ผลการวิจัยปรอทรักษาโรค

Socail Like & Share

ปรอทรักษาโรคได้ผลเร็วหลายโรค
ปรอทนำมาใช้ประโยชน์ในแง่ต่างๆ และจำเป็นต้องใช้ในการวัดอุณหภูมิของอากาศ, วัดไข้, ควบคุมนาฬิกา ให้เดินโดยไม่ต้องไขลาน, ควบคุมกลไกในเครื่องบิน ในเรือ, ในเครื่องบินในอาวุธต่างๆ ใช้ปรอทในการรักษาโรคให้หายได้เร็วหลายโรครวมทั้งโรคเอดส์ มะเร็ง และใช้ประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย เพราะปรอทมีคุณสมบัติพิเศษหลาย อย่าง การขยายตัวเป็นอัตราตายตัวถูกต้อง คือเพิ่มความร้อนขึ้นสองเท่าก็ขยายตัวเป็นสองเท่าความร้อนเพิ่มขึ้นห้าเท่าปรอทก็ขยายตัวเป็นห้าเท่า ยังไม่มียังไม่พบธาตุอื่นที่ขยายตัวได้ตามส่วนดังกล่าว จะยกตัวอย่างบางประการในการทดลองค้นคว้าวิจัย ตามที่แพทย์ฝรั่งเขียนตำราไว้คือ

๑. ปรอทเป็นยาประเภทยาถ่าย ทดลองโดยเสกปรอทแล้วอธิษฐานกินครั้งละหนัก ๒ บาทถึง ๔ บาท จะทำให้ถ่ายได้หลายครั้ง และอธิษฐานให้หยุดถ่ายก็ได้ ได้ทดลองกินเอง ให้คนไข้กิน ให้สัตว์กิน ได้ผลเป็นยาถ่ายจริง

๒. ปรอทเป็นยาขับนํ้าดี ได้ทดลองใส่ปรอททางฝ่ามือ หรือให้กินแก้ท้องอืดอาหารไม่ย่อยได้ผล เมื่อเป็นโรคดีซ่านก็ใช้ปรอทแก้ได้

๓. ปรอทเป็นยาบำรุงกำลัง ได้ทดลองใส่ปรอท ทางฝ่ามือให้คนไข้มากว่า ๕๐๐ ราย ช่วยให้มีกำลังดีขึ้น แก้อ่อนเพลียได้แน่นอน

๔. ปรอทเป็นยาแก้ปวด ได้ทดลองใช้ปรอทแก้ปวดมากว่า ๕๐๐ คน ได้ผลแก้ปวดได้ดี คนไข้ที่ให้มอร์ฟีนแก้ปวด ในรายปวดมากไม่หายปวด แต่ใส่ปรอทจะหายปวดได้ ในระยะหนึ่ง

๕. ปรอทเป็นยาขับปัสสาวะได้ทดลองใส่ปรอท ให้คนไข้หลายราย จะช่วยให้ถ่ายปัสสาวะได้คล่อง

๖. ปรอทเป็นยาปรับปรุงสุขภาพ ได้ทดลองใช้ปรอทรักษาโรคที่ทำให้อ่อนเพลีย เจ็บป่วยให้หายจากโรค และมีสุขภาพดีมาหลายราย มาเป็นเวลา ๔๐ปีแล้วได้ผลดี

๗. ปรอทเป็นยาฆ่าเชื้อโรคได้ใช้ปรอทรักษาโรคได้ผลดีได้ผลเร็วหลายอย่าง

การค้นคว้าทดลองในแง่อื่นๆ มีหลายอย่างที่ทดลองด้วยตนเอง ตัวอย่างเช่น
การทดลองใช้ปรอทที่เสกป้อนลูกไก่พันธุ์ผสม อายุประมาณ ๗ วันจำนวนประมาณ ๑๒ ตัว และเลี้ยงตามธรรมดาไม่ให้ปรอท ปรากฏว่าในเวลา ๒ เดือน ลูกไก่ที่ป้อนปรอทโตเร็วกว่าลูกไก่ที่เลี้ยงด้วยอาหารผสมอย่างเดียวกันถึง ๒ เท่า หลังจากนี้ได้ทดลองกินปรอทดูด้วย ตนเองครั้งละหนัก ๑ บาท, ๒ บาท ถึง ๔ บาท ก็ไม่มีโทษ กลับบำรุงกำลังและช่วยรักษาโรคด้วย

ทดลองใส่ปรอทที่ฝ่ามือช่วยรักษาโรคกระดูกหัก ปรากฏว่ากระดูกติดกันหายเร็ว คือแทนที่จะหายใน ๓ เดือน จะหายได้ภายใน ๑ เดือน
ทดลองใส่ปรอทรักษาแผลมะเร็งที่จะต้องตัดขาก็รักษาหายมาหลายราย ไม่ต้องตัดขา

การทดลองใส่ปรอทรักษาโรคเอดส์ก็ได้รักษามาหลายราย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่โรคจะหายเป็นปกติ แข็งแรงดี ใช้เวลารักษาไม่เกิน ๔ เดือน
ทดลองใส่ปรอทรักษาวัณโรค อาการปานกลางจะหายได้แข็งแรง ทำงานได้ภายใน ๒ หรือ ๓ เดือน

ทดลองรักษาวัณโรคระยะต้นมีแผลที่ปอดใหญ่ ประมาณปลายนิ้วชี้ จะหายแผลปิดสนิท เอ็กซเรย์ดูใหม่ไม่พบแผล เคยรักษาผู้จะไปทำงานต่างประเทศ ๒ รายที่ตรวจโรค เอ็กซเรย์พบแผลวัณโรครักษาด้วยปรอท ๗ วัน แผลหาย เอ็กซเรย์ไม่พบแผลได้ไปทำงานตลอด ๒ ปี ก็ไม่เป็นอีกเลย

