ตำนานเกี่ยวกับพระแม่ลักษมี

Socail Like & Share

พระลักษมี

ลักษมี, พระ
พระลักษมีเป็นมเหสีคู่ทุกข์คู่ยากของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ ส่วนเรื่องกำเนิดของพระลักษมีนั้นก็คราวเทวดากวนเกษียรสมุทร เพื่อทำน้ำอมฤตนั่นแหละ เรื่องสาเหตุที่กวนผมได้เล่าไว้แล้วในเรื่องพระจันทร์และก็คงจะลืมไปแล้ว แล้วก็แล้วกันไป

ตอนกวนน้ำอมฤตนั้น มีอะไรต่ออะไรเกิดขึ้นเยอะครับ รวมทั้งพระลักษมีนี้ด้วย ขอย้ำอีกหนนะ ของสำคัญๆ ที่เกิดก็มี

๑. โค ชื่อว่า สุรภี เป็นโคสารพัดนึก นึกอะไรไดสมใจ
๒. สุรา ชื่อว่า วารุณี เป็นเทพีแห่งเหล้า
๓. ปาริชาติ เป็นไม้วิเศษ พระอินทร์เอาไปปลูกไว้ที่สวนนันทวัน เป็นต้นไม้ที่ใครดมแล้วก็สามารถระลึกชาติแต่ปางก่อนได้ ถ้าสตรีใดนำมาประดับผมก็จะมีเสน่ห์แรง

๔. อัปสร  นางฟ้า ไม่มีเทวดาองค์ใดรับไปเป็นชายาโดยเฉพาะ นัยว่าเป็นต้นไม้ริมทางสำหรับเทวดา แหม คนที่ชื่อว่าอัปสรนี่ไม่ดีเลยแฮะ
๕. ดวงจันทร์ พระอิศวรเอาไปเป็นปิ่นปักผม
๖. พิษ ฝูงนาคสูบเอาไว้ นาคเป็นบรรพบุรุษของงู งูจึงมีพิษอยู่ทุกวันนี้
๗. พระลักษมี  มีความงามเป็นเลิศ เลยตกเป็นมเหสีของพระนารายณ์
๘. ธันวันตี  ทูนผอบใส่น้ำอมฤต ที่พวกยักษ์และเทวดาต้องการกันนักละ

พระลักษมีนั้นเกิดจากฟองน้ำ จึงได้นามว่า ชลธิชา(เกิดแต่น้ำ) และเพราะผุดขึ้นจากเกษียณสมุทรคราวกวนน้ำอมฤต จึงได้นามว่า กษิราพธิดานัย (ลูกสาวแห่งทะเลน้ำนม) และเมื่อผุดขึ้นมาแล้วถือดอกบัวจึงได้นามว่า ปัทมา หรือ กมลา(ดอกบัว)

คำว่า ลักษมี นี้ก็แปลว่า มีความถึงพร้อม คืองามพร้อม และมีสิริอันประเสริฐ จึงได้นามอีกว่า พระศรี

ในลิลิตนารายณ์สิบปางของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงพรรณนาเป็นโคลงดั้นว่า

“จากสาครผุดขึ้น        ที่เจ็ด
คือดอกกมลบาน        แจ่มจ้า
มีเทวีเสด็จ            กลางดอก
งามประเสริฐเลิศหล้า    แหล่งสาม
มีนามปรากฎต้อง    พระศรี
ศุภลักษณ์ใดปาน    เปรียบได้
งามยิ่งสุรนารี        มวลหมด
จินตกวีไร้            พจน์ชม”

ก็สวยจนไม่มีใครเทียบละ แม้แต่กวียังไม่สามารถจะหาถ้อยคำมาบรรยายได้ ฉะนั้นจึงเป็นที่ชื่นชมโดยทั่วหน้ากัน พระคงคาหลั่งน้ำมาอวยพร เทวะคชตักน้ำรดถวายเกษียรสมุทรถวายมาลัยทิพย์ พระวิศวกรรมเนรมิตเครื่องทรงถวาย

และเมื่อพระลักษมีทรงเครื่องแล้วก็ตรงเข้าเฝ้าพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงให้เธอเป็นมเหสี ในลิลิตที่ว่านั่นแหละบรรยายว่า

ครานั้นทรงเครื่องแล้ว        พระศรี
เสด็จไปเฝ้าวิษ            ณุไท้
บังคมพระจักรี            กายยอบ

