มนุษย์ผู้หญิงหรือมนุษย์ผู้ชายใครเกิดก่อนในโลก

Socail Like & Share

ผู้หญิงคือใคร ถ้าถามอย่างนี้ กว่าจะนึกคำตอบได้ก็กินเวลานานเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าผู้หญิงนั้นเป็นอย่างไร ก็คนที่คู่กับผู้ชายนั่นแหละ แต่พูดอย่างนี้ก็ไม่ทำให้เข้าใจว่าผู้หญิงคือใครดีขึ้นกว่าเดิม พจนานุกรมท่านอธิบายคำว่าผู้หญิงไว้อยางกระทัดรัดที่สุด ท่านให้คำจำกัดความคำว่าผู้หญิงไว้ว่า คือคนที่ออกลูกได้ เอาละเมื่อแปลผู้หญิงว่าอย่างนี้แล้ว คนที่แต่งตัวให้เหมือนผู้หญิง เช่นทำหน้าอกให้โตนูน ทำสะโพกให้ผาย พูดจาดัดจริตให้เหมือนผู้หญิงอย่างไรก็ตาม ถ้าคนนั้นไม่สามารถออกลูกได้แล้ว ก็ไม่เรียกว่าผู้หญิง คนพวกนี้ก็คือคนที่เราเรียกว่ากะเทยทุกวันนี้นั่นแหละอาดัมกับอีวา

แต่นั่นเหละผู้หญิงนั้นถึงจะหมายความว่าคนที่ออกลูกได้ก็จริง แต่ไม่จำเป็นว่าขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้วจะต้องออกลูกทุกคนเสมอไป แต่หมายความว่าถึงเวลามีลูกก็สามารถจะออกลูกได้เท่านั้นเอง

พูดถึงความเป็นมาของผู้หญิง ก็เหมือนพูดถึงความเป็นมาของคนนั่นเอง ซึ่งได้พูดไปแล้วในตอนที่ว่าด้วย ค คน แต่เรื่องของคนผู้หญิงนี้มีอะไรเป็นพิเศษมากกว่าคนที่พูดมาแล้ว

ทีนี้มีปัญหาว่ามนุษย์ที่เกิดมาในโลกนี้ ครั้งแรกที่เดียวเกิดมีมนุษย์ผู้หญิงหรือมนุษย์ผู้ชายขึ้นก่อน ข้อนี้เป็นปัญหาโลกแตกเหมือนปัญหาที่ว่าไก่เกิดก่อนไข่หรือไข่เกิดก่อนไก่ นั่นแหละ แต่ตามคัมภีร์ไบเบิลของคริสตศาสนานั้นกล่าวว่าครั้งแรกที่เดียวพระเจ้าได้สร้างมนุษย์ผู้ชายคืออาดัมขึ้นก่อน แต่ทรงเห็นว่ามีแต่มนุษย์ผู้ชายไม่มีเพื่อนสนทนาด้วย จึงทรงสร้างมนุษย์ผู้หญิงขึ้นจากกระดูกซี่โครงของอาดัมซึ่งเป็นมนุษย์ผู้ชายนั่นเอง มนุษย์ผู้หญิงคนแรกคืออีวา ดังนั้นผู้หญิงกับผู้ชายจึงขาดจากกันไม่ได้ เพราะพระเจ้าสร้างขึ้นจากคนๆ เดียวกันนั่นเอง นี่เป็นเรื่องศาสนาคริสต์ ซึ่งก็ดีเหมือนกันที่แก้ปัญหาเรื่องใครเกิดก่อนใครไว้เสียได้ ไม่ต้องโต้เถียงกันให้เสียเวลา ความจริงแล้ว ใครจะเกิดก่อนใครไม่ใช่เป็นปัญหาที่จะต้องมานั่งขบคิด เพราะคิดไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้นเลย

นักปราชญ์สมัยโบราณเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงไว้มาก ซึ่งแน่ละนักปราชญ์เหล่านั้นต้องเป็นผู้ชาย คงจะเคยสมหวังและผิดหวังในเรื่องผู้หญิงมามาก จึงเขียนไปในทำนองที่ว่าผู้หญิงนั้นไม่ค่อยจะแน่นอนเท่าไรนัก เช่นเปรียบไว้ว่าผู้หญิงนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากน้ำผึ้ง จึงมีความหวานเหมือนน้ำผึ้ง และมีความอ่อนช้อยเกาะสิ่งที่ใกล้ชิดเหมือนเถาวัลย์ ร้อนเหมือนเปลวเพลิง เยือกเย็นเหมือนสายน้ำหรือร่มเงาของพฤกษาไม่แน่นอนเหมือนสายลมหรือก้อนเมฆ ร้ายเหมือนงูพิษ แต่ใครจะเขียนไว้อย่างไรก็ตาม แต่ผู้หญิงก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นมารดา ของโลกอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ เพราะถ้าไม่มีผู้หญิงเสียแล้ว โลกก็คงไม่เป็นโลกอยู่ได้ และผู้ชายที่ว่าผู้หญิงร้อยสี่พันอย่างนั้นก็หนีผู้หญิงไม่พ้นอยู่นั่นเอง

