พลังจิตกับการสอนวิชารูดโซ่ลุยไฟแบบลัด

Socail Like & Share

วิชารูดโซ่ลุยไฟ หมายถึง วิชาเผาโซ่เหล็กในเตาถ่านจนร้อนแดงแล้ว เอาฝ่ามือทั้ง ๒ ทดลองลูบโซ่ที่กำลังร้อนแดงดู ถ้ายังร้อนมากไปก็ภาวนาดับพิษร้อนซํ้าอีกหลายๆ หน แล้วทดลองลูบโซ่แดงดูอีก ถ้าร้อนเล็กน้อย ก็เอาฝ่ามือทั้ง ๒ กอบโซ่ที่ร้อนแดงขึ้นได้โดยไม่มีอันตราย วิชารูดโซ่ลุยไฟนี้ใช้ในการเดินลุยไฟก็ได้ คือเดินไปบนถ่านที่เผาไฟร้อนแดงนั้นได้ ผู้ฝึกได้เพียงสมาธิขั้นต้นก็เดินไปบนถ่านไฟได้ แต่จะยืนอยู่นานไม่ได้ ผู้ที่ฝึกสมาธิได้ขั้นกลางแล้วก็สามารถยืนอยู่บนถ่านไฟร้อนแดงนั้นได้นาน ยิ่งได้ถึงสมาธิขั้นสูงก็ยืนอยู่บนถ่านไฟร้อนแดงนั้นนานๆ ได้ หรือจะลงไปนั่งในกะทะใหญ่ที่นํ้ามันที่กำลังเดือด เพื่อเสกให้เป็นยาได้นานตลอดเวลาที่สมาธิยังอยู่ในระดับสูง

การฝึกขั้นที่ ๒ ดับพิษร้อนนํ้าเดือดให้เอามือล้วงลงได้ ตักกินได้นั้นเป็นเพียงการฝึกที่ขออนุญาตพระอาจารย์ในดงนำมาสอนผู้ที่สมาธิไม่มั่นคงพอ ต่อไปจึงสอนเต็มตามพิธีทำน้ำมันเดือดให้เป็นยา ซึ่งจะได้กล่าวภายหลังตามลำดับวิธีในสมัยก่อน การรูดโซ่ลุยไฟที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็เป็นการทำที่ขออนุญาตพระอาจารย์ ชาญณรงค์ด้วยกำลังอธิษฐานใช้ร่วมกับวิชาของอาจารย์ไปล่ เพื่อขอทำแบบง่ายๆ เหมาะในการสอนผู้เริ่มเรียน ส่วนการรูดโซ่ลุยไฟที่ครบถ้วนตามที่ทำกันมาแต่โบราณนั้นก็จะกล่าวภายหลังต่อไป

ต่อไปนี้จะกล่าวถึงการรูดโซ่ลุยไฟแบบลัดโดยผสมวิธีทำน้ำมันโดยละเอียดค่ายกครู ๖ บาท กับวิชารูดโซ่ลุยไฟครบถ้วน ค่ายกครู ๖ บาท มาสอนแบบลัดง่ายนี้ร่วมกันจึงรวมค่ายกครูเป็น ๑๒ บาท โดยเริ่มต้น
ดังต่อไปนี้

การจัดพานบูชาครู
พานที่ ๑ มีดอกไม้ธูปเทียน และเงินค่าบูชาครู ๑๒ บาท เทียนควรใช้เทียนขาวหนัก ๑ บาท ๓ เล่ม (การรูดโซ่ลุยไฟแบบเดิม ๖ บาท รวมกับวิชานํ้ามันอีก ๖ บาท)

พานที่ ๒ ใส่ใบพลู ๗ ใบ ข้าวสาร ๑ กำมือ ปูนแดงประมาณขนาดหัวแม่มือปูนนี้ใช้ปูนแดงที่ยังไม่ได้ปนสีเสียดโดยเอาใบพลูอีก ๑ใบ มาใส่ปูนแดงบนใบพลูนี้แล้ววางในพาน, เหล้าขาวอีก ๑ ขวด วางไว้นอกพาน

ขันนํ้ามนต์ เอานํ้าใส่ขันค่อนขันเพื่อทำให้เป็นน้ำมนต์

เริ่มพิธี เอาโซ่เหล็กโตประมาณ ๔ หุนยาวประมาณ ๓ ศอก ๑ เส้น เตาถ่านให้เต็มและจุดให้ถ่านติดไฟดีแล้ว จึงเอาปลายโซ่ข้างหนึ่งขดไว้บนถ่านไฟให้ตอนปลายโซ่อยู่ข้างบน ต่อไปจุดเทียนบูชาพระกราบพระแล้วว่า

“นะโม…….” สามจบ แล้วว่า “พุทธังสะระณัง คัจฉามิ ธัมมังสะระณังคัจฉามิ สังฆังสะระณะคัจฉามิ”

“สัคเค กาเม จะรูเป คีริสิขะ ระตะเฎ จันตะลิเข วิมาเน ทีเปรัฐเถ จะคาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต ภุมมาจายันตุ เทวาชะละถะละ วิสะเม ยักขะ-คันธัพพะนาคาติฏฐันตา สันติเกยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ ธัมมัสะวะนะกาโล อยัมภะทันตา” (“อยัมภะทันตา” ว่าเพียงหนึ่งครั้ง)