เรื่องการทดลองวิจัยผลการใช้ปรอทนี้ได้ทำมามาก ยกมากล่าวเพียงบางเรื่องที่ทดลองมาก เพราะได้ถูกฟ้องว่าหลอกลวงประชาชนให้มาตายมากด้วยการเอาปรอททามือรักษาโรคมะเร็ง โดยกระทรวงสาธารณสุขมีหนังสือฟ้องมาทางกระทรวงกลาโหมใน พ.ศ. ๒๕๐๓ ขณะผู้เขียนรับราชการอยู่ที่กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้ขอร้องให้ท่านเจ้ากรม ฯ ตั้งกรรมการสอบสวนโดยให้มีอนุศาสนาจารย์ เป็นกรรมการร่วมด้วยหนึ่งคน ผลปรากฏจากการประชุม ผู้ที่เคยรักษาทั้งที่หายจากโรคแล้ว และที่อาการดีขึ้นแล้ว ปรากฏว่ามีนายแพทย์ซึ่งเป็นรุ่นเดียว กับประธานกรรมการเป็นวัณโรคประเภทเป็นสปอร์คือมีพังผืดหุ้ม ยาฉีดเข้าไม่ถึง ถ้าหยุดฉีดยาแผลและสปอร์จะขยายใหญ่ขึ้นรักษาให้ปรอททางฝ่ามือ อาการดีขึ้นมากแล้ว และมีคนไข้มะเร็งที่หายหลายคนมายืนยัน จึงรอดจากความผิด และรู้สึกขอบคุณที่คณะผู้ก่อเหตุใส่ความ ให้มีการฟ้องร้องว่าหลอกลวง เพราะได้รับประโยชน์หลายอย่าง ประการแรกไม่มีคนไข้ไปให้รักษา เพราะทางการไม่ให้รักษา ระหว่างนั้นมีคนไข้วันละประมาณ ๓๐ คน และค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
ประการที่ ๒ ทำให้มีกำลังใจที่จะค้นคว้าวิจัยให้เห็นชัดว่า ปรอทรักษาโรคต่างๆ ได้ผลดีได้ผลเร็วจริง
ประการที่ ๓ เป็นการช่วยชีวิตมนุษย์ทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ที่กำลังเป็นโรคเอดส์ มะเร็ง และโรคที่ฝรั่งยังคิดยารักษาไม่ได้ผล มีแต่ตายมากขึ้น โดยการสอนทั้งไทยและชาวต่างประเทศ ต่างศาสนา โดยไม่คิดค่าสอนและไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา นอกจากสอนยังเขียนคู่มือรักษาโรคต่างๆ โดยละเอียดให้เป็นคู่มือฝึกทำได้เอง ส่วนมากเกือบทั้งหมดเป็นคำสอนที่ได้รับการสอนจากพระอาจารย์ในดงลึก และการรักษาโรค การแสดงฤทธิ์ การพิสูจน์ให้เห็นจริงเรื่องผี เรื่องเทวดา มีกล่าวอยู่ในพระไตรปิฎกมากมาย แต่ไม่มีรายละเอียดให้ทำตามได้ เพราะมุ่งหมายจะสอนทางศีลธรรมเป็นหลัก

ศิลาจารึกวัดโพธิ์ มีจารึกเรื่องปรอทตามตำรา ศิลาจารึกวัดโพธิ์ พระนคร พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ในหน้า ๑๖๔ มีฤๅษีชื่อ“ภรัต” เป็นผู้หมั่นเพียร และรอบรู้ในตำรับปรอท

หลังจากผู้เขียน เจ้าของวิทยาศาสตร์ทางใจ ได้บรรยายเรื่องปรอทว่าสามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ และ เคยแสดงการใช้อำนาจจิตบังคับปรอทเข้าตัวคนแล้วเรียกออกมาได้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๓ แล้ว ก็พักการรักษาโรคด้วยอำนาจจิตให้ประชาชนทั่วไป เพราะมีผู้สงสัยว่า หลอกลวงกับประกอบกับได้ชี้แจงว่าจะต้องวิจัยให้ถ่องแท้ ดูสถิตินานๆ เสียก่อน ผลการวิจัยค้นคว้าจะกล่าวในรูปถามตอบตามที่เคยถูกซักถามมาคือ

ถาม : ปรอทมีความสำคัญต่อคนหรือส่วนรวมอย่างไรท่านจึงมาค้นคว้าเรื่องปรอทและผลการค้นพบมีอย่างไร รักษาโรคอะไรบ้าง?

ตอบ : ความสำคัญของปรอทที่มีต่อประเทศชาติ ก็คือใช้ประโยชน์มากเกือบทุกแง่ทุกมุม เช่น เกี่ยวกับ การอุตสาหกรรม, การแพทย์, การทหาร, การศาสนา, การเศรษฐกิจ และอื่นๆ สินค้าขาเข้านั้น ของที่ใช้ปรอทผสมนับเป็นจำนวนและราคาสูงกว่าวัตถุอื่นๆ กระจกส่องหน้าก็ทาด้วยปรอทอ๊อกไซด์ โรงงานใหญ่ๆ เช่น โรงอบไม้ที่บางโพพระนคร ก็ใช้ปรอทเป็นจำนวนมาก ควบและคุมบังคับให้เครื่องทำงานหรือหยุดทำงานควบคุมความร้อนและใช้กำลังปรอทเปิดปิดประตูใหญ่ๆ การวัดความร้อนและความกดดันของอากาศก็ใช้ปรอท นาฬิกาอัตโนมัติอันเที่ยงตรงก็ใช้ปรอท การแพทย์ใช้ปรอทวัดคนไข้เป็นประจำวัน ใช้ปรอทเข้าตัวยาที่ดีหลายอย่าง ส่วนในการทหารกระสุนทุกนัดนั้นก็มีปรอท ที่ท้ายกระสุนมีดินกรดปรอทสำหรับจุดระเบิด ดินระเบิดแรงสูง ทำโดยผสมปรอทสดก็ได้ ในเรือรบใหญ่ๆ เครื่องบินก็ต้องใช้ปรอท ทางการศาสนาก็เข้าไปพัวพันในทางอ้อม เช่นทำลูกอมปรอท ทำพระปรอท หรือใช้อำนาจจิต อำนาจคุณพระปลุกเสกปรอทให้แข็งโดยไม่ต้องเจือปนธาตุอื่น ใช้ปรอทในทางรักษาโรคภัยและป้องกันอันตรายบางอย่างได้ ปรอทใช้ประโยชน์ได้มากมายและมีคุณสมบัติเป็นพิเศษหลายอย่าง ปรอทแท้ๆ นั้น มีอยู่ในอากาศไปในอากาศได้ไกลๆ ดังนั้นปรอทจึงเป็นสิ่งที่ควรจะได้รับความสนใจอย่างมาก

ปรอทธรรมดาที่ใช้ประโยชน์กันมากในปัจจุบัน ไม่ใช่ธาตุแท้แต่เป็นวัตถุผสมระหว่างธาตุอื่นและไอปรอท ไอปรอทเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเชื้อราที่เล็กและน่าอัศจรรย์ไปในอากาศได้ดึงดูดธาตุอื่นๆ หรือเข้าไปรวมกับธาตุอื่นๆ ได้แล้วทำให้ธาตุอื่นหนักกว่าเหล็ก และมีคุณสมบัติเหมือนธาตุแท้หรือมีกำลังอำนาจพิเศษได้หลายอย่าง เราขับเคลื่อนไอปรอทออกจากปรอทธรรมดาได้ด้วยความกดดันและความร้อนที่เหมาะ ซึ่งจัด ขึ้นได้ด้วยอำนาจจิตหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ไอปรอทสามารถทำลายตัวเชื้อโรคหลายประเภทเช่นตัวเชื้อ ตัวเชื้อเหล่านั้นจะอยู่ในตัวคนในตัวสัตว์หรืออยู่ในที่ใดๆ ก็ตาม ไอปรอททะลุทะลวงผ่านเนื้อผ่านกระดูกของสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีเซลประเภทเดียวกับคนโดยไม่ทำอันตรายแก่ เซลที่ดี และไม่สะสมตกค้างอยู่ในร่างกาย วิจัยจากตำรับโบราณแล้วทดลองและติดตามผลกับตัวเอง คนอื่น, สัตว์, ดินปืนและวัตถุอื่นๆ มาเป็นเวลานาน โดยใช้วิชาการทางวิทยาศาสตร์ และทางอำนาจจิต สมาคมใดต้องการพิสูจน์ทดลองเพื่อใช้ประโยชน์แก่ส่วนรวม และประเทศชาติในทางอุตสาหกรรม ทางการแพทย์ และทางอื่นๆ เรายินดีให้ความกระจ่างแจ้งในเมื่อจะพูดกันอย่างบัณฑิตไม่แฝงความอันธพาลหรือเอาแต่ใจตัว