เมื่อพูดถึงผู้หญิงในแง่ที่เป็นลูก ผู้หญิงเป็นทั้งสิ่งที่น่ารัก และน่าเบื่อหน่าย ว่ากันว่าลูกผู้หญิงนั้นเอาอกเอาใจรู้จักช่วยพ่อแม่ตั้งแต่เล็กๆ ส่วนผู้ชายมักจะเอาแต่เที่ยวเตร่ไม่ค่อยจะอยู่บ้าน แก่ถ้าลูกผู้หญิงคนไหนกลับประพฤติตรงกันข้ามคือชอบเที่ยวเตร่ไม่ค่อยอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนละก็ พ่อแม่มักจะต้องอิดหนาระอาใจกว่าลูกผู้ชายเกเรหลายร้อยเท่า

ผู้หญิงในแง่ที่เป็นภรรยา ถ้าเป็นภรรยาที่รู้จักหน้าที่ของภรรยา รู้จักจัดการบ้านเรือน รู้จักเก็บหอมรอมริบ ไม่ประพฤตินอกใจสามี ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อญาติพี่น้องทั้งฝ่ายตนและฝ่ายสามีพอสมควรตามฐานะ ไม่ไปก้าวก่ายในหน้าที่การงานของสามี ภรรยาชนิดนี้ เรียกว่าเป็นแม่ศรีเรือน แต่ถ้าตรงกันข้ามก็จะกลายเป็นอัปปรีย์เรือนไป

ผู้หญิงในฐานะเป็นภรรยานี้ เห็นจะเป็นฐานะที่สำคัญมากทีเดียว เราจึงมีคำพังเพยไว้มากมายเช่นว่าผู้หญิงเปรียบเหมือนช้างเท้าหลัง คือคอยติดตามสามีหรือเป็นผู้ตามไม่ใช่ผู้นำ แต่คติอันนี้เขาว่ากันว่าไม่ทันสมัยเสียแล้ว เพราะผู้หญิงผู้ชายได้รับการศึกษาเท่ากัน จึงควรจะมีสิทธิเท่าเทียมกัน อย่างนี้ก็พอทำเนา แต่บางรายผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาเดินนำหน้าสามี ถ้าเป็นคติโบราณเขาเรียกว่าช้างเดินถอยหลัง เพราะเมื่อเปรียบผู้หญิงเหมือนช้างเท้าหลังเสียแล้ว หากให้ผู้หญิงนำก็เท่ากับให้ช้างเดินถอยหลังนั่นเอง นี่เป็นเรื่องคิดกันสนุกๆ ผู้หญิงที่มีความ สามารถเท่ากับผู้ชายหรือดีกว่าผู้ชายสมัยนี้มีออกถมไป

และมีคำพังเพยอีกคำหนึ่งว่า “ผู้ชายพายเรือ ผู้หญิงยิงเรือ” คำพังเพยอันนี้เคยมีคนตีความหมายไว้ว่าหมายถึงผู้ชายเป็นผู้ที่ทำงานเพื่อความก้าวหน้า แต่ผู้หญิงคอยทำลายความก้าวหน้าของผู้ชายเสีย ข้อนี้ผมเคยคัดค้านไว้ว่า คำพังเพยอันนี้ไม่ใช่มีความหมายอย่างนั้น แต่มีความหมายว่า ผู้ชายนั้นทำงานเพื่อความก้าวหน้า และมีผู้หญิงช่วยสนับสนุนอยู่ เปรียบเสมือนผู้ชายพายเรือไปค้าขายหรือทำมาหากิน เมื่อเรือกลับมาถึงท่าก็ต้องมีการซ่อมแซมเรือบ้าง ตอนนี้แหละเป็นหน้าที่ของผู้หญิง คำว่ายิงในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าทำให้แตกหักหรือทำลายแต่มีความหมายว่าทำให้ติดกัน คำว่ายิงในภาษาปักษ์ใต้ซึ่งถือว่าเป็นภาษาไทยดั้งเดิมในบางคำ มีความหมายว่าทำให้ติดกันหรือรัดตรึง อีกความหมายหนึ่ง ดังนั้น คำพังเพยที่ว่าผู้หญิงยิงเรือก็คือ ผู้หญิงเป็นฝ่ายซ่อมเรือนั่นเอง หาใช่เป็นฝ่ายทำลายเรืออย่างที่เข้าใจกันไม่ คำว่ายิง,ริงจึงเป็นคำที่มีความหมายเหมือนกัน

ผู้หญิงในฐานะที่เป็นแม่หรือมารดา ถือเป็นพระของลูก มหาบุรุษของโลกหลายคนได้ดีขึ้นมาเพราะการอบรมสั่งสอนของมารดา เพราะมารดาเป็นผู้ใกล้ชิดลูก ส่วนบิดานั้นเป็นผู้ที่ต้องออกไปทำมาหากิน โอกาสที่จะอยู่อบรมลูกจึงมีน้อย ดังนั้นบุตรจะดีหรือไม่ จึงอยู่ที่มารดาเป็นผู้ปั้น โดยเฉพาะบุตรหญิงเราจึงมีคำพังเพยว่า จะดูช้างให้ดูหาง จะดูนางให้ดูแม่ ถ้าจะดูให้แน่ต้องดูถึงยาย ดังที่ได้เคยกล่าวแล้ว ก็เพราะแม่เป็นผู้อบรมลูกนั่นเอง

ที่มา:วิชาภรณ์  แสงมณี