที่หน้าบ้านชั้นเดียวที่สร้างด้วยไม้ ที่หน้าประตูมีเฟื่องฟ้าสีขาวสลับม่วงแดงออกดอกเต็มไปหมด ต้นไม้นานาพันธุ์อยู่รอบบริเวณบ้านทำให้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น ตรงหน้าบ้านก็มีแปลงผักและแปลงดอกไม้ที่สามารถเก็บไปขายหรือใช้ประโยชน์ได้

คุณอาผู้หญิงออกมารับ แล้วสั่งบุตรชายของเธอว่า
“ยศพาวีระไปที่ห้องนอนซิ”

หล่อนบอกสามีว่า
“ให้สองคนนี่นอนด้วยกันค่ะ”
“วีระเลือกเอาก็แล้วกันนะหลาน ว่าจะนอนเตียงไหน ยศน่ะ ช่างเขาเถอะ นอนไหนก็ได้”

ยศเข้ามาช่วยวีระยกของเข้าไปในห้องด้วยความดีใจ วีรอชอบเตียงใหญ่ใกล้หน้าต่าง มีโต๊ะเล็กๆ ไว้วางใกล้หัวเตียง และมีโคมไฟเล็กๆ วางอยู่ด้วย

วีระไม่โยนกระเป๋าไว้บนเตียงเหมือนทำเป็นเจ้าของ ด้วยความที่เขาได้รับการอบรมมาดีจึงถามยศว่า
“ยศชอบเตียงไหนล่ะ? ฉันน่ะได้ทั้งนั้นแหละ”

ยศตอบ
“ฉันอยากนอนใกล้หน้าต่าง เพราะว่ากลางคืนมันเย็นดีหน่อย แต่ก็ตามใจวีระนะ ที่ไหนๆ ก็ได้ความจริงน่ะ”

วีระเดินไปที่เตียงชิดฝาแล้วเปิดกระเป๋าเดินทางทันที เขาส่งห่อเสื้อเชิ้ตให้ยศ และพูดว่า
“คุณแม่ฝากของมาแยะ สำหรับคุณอาทั้งสองและยศด้วย”

พอยศเปิดดูก็ทำตาโตด้วยความพอใจ ในห้องมีตู้อยู่ใบเดียว และเกือบเต็มไปด้วยเสื้อผ้าของยศแล้ว ที่ว่างอยู่ก็เพียงช่องลิ้นชักหนึ่งอันเท่านั้น วีระจึงเอาเสื้อผ้าที่ยับง่ายใส่ในนั้น ส่วนที่เหลือเก็บในกระเป๋าอย่าง ก่อนจะออกไปจากห้องก็ปิดฝากระเป๋าอย่างเรียบร้อย

วีระจำได้ว่า ที่บ้านของเขาในตอนเช้าต้องแย่งกันเข้าห้องน้ำ จนในบางครั้งก็ทะเลาะกันบ้าง ที่บ้านของยศก็มีห้องน้ำห้องเดียวและมีกันอยู่หลายคนเช่นกัน วีระจึงลุกขึ้นไปใช้ห้องน้ำแต่เช้ามืดและแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก่อนที่ทุกคนจะตื่นมาเข้าห้องน้ำกัน และยังลงไปช่วยคุณอาเช็ดรถ รดน้ำผักกับดอกไม้อย่างสบายใจ

วีระได้รับการแนะนำให้รู้จักกับลูกๆ ทุกคนของคุณอา มีพี่ชายคนโตของยศ น้องสาวคนสุดท้องที่อายุน้อยกว่ายศปีเดียว เขารู้ดีว่าคุณอาหญิงชอบมองเขาอยู่เสมอ วีระจึงไม่เคยแสดงท่าทางกรุ้มกริ่มหรือสนิทสนมกับน้องสาวมากกว่าน้องคนอื่นๆ ซึ่งทำให้คุณอาหญิงชื่นชมเขามาก

ขณะที่วีระพักอยู่ที่บ้านนครนายก เขาคิดแต่สิ่งที่คนในบ้านต้องการทำเสมอ ไม่เคยคิดถึงสิ่งที่ตนเองอยากทำเลย เช่น ถ้าคุณอาถามว่า
“จะอยากไปเล่นน้ำตกอีกไหมวีระ?”