สำหรับปรอทนั้นโบราณถือว่าเป็นของกายสิทธิ์คือ มีฤทธิ์อำนาจพิเศษในตัว และใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ต่างๆ นานา เอาปรอทธรรมดาติดตัวไว้ก็กันผีกันไข้ป่าได้ ใช้ปรอทประกอบกับอำนาจจิตทำให้เกิดฤทธิ์อำนาจได้แปลกๆ ใช้ในทางยาก็รักษาโรคได้หลายอย่าง ใช้ในทางคงกระพันชาตรีใช้ในทางเมตตามหานิยมและแก้พิษยา พิษสัตว์ก็ได้ ใช้ปรอทผสมกับธาตุอื่นผสมกับยาอื่นก็ทำได้หลายอย่าง ดังปรากฏในตำราวัดโพธิ์ฉบับสมบูรณ์หน้า ๒๓๐, ๒๓๖, ๒๓๗ และ ๔๑๔ ใช้ปรอทผสมยาอื่น แก้โรคเรื้อน โรคมะเร็งทั้งปวงเป็นต้น ปรอทจะเป็นของกายสิทธิ์จริงหรือไม่และความรู้เรื่องปรอทนั้น นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มีเครื่องมือทันสมัยมาก แต่มีความเห็นขัดแย้งกันกับอาจารย์ผู้มีสมาธิสูงนั้น ใครจะเป็นฝ่ายถูกก็เชิญลองศึกษาพิจารณาและทดลองกันดูต่อไป
ที่จริงกล้องสมัยใหม่ไม่สามารถจะเห็นส่วนเล็กที่สุดของธาตุ ซึ่งเรียกว่าปรมาณูได้ และส่องไม่เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้ทุกอย่าง เช่นไม่เห็นตัวเชื้อมะเร็งเป็นต้น ฉะนั้นหลักเกณฑ์หลายอย่างจึงต้องอาศัยคาดคะเน หรือพิจารณาตามผลที่ปรากฏออกมา ดังนั้นหลักวิชาจึงมีการผิดพลาด และแก้ไขกันอยู่เสมอไม่มีการจบ ในเรื่องยาดีๆ ก็ต้องค้นคว้าขึ้นใหม่เรื่อยไป เพราะยังมียาอีกมาก อย่างที่ให้คุณดีพร้อมกับมีโทษร้ายแรงประจำอยู่ด้วย

วิทยาศาสตร์สมัยใหม่กำลังพออกพอใจในเรื่องการแตกตัวของปรมาณู หนังสือไทม์ประจำ ๖ ต.ค. ๒๕๔๐ กล่าวไว้ว่า ในปี ๒๕๐๕ นี้ทางอเมริกาให้ทุนค้นคว้า และสอนการใช้ไอโซโทปของธาตุต่างๆ ประกอบกับการฉายแสง แต่ความจริงเรื่องไอโซโทปนั้น ฤๅษีได้ใช้มาก่อนและที่แน่ๆ คือไอโซโทปของปรอท ไอโซโทปนั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงในปรมาณูของธาตุ แต่ธาตุนั้นยังเป็นธาตุเดิมอยู่ต่างแต่ว่าคุณสมบัติทางเคมีเปลี่ยนแปลงไป เช่นนํ้าหนักเปลี่ยนแปลงความว่องไวหรือสมบัติอย่างอื่นๆ เปลี่ยนไป วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ถือว่าปรอทเป็นธาตุแท้ แต่อาจารย์ทางจิตเห็นว่าปรอทที่ซื้อขายกันอยู่นั้นไม่ใช่ธาตุแท้แต่มีธาตุอื่นเจือปนอยู่ ถ้าปรอทแท้แยกตัวออกก็จะล่องลอยไปในอากาศได้และไปรวมกันที่ใดก็ได้ นอกจากนั้นยังเห็นว่าปรอทเป็นพวกเชื้อราชนิดหนึ่ง ลองค่อยๆ คิดและพิจารณาดู ทดลองดู ว่าใครจะถูก

เอาปรอทกรอกปากคนที่ตาย ปรอทจะรักษาศพไม่ให้เน่า ศพจะแห้งไปทั้งตัวอยู่ได้นับร้อยปี ที่จริงปรอทจะเข้าไปอยู่ในกระเพาะ ลำไส้ แต่ครั้นแขนขาหรือส่วนสมองของศพจะเน่าปรอทแท้ก็จะแยกตัวไปยังส่วนต่างๆ ช่วยไม่ให้เน่าได้ นักวิทยาศาสตร์ก็เคยใช้ปรอททำให้สัตว์แห้ง (สตาฟฟ์) มาแล้ว ภายหลังมียากันเน่าอย่างอื่นดีกว่าคือรักษาสีของสัตว์ได้ด้วยจึงเลิกใช้ปรอท (ปรอท จะช่วยรักษากันเน่าได้เฉพาะสัตว์เนื้อหยาบหรือมีกล้ามเนื้อลาย)

เอาปรอทใส่ขวดยางแล้วเปิดขวดไว้บีบขวดไปมา ปรอทจะดึงธาตุอื่นเข้ามาบ้าง ปรอทแท้ระเหยหนีบ้าง ปรอทที่เหลือจึงมีคุณสมบัติเลวลงคือดำและเบาขึ้นกว่าเก่า

เอาปรอทวางบนฝ่ามือแล้วเอานิ้วมือกดไปบ้างถูไปบ้าง ไอปรอทหรือปรอทแท้จะแทรกไปในหัวแม่มือ แม้จะล้างมือเช็ดมือจนเกลี้ยงก็ยังมีไอปรอทแฝงอยู่ภายใน ถ้าเอาหัวแม่มือนั้นมาถูกทองไอปรอทจะแล่นมาจับทองเป็นคราบขาว ถ้าถูตะกั่วอ่อนปรอทจะแล่นไปทำให้ตะกั่วอ่อนสลายติวเป็นขุยคล้ายบุหรี่และปูด แล้วหักลงแล้วปูดออกต่อๆ ไปจนทะลุได้