วิษณุรับกอดไว้             กับทรวง

พระลักษมีนอกจากจะถือกันว่ามีความงามแล้ว ยังเป็นผู้นำมาซึ่งความเจริญ(ภคะ) จึงได้นามอีกว่า พระภควดี คือเป็นผู้อำนวยโชค ชาวอินเดียมักจะมีพระลักษมีไว้บูชาประจำบ้านเพราะถือว่าจะนำโชคหรือความเจริญมาให้ ทั้งยังมีน้ำพระหฤทัยเมตตาปรานีอยู่เสมอ มีความงามทั้งร่างกายและกิริยามารยาท มีวาจาไพเราะยวนเสน่หาอารมณ์ยิ่งนัก

อันที่จริงองค์พระนารายณ์นั้นทรงมีรักเดียวใจเดียว คือมีมเหสีองค์เดียวเท่านั้นคือพระลักษมีนี่แหละ ถ้าจะเดาก็เห็นจะเป็นเพราะพระลักษมีดีพร้อม ทั้งความงาม มารยาท วาจา น่าจะเป็นคตินะครับ เป็นคติของหญิงที่ไปทำให้สามีมีเมียน้อยนั่นแหละ อย่างไรก็ตามก็มีข่าวลือกันให้แซ่ดว่า พระนารายณ์มีมเหสีถึง ๑๐ องค์ คือ พระลักษมี พระศรี พระภควดี พระกษิราพธิดานัย พระปัทมา พระกมลา พระชลธิชา พระจันจลา พระโลลา และพระโลกมาตา ที่จริงก็องค์เดียวกันทั้งนั้นครับ แต่ได้นามกรต่างๆ กันไปอย่างที่ว่าไว้

โดยเฉพาะเรื่องพระศรีนี่ ลือจนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเทวนารีอีกองค์หนึ่ง แม้ในรามเกียรติ์ยังเข้าใจผิดเลย ตอนพระอิศวรให้พระอินทร์ไปเชิญพระนารายณ์ มีกลอนว่า

“ครั้นถึงเกษียรชลธาร        เชิงเขาจักรวาลสูงใหญ่
เห็นองค์พระนารายณ์ฤทธิไกร    ไสยาสน์เหนือหลังนาคา
องค์พระศรีอยู่เบื้องซ้าย         พระลักษมีโฉมฉายอยู่เบื้องขวา
โกสีย์กับฝูงเทวา                จึงถวายวันทาพร้อมกัน”

ความจริงไม่ใช่หรอก เป็นเรื่องเทวดาลือกันไปเอง พระศรีก็คือพระลักษมีนั่นแหละ โดยเฉพาะพระนารายณ์มักจะประทับบนอาสนะขาว เบื้องขวาของพระองค์เป็นที่ประทับของพระลักษมี และไม่มีเบื้องซ้ายด้วย ส่วนพระลักษมีนั้นมีรัศมีเปล่งปลั่งยังกะแสงฟ้าแลบ ทั้งพระวรกายของพระลักษมีก็มีกลิ่นหอมดั่งดอกบัว หอมฟุ้งจรุงกลิ่นไปถึงสองร้อยโยชน์ บางทีก็ว่าไปถึงแปดร้อยโยชน์ก็มี

อันที่จริง พระลักษมีก็ทรงเป็นกุลเทพธิดา รักเดียวใจเดียวเหมือนกัน พระนารายณ์อวตารไปปราบเสี้ยนหนามที่ไหน พระลักษมีก็ทรงลงไปด้วย เช่นเมื่อพระนารายณ์อวตารเป็น วามนาวตาร (คนค่อม) พระลักษมีก็เป็นกมลาหรือในปาง ปรศุรามาวตาร (รามสูร) พระลักษมีก็เป็น นางธรณี ปางรามาวตาร เธอก็เป็นนางสีดา ปางกฤษณาวตาร เธอก็เป็น นางรุกษิณี

เรื่องราวของพระลักษมีก็ยุ่งๆ อยู่เหมือนกันแหละ ในวิษณุปุราณะว่าพระลักษมีน่ะเป็นธิดาของ ฤาษีภฤคุ กับ นางขยาติ และยังมีเรื่องอีกว่าเธอเป็นมารดาของกามเทพ ด้วย