เขาจะตอบทันทีว่า
“ถ้าคุณอาทั้งสองต้องการไป ผมก็ติดรถไปด้วยคนขอรับ”

เมื่อเขาอยากไปตลาด แต่ยศต้องการเล่นปิงปอง เขาก็จะเล่นปิงปองกับยศทันทีโดยไม่มีข้อแม้

เมื่อคุณอาผู้หญิงได้รับความผิดหวังหรือไม่พอใจ หล่อนจะไม่แสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยว เพราะเป็นเจ้าของบ้านที่ประเสริฐ เมื่อเห็นว่ามารดาของวีระส่งของถูกใจมาให้จากรุงเทพฯ ก็ไม่ได้แสดงความยินดีจนเกินไป วีระเคยคิดว่าคุณอาผู้หญิงคงเป็นคนสงบสติอารมณ์เก่ง บ้านจะมีความสุขแน่นอนถ้าใครมีแม่บ้านอย่างนี้

ในเย็นวันหนึ่งคุณอาพูดขึ้นว่า
“วีระนี่แปลก น้องผู้ชายก็ชอบ น้องผู้หญิงก็ชอบ”
“อย่างนี้ฝรั่งเขาเรียกว่า เป็นคนป๊อบปูล่า คนกว้างขวาง เป็นที่ชอบพอของคนทั่วไปน่ะเอง ยศเสียอีก น้องชายรัก แต่น้องสาวไม่ค่อยรัก เพื่อนชายก็มาก แต่เพื่อนหญิงไม่มี อาจจะเป็นเพราะว่ายศพูดจาอะไรโผงผางไม่เพราะหู”

คุณอาผู้หญิงพูดเรียบๆ ขัดขึ้นว่า
“แต่ก็จะเปลี่ยนอีกนะคะ”
“เพราะทั้งยศและวีระ มีคุณสมบัติที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง คือ ความประพฤติที่สุภาพดีมาก”

วีระยิ้มรับคำชม แต่ยศกลับพึมพำเล็กน้อยว่า
“ฮึ! เห็นเราเป็นคนยังไงไปแล้ว คุณพ่อนี่!”

คุณอาพูดล้อยศว่า
“ทีนี้ก็หัดพูดเพราะๆ เสียมั่งซี ยศ”

ยศตอบว่า
“ครับ แต่ผมกลัวคนจะรักผมมากเกินไป จนผมรับรักไม่ทันเสียอีกน่ะซีครับ คุณพ่อ”

คุณอาผู้หญิงหันมาค้อนยศอย่างหมั่นไส้ ทำให้ยศหัวเราะหึๆ แล้วพาวีระออกไปเที่ยวตามที่ได้คิดกันเอาไว้

ยศแสดงความเสียดายอย่างสุดซึ้งเมื่อถึงวันที่วีระจะลากลับกรุงเทพฯ วีระเป็นเพื่อนและญาติที่ยศรักมาก ขณะที่วีระกราบลาคุณอาทั้งสองก็มีใบหน้าเศร้านิดๆ ปิดภาคคราวต่อไปคุณอายังบอกว่าให้มาเที่ยวอีก วีระก็รับคำด้วยความขอบพระคุณและตื้นตันใจ

ก่อนที่จะจากไป วีระก็ไม่ลืมที่จะเก็บข้าวของทุกชิ้น และทำความสะอาดห้องอีกครั้ง จัดเก็บที่นอนเสียสะอาดเรียบร้อยทุกอย่าง เขาตลบที่นอนขึ้น ม้วนมุ้ง พับผ้าห่ม ถอดปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนออกพับเตรียมซักไว้เรียบร้อย ลิ้นชักที่ใส่เสื้อผ้าก็เช็ดถูจนไม่มีฝุ่นสะอาดเกลี้ยงเกลา คุณอาผู้หญิงต้องแปลกใจเมื่อเข้ามาเห็นสภาพห้อง และพูดเบาออกมาว่า
“อือม์! เด็กผู้ชายเรียบร้อยไปทุกอย่าง อย่างนี้ก็มีด้วย เป็นบุญของพ่อแม่เขาแท้ๆ เชียว”

ที่มา: จากหนังสือเรื่อง มรรยาทงาม ของ ผกาวดี อุตตโมทย์