อัญเชิญว่าดังนี้ “ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูอาจารย์ ขอให้มาช่วยดับพิษร้อนให้หมดไป ขอเชิญธาตุนํ้า ธาตุลม มาช่วยดับพิษร้อนทั้งหลายให้สูญสิ้นไป”

ต่อไปทำนํ้ามนต์เอาเทียนจากพานที่ ๑ มาจุด ๑ เล่ม เอาหัวแม่มือขวาและนิ้วชี้หนีบเทียนไว้ มือทั้ง ๒ ข้าง จับขันนํ้ามนต์ ตั้งจิตไว้ที่กึ่งกลางวงกลมนํ้าในขัน ปล่อยให้นํ้าตาเทียนหยดลงประมาณกลางวงกลมนํ้า ว่า “นะโม…” ๓ จบ แล้วอัดลมว่า

“สมุหะ คัมภีรัง อะโจระ ภะยัง อะเสสะโต โสภคะวา พุทโธหยุด ธัมโมหยุด สังโฆหยุด โรคภัยทั้งหลายจงหยุด หยุดด้วยนะโมพุทธายะ” ว่าประมาณ ๒ จบแล้ว เป่าลงไปที่นํ้า เวลาเป่าให้ว่าอีก ๑ จบ (ว่าในใจ) ต่อไปสูดลมหายใจเข้า อัดลมไว้ภาวนาอีก ๒ จบ เป่าลงไปภาวนา ๑ จบ และทำซํ้าอีก ๑ ครั้ง ให้ครบ ๓ ครั้ง ต่อไปภาวนาบทดับพิษร้อนอัดลมไว้ภาวนาว่า

“มะอะอุ นะมะพะทะ สะกะ พะจะ” ๓ จบ แล้วเป่าไปว่าอีก ๑ จบให้ครบ ๓ ครั้ง เช่นเดียวกันกันบทก่อน

ต่อไปเสกของในพานที่ ๒ โดยเอานิ้วทั้ง ๕ แตะลงบนใบพลูข้าวสาร และปูนแดง เสกด้วยคาถาทั้ง ๒ บท เหมือนทำนํ้ามนต์

ต่อไปภาวนาดับพิษร้อนของโซ่บนเตาไฟก้มหน้าลงให้ใกล้เตาไฟประมาณ ๑ คืบเศษ ตั้งจิตไว้ที่กึ่งกลางขดโซ่ ภาวนาโดยอัดลมภาวนาในใจว่า “มะอะอุ นะมะพะทะ สะกะ พะจะ” ประมาณ ๓ ถึง ๕ จบ แล้วเป่าลง พร้อมกับภาวนาอีก ๑ จบ ต่อไปสูดลมเข้าอัดลมภาวนา และเป่าเช่นเดิมหลายๆ ครั้ง เมื่อรู้สึกเริ่มจะเหนื่อยก็ภาวนาเป็นสมาธิ คือทำจิตเป็นสมาธิภาวนา โดยไม่ต้องอัดลม เพ่งจิตไปที่โซ่ในเตาหายเหนื่อยแล้วก็ภาวนาโดยอัดลมหายใจและเป่าเหมือนเดิมเริ่มจะเหนื่อยก็ภาวนาเป็นสมาธิสลับกันไปดังนี้นานพอควร แล้วก็ทดสอบดูว่าดับพิษร้อนหมดหรือยัง โดยใช้ใบพลูในพานที่ ๒ มา ๑ ใบ จุ่มลงในนํ้ามนต์แล้ววางลงบนโซ่ในเตาไฟ ถ้าใบพลูไหม้ เป็นรูใหญ่ แสดงว่าดับพิษร้อนยังไม่หมด ให้ภาวนาด้วยพิษร้อนเหมือนเดิมซํ้าหลายๆ หน แล้วทดลองเอาใบพลูจุ่มนํ้ามนต์วางลงบนโซ่ในเตาอีก ถ้าใบพลูเหี่ยวลง ไม่ไหม้เป็นรูใหญ่อาจจะมีรูเล็กๆ บ้าง แสดงว่าหมดพิษร้อนแล้วจึงยกโซ่เหล็กออกจากเตามาแขวนไว้ เพื่อเอามือกอบขึ้นขณะโซ่ยังร้อนแดงอยู่โดยทดลองดังนี้

เอาหน้าเข้าใกล้โซ่ประมาณ ๑ คืบ จิตตั้งไว้ที่โซ่แดง หายใจเข้าอัดลมไว้ภาวนาบทดับพิษร้อน

“มะอะอุ….” แล้วเป่าลงมาพร้อมกับภาวนาบทดับพิษร้อนและเอาฝ่ามือแตะโซ่และลูบโซ่ดู เมื่อร้อนไม่มากก็เอาฝ่ามือทั้ง ๒ กอบโซ่ขึ้นแล้วรีบปล่อยลง ทำทีแรกสมาธิไม่ค่อยดี ก็รู้สึกร้อนเล็กน้อยเพราะยังกลัวอยู่ และพลังจิตยังไม่มากพอ แต่เมื่อปล่อยมือออกก็ไม่ร้อน ไม่มีอันตราย ขณะกอบโซ่ขึ้นอยู่ในจังหวะอัดลมภาวนา เป็นอันว่าสามารถปล่อยพลังจิตออกนอกกายได้ดี พอเป็นที่เชื่อใจว่าสามารถปล่อยพลังออกเพื่อรักษาโรคต่างๆ ได้แล้ว ตามวิธีต่างๆ ที่จะได้สอนต่อไป

ที่มา:ชม  สุคันธรัต