เอาปรอทใส่ฝ่ามือแล้วเอาหัวแม่มือถูไปมาพร้อมกับใช้อำนาจจิตอธิษฐานให้ปรอทเข้าตัวคน ปรอทแท้ก็แยกตัวแล่นไปในตัวคนได้ไปช่วยรักษาให้โรคหายได้ ส่วนปรอทที่เหลืออยู่ในฝ่ามือเป็นขี้ปรอทละเอียดเป็นแป้งอยู่เก็บไว้นานๆ ก็คืนตัวเป็นปรอท และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นปรอทที่ดีขึ้นทีละน้อย อนึ่ง ปรอทที่เข้าตัวคนไปแล้วจะเรียกออกด้วยอำนาจจิตก็ทำได้ ปรอทที่ถูกอำนาจจิตแล้ว เข้าไปอยู่ในร่างกายคนประมาณ ๑ วัน ก็ระเหยออกไปเองได้ ไม่ไปทำอันตรายแก่อวัยวะภายใน ส่วนขี้ปรอทที่เกิดโดยอำนาจจิตทำให้ละเอียดนั้นก็อมได้ กินได้ กลับไปช่วยรักษาโรคภายในได้ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่ทำกันอยู่หลายแห่งในปัจจุบัน และมีหลักฐานตำราเกี่ยวกับปรอทอยู่มาก

เอาปรอทธรรมดาใส่ปากแล้วบ้วน จะทำให้เหงือกอักเสบและเจ็บปวด เอาปรอทใส่ชามแล้วเอาฝ่ามือช้อนปรอทถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน ปรอทจะเข้ามือแต่ไม่แล่นเหมือนใช้อำนาจจิตจึงทำให้ฝ่ามืออักเสบบวมเจ็บปวดขึ้น ในป่าทึบหรือใกล้บ่อทองหรือใกล้ที่แฉะที่มีแสงปรอทเรืองๆ ในเวลากลางคืน ไปนั่งนอนอยู่บริเวณนั้นจะอ่อนเพลียลงและเป็นไข้ปรอท ถ้าขืนอยู่ไปก็ตายได้ แต่ถ้าเอาปรอทเข้าตัวด้วยอำนาจจิตแล้ว ปรอทเถื่อนจะทำอันตรายไม่ได้

เมื่อถูกพิษงูพิษตะขาบแมลงป่อง พิษว่านใช้ปรอทประกอบอำนาจจิตรักษาได้ หรือใช้ป้องกันได้

ปรอทชอบอยู่ในที่เย็นหรือที่มีของเน่าเปื่อยหรือที่มีธาตุซึ่งปรอทชอบเข้ารวมตัว

เอาปรอทธรรมดาใส่กล่องตะกั่วหรือใส่ทองจะไม่เกิดปฏิกิริยาหรือไม่ผสมกัน ไม่เปลี่ยนแปลงแต่ถ้าให้ความร้อนความกดดัน หรือใช้อำนาจจิตปรอทแท้ก็แยกตัวไปผสมทองหรือตะกั่วได้

ปรอทแข็งหรือพระปรอทในตำราก็บรรยายสรรพคุณไว้มาก ถ้าทำไม่ได้ดีถึงขนาดก็ย่อมไม่ได้ผลตามที่บรรยายไว้ หรืออาจจะใช้ได้เพียงระยะต้นๆ นานไปก็เสื่อม เพราะปรอทเป็นของกายสิทธิ์หนีไปได้ การฆ่าปรอทให้ตาย หรือฆ่าปรอทให้ตายเป็นกายสิทธิ์นั้นมีทั้งวิธีใช้จิตและใช้ธาตุอื่นประกอบกับจิต หรือใช้ว่านเป็นเครื่องช่วยได้หลายชนิดดังปรากฏอยู่ในตำรากบิลว่าน และในตำรับปรอท การบรรยายรายละเอียดมากไป อาจจะไม่ตรงกับความประสงค์ของผู้อ่าน ฉะนั้นจึงขอเปลี่ยนเป็นการทดลองให้เห็นจริงและเปิดให้ซักถามต่อไป

กล่าวโดยย่อปรอทมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง เช่นมีความแน่น และนํ้าหนักมากกว่าวัตถุหรือธาตุอื่นๆ มีความไวทั้งการเข้าผสมและการเล็ดลอดทะลุทะลวงเข้าสู่สิ่งอื่นหรือหนีไป แม้ในเนื้อในกระดูกก็ลอดเข้าไปได้ ยืดตัวขยายได้มากไปในอากาศได้ไปรวมตัวกันในที่อื่นก็ได้ มีรังสีในตัวและมีคุณสมบัติเหมือนเชื้อรา ดังนั้นปรอทจึงใช้ประโยชน์ได้เกือบทุกแง่ทุกมุม ตัวอย่างเช่น

๑. ทางการแพทย์ทั้งแผนโบราณและปัจจุบันยังใช้อยู่มาก (เป็นยาโดยตรงหรือใช้ผสมกับสิ่งอื่น ใช้ทำปรอทวัดคนไข้ฯ)

๒. ทางอุตสาหกรรม ทางเศรษฐกิจการค้า (ใช้ในการถลุงแร่ ใช้ในกิจการร้านทอง ทำกระจกและพวกวัตถุสะท้อนแสง ทำนาฬิกาอัตโนมัติ ใช้ปรอทควบคุมเครื่องยนต์กลไกหรือเปิดปิดประตูใหญ่ๆ เช่นในโรงงานอบไม้ ฯลฯ)

๓. ทางอุตุวิทยา (การพยากรณ์อากาศ) ใช้ปรอท วัดความร้อน วัดความกดดันของอากาศ

๔. ในกิจการทางศาสนา ทางการทหาร และอื่นๆ ก็ใช้ปรอทเป็นประโยชน์ได้หลายอย่างใช้ในทางเวทย์วิทยาต่างๆ ใช้ได้ทั้งการป้องกันสรรพอันตราย ภูตผี ใช้ได้ทั้งทางสังหารทำลาย หรือทำให้วิบัติกระสุนทุกนัด ก็มีดินกรดปรอทสำหรับจุดระเบิดที่ท้ายกระสุน จะให้ดินระเบิดแรงขึ้นก็ใช้ปรอทผสม (ใช้กับพลุบั้งไฟก็ได้) ในเรือใหญ่ๆ ก็ต้องใช้ปรอทพระปรอท ลูกอมปรอท ปรอทกรอ ลูกนิมิต ก็ล้วนใช้ปรอทเข้ามาประกอบกับอำนาจจิตอำนาจคุณพระ จึงมีอำนาจเพิ่มดีขึ้น

๕. การใช้ปรอทในกิจการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนปัจจุบันก็ใช้ปรอทในกิจการแพทย์อย่างกว้างขวาง และมีหลักฐานเกี่ยวกับการใช้และคุณประโยชน์ของปรอทอยู่มาก ขอยกตัวอย่างในหนังสือแพทย์ศาสตร์นิทเทส (วิชาแพทย์แผนปัจจุบัน) ของขุนนิเทศสุขกิจ อดีตเลขาธิการนายทะเบียน และหัวหน้ากองควบคุมการประกอบโรคศิลปะกระทรวงสาธารณสุข พิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๐๑ หน้า ๗๖, ๙๓, ๑๐๐, ๑๒๑, ๑๓๘, ๑๔๔, และหน้า ๑๔๙ คือ