ยิ่งกว่านั้น พวกพราหมณืไวษณวนิกาย คือพวกที่นับถือพระนารายณ์ใหญ่เล่าว่า เดิมน่ะพระนารายณ์มีมเหสีถึง ๓ องค์ คือพระลักษมี พระสรัสวดี และพระคงคา แต่บรรดามเหสีทั้งสามนี้ต่างก็แก่งแย่งกันเป็นใหญ่หรือเป็น “หลวง” พระนารายณ์จึงประทานพระสรัสวดีให้พระพรหม และประทานพระคงคาให้พระอิศวร เหลือเฉพาะพระลักษมีเท่านั้น

สรุปพระนามพระลักษมีไว้ตรงนี้อีกครั้ง จะได้จำง่ายดี

หริปรีย แปลว่า เป็นที่รักใคร่แห่งพระหริคือพระนารายณ์
ปัทมา  แปลว่า นางบัวหลวง
ปัทมาลัย  แปลว่า ผู้สถิตในบัวหลวง
ชลธิชา แปลว่า เกิดแต่ทะเลหรือน้ำ
โลกมาตา แปลว่า มารดาโลก
กษิราพธิดานัย แปลว่า ลูกสาวแห่งทะเลน้ำนม
ลักษมี แปลว่า มีความถึงพร้อม คืองามพร้อม
พระศรี แปลว่า มิ่งมงคล
อินทิรา แปลว่า งาม

รูปของพระลักษมีมักเขียนเป็นนางงาม มีสีกายเป็นทองนั่งบนดอกบัว มือถือดอกบัว บางตำนานว่ามี ๔ กร แต่โดยมากมักเขียน ๒ กรเท่านั้น

อ้อ เรื่องของพระลักษมีตามที่เล่ามานั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงอธิบายจากวิษณุปุราณะไว้ในหนังสือพระเจ้าของพราหมณื แต่อ่านแล้วเข้าใจยากหน่อยครับ ผมขอคัดมาแทรกประดับความรู้เป็นการจบตอนนี้ด้วย

