พระภูมิเจ้าที่ ๙ องค์

Socail Like & Share

ศาลพระภูมิ ศาลาหลังเล็กหรือเรือนหลังเล็กๆ ซึ่งเจ้าของอาคารสถานที่สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นสิ่งสิงสถิตของพระภูมิเจ้าที่  ซึ่งได้แก่ผีสางหรือเทวดาซึ่งถือว่าเป็นเจ้าของสถานที่นั้นอยู่ และเซ่นสรวงตามกาลเวลา เพื่อให้??????????????????????ท่านคุ้มครองผู้เป็นเจ้าของบ้านและที่อยู่อาศัยในบ้านนั้น

พระภูมิเจ้าที่นั้นในตำราพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งท่านเสถียรโกเศศเขียนไว้ว่าพระภูมิเจ้าที่มีอยู่ ๙ องค์ด้วยกัน คือ

๑. พระภูมิบ้านเรือน  ดังได้กล่าวแล้วข้างต้น
๒. พระภูมิรักษาประตูและหัวกระได  นี่ตรงกับทวารารักษ์ หรือทวารบาลของอินเดียและของจีน พวกเซี่ยงกาง ซึ่งทำเป็นรูปทหารหนวดยาวถืออาวุธเหยียบสิงโตของเราก็อยู่ในจำพวกพระภูมิประตูหัวกะได ที่โบราณห้ามไม่ให้เหยียบธรณีประตูเพื่อจะเข้าไปหรือออกมาก็ถือว่าที่ตรงนั้นเป็นที่อยู่ของท่าน
๓. พระภูมิรักษาโรงบ่าวสาวหรือเรือนหอ
๔. พระภูมิโรงวัวควาย
๕. พระภูมิยุ้งข้าว
๖. พระภูมินา
๗. พระภูมิสวน

๘. พระภูมิลาน
๙. พระภูมิวัด

พระภูมิอะไรก็ยังพอมองเห็นว่าน่าจะทำศาลพระภูมิไว้ตามความเชื่อถือของคน แต่พระภูมิวัดนี่ดูขัดกับหลักธรรมความเชื่อถือของพุทธศาสนิกชนจริงๆ วัดนั้นนับถือพระรัตนตรัยไม่น่าที่พระภูมิจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย

การตั้งศาลพระภูมินี้ มิใช่ว่าใครๆ จะตั้งก็ตั้งได้ ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ในกิจพิธีมาตั้งให้จึงจะได้ การตั้งศาลพระภูมิถ้าทำไม่ถูกทิศถูกทาง ก็ว่ากันว่าให้โทษมากกว่าให้คุณ ถ้าตั้งไม่ถูกพิธีแล้วอย่าไปตั้งเสียเลยดีกว่า ตั้งศาลพระภูมิแล้วก็ต้องมีหน้าที่เซ่นสรวงพระภูมิด้วยมิเช่นนั้นพระภูมิจะให้โทษ เช่นทำให้ปวดหัวตัวร้อนนอนสะดุ้งฝันร้ายเป็นต้น พระภูมินี่ก็แปลก เมื่อจะให้คุณนั้นดูไม่ค่อยจะเห็นเสียเลย ถ้าให้โทษละก็ชงัดนัก อย่างไรก็ตาม บ้านหนึ่งๆ ไม่ควรจะมีศาลพระภูมิเกินหนึ่งศาล เพราะถ้ามีหลายศาลก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องได้เหมือนกัน ข้าพเจ้าเคยเห็นบ้านหลังหนึ่งเจ้าของมีภรรยาสองคน และมีศาลพระภูมิ ๒ ศาล ถามได้ความว่าภรรยาหลวงตั้งศาลพระภูมิหลังหนึ่ง ส่วนภรรยาน้อยก็ตั้งอีกหลังหนึ่ง ของใครคนนั้นก็เซ่นสรวงกันเอง ลงท้ายภรรยาทั้งสองคนตีกันเกือบทุกวัน พระภูมิเองจะทะเลาะตีกันหรือเปล่าไม่ทราบ

เรื่องชาวพุทธตั้งศาลพระภูมินี้ ท่านผู้นับถือพุทธศาสนาท่านหนึ่งคัดค้านอย่างแข็งขันว่าเป็นเรื่องเชื่ออย่างงมงายผิดหลักของพุทธศาสนา ถึงกับประกาศรับอาสารื้อศาลพระภูมิ และเรื่องทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับท่านผู้รู้พุทธศาสนาดีที่สุดท่านหนึ่ง ท่านผู้นี้ปลูกเรือนใหม่ พ่อตาของท่านบอกว่าต้องตั้งศาลพระภูมิด้วย มิเช่นนั้นอยู่ไม่มีความสุข ท่านอึ้งอยู่นาน เพราะขืนให้ศาลพระภูมิมาตั้งอยู่ในบริเวณบ้านของท่าน ความคิดเห็นที่ท่านคัดค้านเรื่องนี้ตลอดมาก็จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอา แต่ด้วยเชาว์ไหวพริบดี เพื่อมิให้บัวช้ำน้ำขุ่น จะไปขัดคอพ่อตาก็ใช่ที่ ท่านผู้นี้จึงบอกว่า ท่านเป็นถึงพระภูมิเจ้าที่ จะให้ท่านอยู่เรือนหลังเล็กๆ แล้วเราเองมาอยู่บ้านหลังใหญ่หลายเท่า ดูเหมือนจะไม่เหมาะนัก ทางที่ดีเราควรจะอัญเชิญท่านมาสิงสถิตอยู่บนเรือนใหญ่นี่แหละ ท่านจะอยู่ตรงไหนให้ท่านเลือกเอา พ่อตาเห็นชอบด้วย บ้านหลังนั้นจึงทำเพียงอัญเชิญพระภูมิเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีศาลพระภูมิอยู่ต่างหากจนทุกวันนี้ เรียกว่าท่านผู้นั้นรอดตัวไปได้