หน้า ๗๖ ปรอทเป็นยาประเภทยาถ่าย
หน้า ๙๓ ปรอทเป็นยาขับน้ำดี
หน้า ๑๐๐ ปรอทเป็นยาบำรุงกำลัง
หน้า ๑๒๑ ปรอทเป็นยาแก้ปวด
หน้า ๑๓๘ ปรอทเป็นยาขับปัสสาวะ
หน้า ๑๔๔ ปรอทเป็นยาปรับปรุงสุขภาพ
หน้า ๑๔๙ ปรอทเป็นยาฆ่าเชื้อโรค

ในปัจจุบัน ก็ใช้ปรอทเป็นยาผสมยากินยาทาที่ได้ ผลดีหลายอย่าง เช่น ปรอทเปอร์คลอไรด์ละลายนํ้ากิน แก้โรคพุพอง (ชนิด Lichen Planus) ที่ใช้เป็นยาทา แก้โรคผิวหนังโรคพุพองเช่นขี้ผึ้งปรอท ปรอทออคไซด์ เหลืองขี้ผึ้ง ปรอทเหลือง ขี้ผึ้งปรอทคลอไรด์ ปรอทแอมโมเนีย ขี้ผึ้งปรอทแอมโมเนีย ที่ใช้ผสมเป็นยาฉีด คือ ปรอทซาลิซิเลด ใช้ฉีดแก้โรคซิฟิลิสระยะที่ ๒ และระยะ ที่ ๓ การตรวจไต การตรวจเนื้องอกในสมอง ใช้ปรอทช่วยได้ชัดเจนกว่าอย่างอื่น ๆ ในเรื่องนี้ ดร.แอลแจฟ แห่งรัฐลอสแอนเจลิสอเมริการายงานต่อที่ประชุม สหพันธ์อเมริกาเหนือแห่งสถาบันศัลยแพทย์นานาชาติ เมื่อปลายปี ๒๕๐๗ ว่า การตรวจเนื้องอกอาจทำได้ดี หลังจากฉีดสารกัมมันตภาพรังสีเข้าเส้นโลหิต แต่สำหรับ เนื้องอกในสมองใช้ปรอทกัมมันตภาพรังสีปรอทจะจับตัวอยู่ที่ก้อนเนื้องอกในสมอง และรังสีของสารนี้จะปฏิกิริยากับฟิล์มถ่ายภาพทำให้ศึกษาขนาดและตำแหน่งเนื้องอกได้ชัดเจนกว่าการตรวจแบบอื่น…การตรวจไตก็ใช้ปรอทกัมมันตภาพรังสี….ข่าวนี้นอกจากลงในวารสารอเมริกาแล้วยังมีลงใน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ฉบับวันที่ ๑๙ กันกายน พ.ศ. ๒๕๐๗ และนำลงในวารสารวิทยาศาสตร์ของสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยฉบับเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๐

ถาม: หลายคนที่กล่าวว่าวัณโรคนั้นเป็นเรื่องเล็กในสมัยนี้ แต่ก็ยังปรากฏว่ามีคนเป็นเรื้อรังอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร? แผนโบราณ มีอาจารย์รักษาได้ผลดีอยู่ที่ไหน

ตอบ: ในต่างประเทศแม้ที่เป็นมหาอำนาจเขาก็ไม่เห็นว่าวัณโรคเป็นเรื่องเล็ก กลับเป็นเรื่องใหญ่ต้องทุ่มเทเงินช่วยเหลือและพยายามโฆษณาแนะนำโดยทั่วถึง ยังปราบไม่ได้เด็ดขาด เป็นแต่เพียงดีขึ้นกว่าเก่า ทั้งนี้เพราะวัณโรคเป็นบางแห่งตัดทิ้งไม่ได้ บางแห่งรักษายาก และ บางทีก็ดื้อยา ยาที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์สมัยนี้คือ “สเตปโตมัยซิน” ซึ่งทำขึ้นได้ตั้งแต่ ๓๐ ปีที่แล้วมา ที่ประเทศอังกฤษมียาดีๆ มานานแล้วทั้งยังมีกฎหมายป้องกันการแพร่วัณโรคแล้ว แต่ก็ยังปราบวัณโรคไม่ได้ผลดี ต้องหันมาอาศัยการฉีดยาป้องกันเป็นการใหญ่ จึงปรากฏว่าระหว่าง พ.ศ. ๒๔๙๑ – ๒๕๐๑ (รวม ๑๐ ปี) ได้ช่วยลดจำนวนผู้ตายเพราะวัณโรคได้ ๘๐เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ นี้เอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ตรวจสอบประชาซนในเมืองกลาสโก ด้วยการถ่ายเอกซเรย์พบว่า เฉพาะคนพวกที่ว่าไม่มีอาการว่าเป็นโรคอะไรนั้น มีวัณโรคในปอดถึง ๒๓๖๙ คน (สองพันสามร้อยหกสิบเก้าคน) ต้องทำการรักษาราว ๘ เดือน จึงสามารถกลับไปทำงานได้มากกว่า ๘๕ เปอร์เซนต์ นี่ก็น่าพิจารณาดูว่าประเทศที่เจริญกว่าเรารักษาวัณโรคให้คนที่ร่างกายยังดี ไม่รู้สึกตัวว่าเป็นอะไร กินเวลาถึง ๘ เดือน ยังไม่หายหมดทุกคน (จากนิตยสารการแพทย์ของอังกฤษ) รัฐบาลไทยได้เห็นความสำคัญ และดำเนินการเรื่องฉีดยาป้องกันแล้ว ถ้าประชาชนร่วมมือด้วยดีก็จะได้ผลดังที่อังกฤษทำมาแล้ว

สำหรับแผนโบราณ ข้าพเจ้าพยายามศึกษาและติดตามดูหลายปี ปรากฏว่า บางอาจารย์ก็ใช้คุณพระใช้ปูน ใช้นํ้ามนต์รักษาวัณโรคชนิดธรรมดาและชนิดดื้อยาหายได้ บางอาจารย์ก็ใช้ยาประกอบอำนาจจิตอำนาจคุณพระ ที่ได้ผลดีก็มีมาก ถ้าจะพิสูจน์ทดลองกันให้เป็นบทเรียน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็ยินดีแนะนำให้รู้จัก

ถาม : โรคเอดส์โรคมะเร็งซึ่งยังผลาญชีวิตมนุษย์อยู่ปีละมากๆ นั้น ท่านได้ติดตามและค้นคว้าเรื่องทั้งทางแผนปัจจุบันและแผนโบราณได้ความว่าก้าวหน้าไปเพียงใดแล้ว?

