พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

Socail Like & Share

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า พระแก้วมรกต นั้น เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิทำด้วยมณีสีเขียวเนื้อเดียวกันทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๔๘.๓ เซนติเมตร สูงตั้งแต่ฐานถึงยอดพระรัศมี ๖๖ เซนติเมตร พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้เสด็จไปปราบปรามความไม่พระแก้วมรกตเรียบร้อยในแคว้นลานช้าง จึงได้เชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาจากนครเวียงจันทน์ มาถึงกรุงธนบุรี เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๑ ภายหลังพระองค์ได้ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี จึงโปรดให้ย้ายพระนครและสร้างพระราชฐานใหม่ พร้อมกันนี้ได้โปรดให้สร้างวัดไว้ในพระราชฐานสำหรับประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งได้มีพิธีแห่ข้ามฟากจากกรุงธนบุรีมาประดิษฐาน ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๒๗ แล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีพระราชศรัทธา ทรงสร้างเครื่องทรงฤดูร้อนและฤดูฝนได้เสด็จไปถวายเป็นพุทธบูชา จึงเป็นราชประเพณีเสด็จพระราชดำเนินเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรปีละ ๒ ฤดู แต่นั้นมา

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ได้ทรงสร้างเครื่องทรงฤดูหนาวถวายเป็นพุทธบูชาอีกฤดูหนึ่ง จึงมีเครื่องทรงถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรเปลี่ยนตามฤดูกาลมาจนปัจจุบัน คือ
วันแรม ๑ คํ่า เดือน ๔ เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาวเป็นเครื่องทรงฤดูร้อน วันแรม ๑ คํ่า เดือน ๘ เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนเป็นเครื่องทรงฤดูฝน
วันแรม ๑ คํ่า เดือน ๑๒ เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนเป็นเครื่องทรงฤดูหนาว

เครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน เป็นเครื่องต้นอย่างพระมหากษัตริย์ ทำด้วยทองคำลงยาประดับเพชรและมณีต่างๆ มงกุฎที่ทรงเป็นเทริด ยอดประดับเพชรเม็ดใหญ่

เครื่องทรงสำหรับฤดูฝน ทรงอย่างห่มดอง ใช้ทองคำทำเป็นกาบจำหลักลายทรงข้าวบิณฑ์ ประดับมณีต่างๆ เมื่อประกอบเข้ากับองค์พระแล้วก็เหมือนผ้าทรงอย่างห่มดอง พระศกศิราภรณ์ ทำด้วยทองคำลงยาสีนํ้าเงินแก่ ปลายพระเกศาที่เวียนเป็นทักษิณาวรรตประดับด้วยมณีเม็ดย่อมๆ ทั่วไป พระรัศมีลงยา

เครื่องทรงสำหรับฤดูหนาว เป็นผ้าทรงคลุมแต่ทำด้วยทองเป็นหลอดลงยาร้อยลวดเหมือนตาข่าย ใช้คลุมทั้งสองพระพาหา พระศกคล้ายของฤดูฝน

พระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ถือเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญ ที่องค์พระมหากษัตริย์จะต้องเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปลี่ยนด้วยพระองค์เอง เว้นแต่ทรงมีพระราชกรณียกิจไม่อาจเสด็จฯ ได้ จึงจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์เสด็จไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ พระราชกรณียกิจในพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมีดังนี้

ก่อนเวลาเสด็จพระราชดำเนิน เจ้าหน้าที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามจะได้เปลื้องเครื่องที่ทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรออก เหลือไว้แต่มงกุฎหรือพระศกศิราภรณ์

เวลา ๑๕ นาฬิกา ๓๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ณ ประตูทางเสด็จฯ เข้าวัด เจ้าหน้าที่พระแสงต้น กองพระราชพิธีถวายพระแสงดาบคาบค่าย ซึ่งเป็นพระแสงที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสร้างขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับแล้วพระราชทานให้มหาดเล็กถือเชิญตามเสด็จฯ ตลอดเวลา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นสู่พระอุโบสถ เสด็จฯ ไปยังบันไดเกยที่ฐานชุกชีด้านหลังบุษบกประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เมื่อเสด็จฯ ขึ้นถึงบุษบกทรงกราบ ต่อจากนั้นทรงเปลื้องมงกุฎหรือพระศกศิราภรณ์ออกจากพระเศียร แล้วทรงหลั่งพระสุคนธ์ด้วยพระมหาสังข์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ สร้างถวายไว้ประจำพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มีมังสีเป็นคันทวย ตั้งอยู่หน้าบุษบก แล้วทรงหลั่งพระสุคนธ์ด้วยพระมหาสังข์เพชรน้อย เสร็จแล้วทรงซับองค์พระด้วยผ้าขาว ๔ ผืน จากนั้นถวายมงกุฎหรือพระศกศิราภรณ์ แล้วเสด็จลงจากเกยไปประทับพระเก้าอี้ข้างมุมฐานชุกชีด้านเหนือ ทรงจุ่มผ้าขาวที่ได้ซับองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงในหม้อพระสุคนธ์ แล้วทรงบิดลงในโถแก้วและหม้อนํ้าเพื่อเป็นนํ้าพระพุทธมนต์สำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ด้วยพระมหาสังข์เพชรน้อย และสำหรับพระราชทานข้าทูลละอองพระบาทที่มาเวียนเทียนสมโภชพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรด้วยพระสุหร่าย

ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ออกหน้าฐานชุกชี ทรงเปลี่ยนยอดพระรัศมี พระสัมพุทธพรรณี (ฤดูร้อนกะไหล่ทอง ฤดูฝนเป็นแก้วสีนํ้าเงิน ฤดูหนาวเป็นแก้วขาว) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปของรัชกาลที่ ๔ สร้างไว้ แล้วทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่บูชาพระรัตนตรัย จากนั้นเสด็จไปประทับพระราชอาสน์ เจ้าหน้าที่ภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์เพชรน้อยบรรจุพระสุคนธ์ที่สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาทูนเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งนํ้าพระมหาสังข์ที่พระเศียรของพระองค์เองแล้วพระบรมวงศานุวงศ์เข้าไปหมอบเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งพระราชทานที่พระเศียรตามลำดับ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงพระสุหร่ายพระราชทานแก่ข้าทูลละอองพระบาทซึ่งเฝ้าฯ เรียงรายรอบผนังภายในพระอุโบสถ แล้วประทับพระราชอาสน์ หัวหน้าพราหมณ์เบิกแว่น พราหมณ์เป่าสังข์ พนักงานประโคมมโหระทึก สังข์ แตร ดุริยางค์ ข้าราชการที่ยืนเฝ้าฯ เรียงรายนั้นรับแว่นเวียนเทียนสมโภชพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เวียนเทียนครบ ๓ รอบแล้ว หัวหน้าพราหมณ์ขึ้นบันไดเกยไปเจิมพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และเจ้าหน้าที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่แต่งเครื่องทรงถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรเสร็จ เรียบร้อยกลับลงมาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการเสด็จพระราชดำเนินออกจากพระอุโบสถพระราชทานนํ้าพระพุทธมนต์ทสรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ด้วยพระสุหร่ายแก่ประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองพระบาทอยู่รอบพระอุโบสถทั้งในและนอกกำแพงแก้ว แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ ก่อนจะเสด็จฯ ออกจากประตูวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระแสงดาบคาบค่ายคืนให้เจ้าหน้าที่พระแสงต้นรับไปเก็บรักษา

งานนี้แต่งกายเครื่องแบบปรกติขาว
ที่มา:กรมศิลปากร