“ในวิษณุปุราณะ กำเนิดแห่งพระลักษมีกล่าวไว้เป็น ๒ นัย คือ นัยหนึ่งว่าเป็นบุตรีพระภฤคมุนีประชาบดีกับนางขยาติ (ขัณฑ์ที่๑ วรรคที่ ๘) อีกนัยหนึ่งว่าเกิดแต่เกษียรสมุทร (ขัณฑ์ที่ ๑ วรรคที่ ๘) การที่มีกำเนิดเป็น ๒ นัยเช่นนี้ ในขัณฑ์ที่ ๑ วรรคที่ ๘ มีอธิบายไว้ คือพระไมเตรยะตั้งปัญหาถามพระปราศรมุนีว่า “ตามคำที่ชนมักกล่าวกันนั้น ว่าพระศรีมีกำเนิดจากเกษียรสมุทรเมื่อกวนน้ำอมฤต ก็ไฉนเล่าท่านจึงกล่าวว่าเทวีนั้นเป็นบุตรีพระภฤคุกับนางขยาติ” พระปราศรจึงวิสัชนาว่า “พระศรีผู้เป็นมเหสีพระวิษณุ ผู้เป็นมารดาโลกนั้นไซร้ ย่อมเป็นผู้คงอยู่ไม่มีเวลาดับ ดูกรพราหมณือันประเสร็จ อันพระเป็นเจ้าย่อมสถิตอยู่ในที่ทั้งปวงฉันใด เทวีก็ย่อมอยู่ทั่วไปฉันนั้น พระวิษณุเป็นอรรถ เทวีเป็นวาจ (คำพูด) พระหริเป็นนัย เทวีเป็นนิติ พระวิษณุเป็นปัญญา เทวีเป็นวุทธิ (ความฉลาด) พระเป็นเจ้าเป็นธรรม นางเป็นกริยา พระเป็นผู้สร้าง นางเป็นภูติ พระศรีเป็นภูมิ พระหริเป็นภูธร (ผู้จุนโลก) พระเป็นเจ้าคือสันโดษ พระอมรรตยลักษมีคือดุษฎี (ความไม่ทะเยอทะยาน) พระเป็นความอยากได้ นางเป็นความคิด พระเป็นยัญกรรม นางเป็นทักษิณา เทวีเป็นอาชยาหุติ (คือการพลีด้วยเนยใส) พระชนรรทนะเป็นปุโรตวาส (เข้าเภา) พระลักษมีเป็นห้องฝ่ายใน (ที่ผู้หญิงนั่งในพิธี) พระมธุสุนทน์ เป็นห้องฝ่ายหน้า (ที่ผู้ชายนั่ง) พระลักษมีคือเวที (แท่นที่บูชาไฟ) พระหริคือยูปะ (หลักผูกสัตว์บูชายัญ) พระศรีคือเชื้อเพลิง พระหริคือกุศะ (หญ้าคา) พระคือองค์แห่งพระสามเวท กมลาศนเทวีคือสำเนียงที่สวด พระลักษมี คือสวาหา (คำมงคลบูชาไฟ) พระวาสุเทพโลกนารถคือไฟ ที่บูชา พระเสารี (พระนารายณ์ป คือพระศังกร (อิศวร) พระภูติ (ลักษมี) คือพระมเหศวรี ดูกรไมเตรยะ พระเกศวะ (นารายณ์) คือดวงอาทิตย์ แลแสงสว่างไซร้ก็คือ พระปัทมาลัยเทวี (ลักษมี) พระวิษณุคือปิตฤคณะ (ฝูงบิดาโลก) พระปัทมาคือชายา (สุวธา) ผู้ให้ความอิ่ม พระศรี คือสวรรค์ พระวิษณุผู้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสิ่งทั้งปวงคือ นภากาศ พระศรีบดี (นารายณ์) คือดวงจันทร์ นางคือแสงอันไม่เหือดหาย นางนั้นได้นามว่าเป็นผู้บันดาลให้โลกกระดิก พระคือลมซึ่งพัดทั่วไป พระโควินท์ (นารายณ์) คือ มหาสมุทร พระลักษมีคือฝั่ง พระลักษมีคือพระอินทราณี (มเหสีพระอินทร์) พระมทุสูทน์คือพระเทเวนทร(อินทร์) พระจักรินคือพระยม พระกมลาศนเทวีคือนางธูโมรณา (มเหสีพระยม) พระศรีเป็นทรัพย์ พระศรีธร (นารายณ์) คือพระกุเวร ดูกรมหาพราหมณ์ พระลักษมีคือนางเคารี พระเกศวะคือพระชลบดี (พระวรุณ) พระศรีคือเทวเสนา พระหริคือเทวเสนาบดี พระคทาธรคือการต่อสู้ พระศรีคือศักดิ์ (กำลัง) พระลักษมีคือกาษฐาและกลา พระหริคือนิเมษ และมุหูรตะ พระลักษมีคือแสงสว่าง พระหริผู้เป็นสิ่งทั้งปวงและเป็นวิศวบดี (เป็นใหญ่เหนือสิ่งทั้งปวง) คือประทีป พระโลกมาตาคือเถาวัลย์ พระวิษณุคือต้นไม้ซึ่งเถาวัลย์นั้นพันอยู่ นางคือกลางคืน พระเป็นผู้ทรงจักรคทาคือกลางวัน พระผู้จำแนกสุข(นารายณ์) เป็นสวามี พระกมลาศนเทวี คือภรรยาเทพเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลำน้ำปุลึงค์ (คือที่มีนามเป็นตัวผู้) เทวีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับลำน้ำอิตถีลึงค์ พระปัทมเนตร (นารายณื) คือธวัช พระปัทมาลัยคือเกตุ (ธง) พระลักษมีคือกาม พระนารายณ์โลเกศคือโลภ ดูกรท่านผู้รอบรู้ในทางธรรม พระโควินท์คือราค พระลักษมีผู้เป็นสุขุมาลยชายาคือรติ (ความรื่นเริง) แต่เหตุไฉนเล่าจะต้องกล่าวถึงคุณต่างๆ แห่งพระองค์ฉะนั้น สิริรวมกล่าวได้โดยสังเขปว่า ในบรรดาเทวดา สัตว์และมนุษย์ พระหริย่อมเป็นองค์แห่งเพศชาย พระลักษมีย่อมเป็นองค์แห่งเพศหญิง นอกจากพระองค์ทั้งสองนี้แล้ว จะมีสิ่งใดได้ก็หาไม่เลย”

ลองพิจารณาอ่านเถอะครับ พระไมเตรยะถามและพระปราศรมุนีตอบ คำตอบไม่ยักกะตรงคำถามเลย และตอบเสียยืดยาว จนผู้ถามลืมคำถามของตนไปแล้วก็ได้ จากคำตอบก็พอจะสรุปได้ว่า พระศรีและพระลักษมีเป็นองค์เดียวกัน และเป็นของคู่กับพระนารายณ์ แต่ไม่ตรงคำถามเลยจริงๆ
ก็ขอจบเรื่องพระลักษมีเท่านี้ละครับ

ที่มา:รองศาสตราจารย์ประจักษ์  ประภาพิทยากร