ตอบ : สำหรับแผนปัจจุบันนั้น ยังอยู่ในระหว่างค้นคว้าแก้ไขใหม่อยู่ ยังได้ผลไม่เป็นที่น่าพอใจ ส่วนแผนโบราณติดตามดูผลมานานแล้ว ปรากฏว่ามีหลายอาจารย์ที่รักษาโรคมะเร็งหลายประเภทได้ผลดีพอใช้ ถ้าได้ใช้วิธีการแผนปัจจุบันประกอบด้วยก็จะได้ผลดีขึ้นมาก จะนำหลักฐานความก้าวหน้าเรื่องมะเร็งมากล่าวโดยย่อนี้

ความก้าวหน้าในการรักษาโรคมะเร็งแผนปัจจุบัน (ย่อใจความจากหนังสือไทม์ ประจำ ต.ค. ๒๕๐๔ และเอกสารเกี่ยวกับรังสีและมะเร็ง) แพทย์เริ่มใช้รังสีรักษาโรคมะเร็งมา ๖๐ ปีแล้วแก้ไขให้ดีขึ้นมาได้ ๔๐ ปี (นับมาถึง พ.ศ. ๒๔๘๔) คนป่วยเป็นโรคมะเร็งก็ยังรอดชีวิตได้น้อย ทั้งยังมีข้อเสียคือมีอาการไหม้ที่เนื้อหนังส่วนที่ไม่ได้เป็นมะเร็งเพราะฤทธิ์ของรังสี ทำให้เกิดอาการคลื่นเหียน ทำให้โลหิตจางและทำให้ปอดอักเสบ นอกจากนั้นมีหลายแห่งที่เป็นมะเร็งแล้วใช้รังสีธรรมดาไม่ได้ผล ข้อเสียดังกล่าวนี้ยังแก้ไม่ได้หมด ในปัจจุบันนี้จึงพยายามแก้ให้ข้อเสียเหล่านั้นเบาบางลง โดยใช้วิธีการอื่นมาร่วมกับรังสี คือใช้ออกซิเจนความดันสูงอัดเข้าไปในเส้นโลหิตประมาณ ๑๕ นาทีแล้วจึงฉายรังสีเข้าไป แล้วใช้ไอโซโทปของวัตถุอื่นๆ (โคบอลต์, เบตาตรอน, ฟอสฟอรัส, ไอโอดินและทอง) วิธีการใหม่ๆ เหล่านี้ ต้องใช้เครื่องมือที่แพง ต้องใช้คนที่ฝึกไว้อย่างดี สาธารณสุขของอเมริกาเตรียมค่าฝึกสอนและงบประมาณเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๐๔ นี้ เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลที่จะทำการสอนวิธีการใหม่ๆ นี้ นายเจมส์ นิคสัน กล่าวในที่ประชุมรังสีแพทย์ ที่อเมริกาเมื่อ ก.ย. ๒๕๐๕ ว่าอีก ๑๐ ปีข้างหน้า การใช้รังสีจะก้าวหน้าถึงขั้นช่วยคนไข้ได้มาก การคาดคะเนผลนี้ ผิดพลาดถนัด ดังที่กล่าวมาแล้ว และข่าวจริงที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ความก้าวหน้าทางแผนโบราณในการรักษาโรค เอดส์ โรคมะเร็ง ข้าพเจ้าได้พยายามติดต่อกับอาจารย์ที่มีสมาธิสูงหลายท่าน และศึกษาวิธีการรักษาโรคที่เรื้อรัง ไม่มีทางอื่นที่รักษาได้ และจากการวิจัยอย่างรอบคอบพบความจริงว่า การใช้อำนาจจิตนั้น ได้ผลดีเฉพาะโรคที่มีที่ตั้งโดยแน่นอน ถ้าประเภทลุกลามง่ายย้ายที่อยู่ได้ดัง โรคเอดส์โรคมะเร็งก็รักษาทางจิตได้ เมื่อปลายปี ๒๕๐๒ ข้าพเจ้าได้พยายามวิจัยและติดตามอำนาจของปรอทในการรักษาโรคของอาจารย์ต่างๆ โดยใช้อำนาจจิตประกอบ ได้พบว่า ไอระเหยของปรอทมีคุณสมบัติในทางทะลุ ทะลวงได้ดี ทำลายเชื้อได้ผลดีหลายอย่างเท่าที่พิสูจน์ทดลองมามากได้แก่โรคมะเร็ง เอดส์ วัณโรค ฝีทุกประเภท แผลเรื้อรัง หนองในโพรงกระดูก เชื้อรา และเชื้อหนอง ที่รากฟัน ปรอทที่ถูกกระตุ้นให้เป็นไอระเหยด้วยอำนาจจิตนั้นละเอียดว่องไวและแทรกซึมได้เร็วอยู่ในร่างกาย ประมาณ ๒ วัน ก็ออกจากตัวคนไข้หมด ไม่ทำให้เนื้อหนังที่ดีถูกทำลายและไม่มีอาการแพ้ ถ้าหากใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มากระตุ้นแทนอำนาจจิตได้ก็น่าจะได้ประโยชน์กว้างขวางไปมากในระหว่างที่รอการค้นคว้าแผนใหม่ด้วยการใช้ยาใช้ออกซิเจน และใช้ไอโซโทปของสารต่างๆ ประกอบกับการใช้รังสี น่าจะลองใช้ไอโซโทป ของปรอทอยู่บ้าง วิธีใช้ปรอทรักษา ทำอย่างไรจะได้กล่าวละเอียดเป็นโรคๆ ไป

ถาม : การรักษาแบบโบราณ หรือยาแบบโบราณนั้น ประเทศที่เจริญมากแล้วเขาเลิกนิยมกันแล้วไม่ใช่หรือ ท่านยังเห็นอะไรดีๆ ของโบราณเหลืออยู่พอที่จะเชื่อถือและพิสูจน์ทดลองได้บ้าง?