พระภูมินั้นเป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปว่าท่านชอบกินหัวหมูและกินไก่ ถึงกับพูดว่า “พระภูมิกินไก่ ไก่กินปลวก ปลวกกินศาลพระภูมิ” ดูไปแล้วพระภูมิเองก็คุ้มครองศาลาของตัวเองจากภัยปลวกไม่ได้ แล้วจะมาคุ้มครองเราได้อย่างไร ยังสงสัยอยู่

อย่างไรก็ตามในชีวิตของเราทุกวันนี้ คนบางคนก็ทำตัวเป็นพระภูมิ ใครไม่เซ่นวักตักแตนก็ทำโทษให้เป็นที่เดือดร้อนต่างๆ นานา และคนเราบางคนก็ชอบหาพระภูมิไว้คุ้มกันตัวเสียด้วย ถ้าเรามีพระภูมิเพียงน้อยองค์ เราก็เสียเครื่องเซ่นน้อยหน่อย แต่ถ้ามีพระภูมิหลายองค์ ก็คงต้องเที่ยววิ่งเต้นหาเครื่องเซ่นลำบากเหมือนกัน ถ้าไม่อยากเสียเครื่องเซ่นก็มีวิธีเดียวเท่านั้นคือท่านไม่ต้องพึ่งพระภูมิ คนที่พึ่งพระภูมิดูเหมือนไม่ใช่คนที่ตั้งหน้าทำมาหากินโดยสุจริตนัก

ศาลอีกชนิดหนึ่งเข้าใจว่าเป็นทำนองเดียวกับศาลพระภูมินั่นคือศาลที่สร้างขึ้นตามสถานที่ต่างๆ ที่เห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ได้แก่ศาลเทพารักษ์หรือศาลเจ้า ศาลเทพารักษ์หรือศาลเจ้านี้จะแบ่งออกเป็นชั้นๆ ตามความสำคัญของสถานที่หรือเทพารักษ์

ตามข้างถนนหลายแห่งโดยเฉพาะตรงทางโค้ง หรือที่มีต้นไม้ใหญ่มักจะมีศาลเหมือนศาลพระภูมิอยู่เสมอ ศาลเหล่านี้ประชาชนสร้างขึ้นเพราะว่าเกิดมีอุบัติเหตุขึ้น ณ สถานที่นั้นหลายครั้งหลายคราวจนเป็นที่หวาดและเกรงกลัวของผู้ที่ขับขี่ยวดยานไปมา เพื่อให้วิญญาณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้สิงสถิตอาศัยอยู่โดยปกติสุขไม่ไปก่อให้เกิดทุกข์ภัยแก่ผู้อื่นอีกและเพื่อให้คุ้มครองแก่ผู้สัญจรไปมา ศาลชนิดนี้มีประโยชน์อยู่มาก สำหรับจะได้เตือนผู้ที่ขับขี่รถเร็วๆ เพราะจะได้เป็นเครื่องเตือนใจ ให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็วของรถลงเมื่อจะถึงหรือผ่านสถานที่นั้นๆ ศาลเทพารักษ์เหล่านี้ศักดิ์สิทธิ์และขลังกว่าป้ายสัญญาณเตือนอันตรายของกรมทางมากนัก มีสถานที่หลายแห่งที่ทางการปักป้ายห้ามขับรถเกินที่กำหนดไว้ เช่นห้ามขับเกิน ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หามีผู้สนใจไม่ ต่อเมื่อมีผู้ขับรถคว่ำตายไปหลายรายและมีผู้สร้างศาลเทพารักษ์ขึ้นแล้ว ผู้ขับรถจึงต้องลดความเร็วของรถลงตามที่ทางราชการกำหนดไว้ ดังนี้ก็มี ศาลเทพารักษ์นี้ ถ้าเป็นศาลที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นศาลเจ้าพ่อหรือศาลเจ้าแม่ละก็ มักจะมีคนไปเซ่นไหว้มิค่อยได้ขาด เช่น ศาลปู่หลุบในเส้นทางจากขอนแก่นไปจังหวัดเลย ใกล้จะถึงผานกเค้าในเขตอำเภอภูกระดึง มีคนสร้างเป็นตึกและมีคนเอาเหล้าไปเซ่นวันละหลายๆ ขวด มีเฮียกงคอยเก็บกวาดปฏิบัติเจ้าพ่อปู่หลุบอยู่ประจำ เฮียกงนั้นได้อาศัยเหล้าเครื่องเซ่นที่เหลือจากเซ่นเจ้าพ่อกินเองบ้างขายไปบ้างพอประทังชีพอยู่ได้

ที่มา:วิชาภรณ์  แสงมณี