ตอบ : การที่ไม่นิยมแผนโบราณนั้น เป็นไปชั่วระยะหนึ่งที่กำลังหลงวิทยาการแผนใหม่เท่านั้น เท่าที่ข้าพเจ้าได้ไปเห็นมาเองหลายประเทศและติดตามข่าวสารอยู่เสมอ ปรากฏว่าเวลานี้ต่างประเทศที่เจริญมากกลับได้เห็นความสำคัญของแผนโบราณ และกำลังศึกษาวิธีการของ แผนโบราณหลายสาขาตัวอย่างเช่น ที่อเมริกาเห็นความสำคัญของความรู้แปลกๆ สมัยโบราณ จึงได้เพิ่มเติมหลักปรัชญาการศึกษาของชาติในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ขึ้นจากเดิม คือ สมาคมการศึกษาของอเมริกันกล่าวย้ำใจความว่า “ศัตรูของการศึกษานั้นอยู่ที่อบรมไม่ให้นักศึกษามี ความสามารถคิดโดยอิสระเสรี….ควรมีความอดทนยินดี รับฟังความเห็นตรงกันข้ามด้วยเหตุผลและความจริง…. ควรสอนให้รู้ไหวพริบในการแสวงหาความรู้ใหม่เพื่อเข้าถึงความจริงในโลก..”  โรงเรียนแพทย์ในอเมริกาก็ได้เพิ่มหลักสูตรให้ศึกษาการรักษาโรคอันเกี่ยวแก่อำนาจจิตหรือใช้อำนาจจิตเข้าประกอบ นายรอบเบิต หัวหน้าโบสถ์ เมืองทัลซ่า รัฐโอกลาโฮม่าได้รักษาโรคโดยใช้อำนาจจิต ใช้มือลูบได้ผลดี และได้แสดงทาง ที.วี.หลายครั้ง ทางการไม่ได้พิจารณาว่าเป็นสิ่งหลอกลวง ดังที่บางประเทศชอบโจมตีกันอยู่เสมอ ที่อิตาลีก็มีหมอรักษาด้วยวิธีนี้ ได้ผลดีเช่นกัน ที่ฮ่องกงยอมรับวิธีรักษาโรคปวดเจ็บโดยใช้เข็มหลายขนาดแทงจี้ประสาทให้ใช้ในโรงพยาบาลได้ วิชานี้มีผู้ทำได้ดีมาแต่โบราณ และเวลานี้ในประเทศไทยก็มีหมอประเภทใช้เข็มแทงมาทำการรักษาหลายคน หมอวิเศษสมัยโจโฉได้แก่เซียนซือกงเจ้าของตำรับการผ่าตัดการตอน และการรักษาโรคประสาทตามโรงเจใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ สร้างรูปเซียนซือกงไว้กราบไหว้หลายแห่ง ในประเทศอังกฤษมีสมาคมค้นคว้าวิญญาณหรือของแปลกๆ สมัยโบราณ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ สมาคมค้นคว้าแห่งชาติที่กรุงลอนดอน ได้เริ่มวิเคราะห์หัวกวาวซึ่งส่งไป จากเมืองไทย หัวกวาวเป็นยาอายุยืนสมัยโบราณช่วยรักษาโรคได้หลายอย่าง ครั้นเห็นว่าเป็นของดีจริงจึงให้ทุนค้นคว้าอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงได้ซื้อหัวกวาวตากแห้งจากเชียงใหม่ ๒ คราว รวมหนัก ๓๒๐ กิโลกรัมทดลองสกัดตัวยาไปรักษาในโรงพยาบาลดูแล้ว ลงเอยว่าเป็นยาที่ดีจริงแต่มีพิษเจือปนอยู่ (ดูรายละเอียดได้จากวารสารเนเจอร์ประจำ ธ.ค. ๒๕๐๓) ความจริงตำราไทยมีมานานแล้วและใช้ได้ผลดีจริงมาหลายชั่วคน ข้าพเจ้าและคณะร่วมอาจารย์ก็ได้กินกันอยู่หลายครั้งนับว่าได้ผลดี การที่เขาวิเคราะห์ว่ามีพิษก็เป็นด้วยไม่รู้จริงนั่นเอง กล่าวคือ หัวกวาวบางชนิดหรือเกิดในบางบริเวณก็มีพิษต้องรู้วิธีเลือกอย่างถี่ถ้วนจึงจะได้ของดีจริง นี่ก็เป็นบทเรียนให้เห็นว่าของดีสมัยโบราณหลายอย่างถูกเข้าใจว่าเป็นของไม่ดีไม่จริงไปมาก ก็เพราะคนไม่รู้จริงนี่แหละ สำหรับการรักษาโรคด้วยการอาศัยอำนาจจิต ด้วยวิธีเอามือลูบคลำในอังกฤษก็เจริญก้าวหน้ามากจนถึงกับยินยอมให้เข้าช่วยรักษาในโรงพยาบาลได้ ในเมื่อโรงพยาบาลรักษาให้ดีขึ้นไม่ได้ และ คนไข้สมัครใจจะใช้หมออำนาจจิตมาช่วย แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบผลการรักษาด้วยอำนาจจิตถ้วนๆ ทั้งในประเทศไทยในอังกฤษและอเมริกาแล้วยังนับว่าได้ผลน้อยกว่าอาจารย์สมัยโบราณมาก ต้นตำรับการถ่ายจิตไปรักษาโรคโดยปล่อยกระแสออกทางฝ่ามือหรือนิ้วมือนี้ เป็นของโยคีในอินเดีย ต่อมาปรากฏว่าพระเยซูใช้วิธีการนี้สำเร็จผลเป็นอย่างดี ดังที่ปรากฏในคัมภีร์ศาสนาคริสต์ และในที่สุดที่ประเทศไทยเราก็มีตำราที่ละเอียด และมีผู้ทำได้ดีหลายท่านเมื่อทำขั้นสัมผัสได้ดีแล้วก็มีขั้นสูงต่อไป คือปล่อยพลังงานจิตไปรักษาระยะไกล
ขอนำเอาข้อความในหนังสือพิมพ์สยามนิกร ฉบับวันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๓ ในหน้า ๘ มีข้อความดังนี้

ให้หมอผีเข้ารักษาในโรงพยาบาล ว่าถ้าหากคนไข้ต้องการ “ผู้วิเศษ” บอกว่ามั่นใจจะช่วยคนไข้ได้ค่อน ร.พ.
บุกโรงพยาบาล
รายงานข่าวที่ปรากฏอยู่ในนิตยสารนิวสวีคของอเมริกาฉบับที่แล้วแจ้งต่อไปว่า “การรักษา” ดังกล่าวนี้ โดยบมือของ “หมอ” (healer) ชั้นนำในอังกฤษ (ฮาร์รี่ เอ๊ดวาร์ดส์ ในปัจจุบันคือ ผู้มีส่วนในการก่อตั้ง และเป็น ประธานของสหพันธ์หมอไสยศาสตร์แห่งชาติของอังกฤษ) ได้เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ “คลินิก” ซึ่งนายเอ๊ดวาร์ดส์ได้ตั้งขึ้น ณ บ้านอันหรูหราของเขาใกล้ๆ กับหมู่บ้านเชียร์ อันเงียบเชียบในจังหวัดเชอร์รี่ย์ ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในเวลาอีกไม่ช้าข้างหน้านี้ เอ๊ด¬วาร์ดส์กับสมัครพักพวก “หมอ” ของเขาอีก ๒,๖๐๐ คน ก็มีหวังจะปฏิบัติการรักษาคนไข้ด้วยวิธีการอันพิสดารของเขา ว่ากันไปตั้งแต่การจับต้องลูบคลำกระดูกอย่างปราศจากหลักวิชาจนกระทั่งถึงการนวด, การสกดจิต, การสวดมนต์ และการให้การแนะนำอย่างง่ายๆ ภายในอาณาเขตที่เชื้อโรคทั้งหลายได้ถูกทำลายจากของโรงพยาบาลต่างๆ ของอังกฤษ

แล้วแต่คนไข้
เป็นเรื่องแทบไม่น่าเชื่อเลย ที่ ณ บัดนี้คณะกรรมการ อันกอปร์ด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลต่างๆ จำนวน ๒๕๗ คน ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานในโรงพยาบาลต่างๆ ถึง ๑,๖๖๔ แห่ง จากจำนวนโรงพยาบาลทั้งหมด ๓,๓๔๔ แห่งของอังกฤษ ได้ลงมติตกลงยินยอมให้หมอทางไสยศาสตร์เข้าไปทำการรักษาตามห้องคนไข้ของโรงพยาบาลได้….ในเมื่อคนไข้รายใดมีความปรารถนา เช่นนั้น

แล้วแต่โรงพยาบาล
เมื่อคราวที่ “หมอ” เหล่านี้ได้ขออนุญาตเข้าไปทำการรักษาเป็นครั้งแรกในโรงพยาบาล ๒-๓ แห่งในกรุงลอนดอนเมื่อเดือนกันยายนที่แล้วนั้น ปรากฏว่าทางสมาคมแพทย์แห่งประเทศอังกฤษ (บีเอมเอ) ได้ยอมให้ ทางฝ่ายผู้บริหารของโรงพยาบาลเหล่านั้นเป็นผู้วินิจฉัยเอาเอง ตามความสมัครใจ หรือตามแต่จะเห็นสมควร โดยสิ้นเชิงทีเดียว

แพทย์ปัจจุบันยอม
ครั้นถึงปัจจุบันนี้ มีนายแพทย์ (แผนปัจจุบัน) อยู่เป็นอันมากที่ได้ตื่นขึ้นพบกับความจริงอย่างปัจจุบันทันใดว่า…ดังที่ปรากฏในบทนำของวารสารการแพทย์ของอังกฤษเมื่อเร็วๆ นี้ว่าดังนี้:- นายเอ๊ดวาร์ดส์และ คณะผู้รักษาของเขาหาใช่จะเข้าไปในโรงพยาบาล เพื่อที่จะให้กำลังใจ แก่คนไข้ไม่…แต่เพื่อจะเข้าไปทำการรักษาโรคเลยต่างหาก” (ขอจบข่าวในหนังสือพิมพ์ไว้แค่นี้)

ที่กล่าวมานี้เป็นการกล่าวถึงการรักษาแผนโบราณ ในด้านอำนาจจิตอำนาจคุณพระว่าเป็นของจริงได้ผลดีจริง ในเมื่อผู้ใช้ศึกษากันจริงจัง และบางทีใช้ทางยาและอำนาจจิตช่วยก็มีดีมาแต่โบราณถึงสมัยปัจจุบัน และก็พึงทราบว่าประเทศที่เจริญเขากลับหันมาค้นคว้าส่งเสริม ของโบราณหลายสาขา มีข้อระมัดระวังที่สำคัญก็คือ อาจารย์ปลอม หรือทำไม่ได้จริงนั้นมีมาก สำหรับการรักษาในด้านวัตถุ ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันทำอยู่ ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่ามีผลดีอย่างกว้างขวางไม่ได้ตำหนิว่าเป็นวิธีไม่ดี แต่ถ้าหากพิจารณานำเอาแผนโบราณมาสร้างเสริมสิ่งที่ยังค้นคว้าไม่ได้ผลดีพอ ก็จะเป็นประโยชน์และสร้างความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ควรลืมตาดูโลกให้กว้าง ถ้ารู้ตัวว่าตาฝ้าฟาง ควรหาผู้ถางทางที่เที่ยงตรง

ข้อระมัดระวังในการใช้ปรอท ก็คือต้องไล่โทษปรอทเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพราะปรอทสามารถดูดธาตุอื่นเข้ามาอยู่ในตัว หรือเข้ามารวมตัวกันได้ง่าย ที่ปรอทมีพิษก็เพราะดูดเอาธาตุที่มีพิษมาไว้ไนตัว การไล่โทษปรอท ก็คือการเอาสิ่งที่ให้โทษออกจากปรอท ปรอทที่จะนำมาไล่โทษเพื่อรักษาโรคนั้น ควรเลือกเอาปรอทอย่างดี จึงจะรักษาโรคได้ผลดี และเร็ว ปรอทดีทดลองเทใส่ฝ่ามือจะเย็นมากและหนักมาก เอานิ้วเคาะให้แตกออกจากกัน จะวิ่งเข้าหากันเร็ว ถ้าปรอทไม่ดีหนักน้อยเย็นน้อย เคาะให้แตกจะไม่วิ่งเข้าหากัน วิธีที่ง่ายในการไล่โทษปรอท

๑. เอาปรอทเทลงในข้าวสุกที่เย็นแล้ว ควรใส่ข้าวสุกไว้มากๆ ในชามเคลือบใบใหญ่เทปรอทใส่แล้วขยำข้าวสุกกับปรอทเรื่อยๆ ไปประมาณ ๑๕ นาที หรือ ๒๐ นาทีจนเห็นว่าปรอทแตกเป็นเม็ดละเอียดและข้าว สุกมีสีดำ แล้วก็เอานํ้าสะอาดเทให้ท่วมขยำล้างค่อยๆ รินนํ้าออกแล้วเติมน้ำขยำล้างอีกหลายๆ ครั้งจนเหลือแต่ปรอทขาวสะอาดดี

๒. เอาปรอทที่ขยำข้าวสุกในข้อ ๑ แช่นํ้าปลาร้าไว้๑ คืน คอยหมั่นคนปรอทไว้เพื่อให้ปรอทคายสิ่งสกปรก หรือธาตุอื่นออกจากตัว รุ่งขึ้นรินนํ้าปลาร้าออก เอาน้ำใส่ท่วมมากๆ ขยำแล้วรินนํ้าออกหลายๆ หน รินนํ้าออกหมดแล้วเอาปรอทแช่ลงในนํ้ามะนาวและนํ้ามะกรูดเท่าๆ กัน ให้ท่วมปรอท หมั่นคนและแช่ไว้หนึ่งคืน

๓. รุ่งขึ้นล้างปรอทด้วยนํ้าที่สะอาดหลายๆ หน ดังวิธีแรก เอาใบพรมมิ (ฮื้อหลั่งฉ่าย) ทั้งต้นทั้งใบตำให้ละเอียด แล้วเอาปรอทมาคลุกขยี้ให้เข้ากันนานๆ อาจจะใช้สากขยี้คลุกในครกที่สะอาด หมั่นคนบ่อยๆ แล้วจึงทิ้งไว้ ๑ คืน รุ่งขึ้นก็ล้างปรอทจนสะอาดอีก

๔. เอาใบพระจันทร์ครึ่งซีก (ปั่วไปล่ไหน้) มาตำให้ละเอียดเอาปรอทมาคลุกขยี้และทิ้งไว้ ๑ คืน หมั่นคนบ่อยๆ ทำเหมือนข้อ ๓. แล้วจึงล้างให้สะอาด เก็บปรอทไว้ในขวดที่มีฝาปิดแน่นเอาขี้ผึ้งแท้ปิดรอบปากขวด เก็บไว้ในที่เย็น ตู้เย็นหรือเอานํ้าเย็นแช่ขวดไว้ ควรปลุกเสกปรอท ในขวดเพื่อให้มีคุณภาพดีขึ้น

ขอยํ้าว่าการผสมวิชาการต่างๆ เข้าส่งเสริมกันอย่างเหมาะสมจะเกิดผลเกิดประโยชน์ที่ดีอย่างยิ่งสำหรับการรักษาโรคก็ต้องใช้ศิลปความรู้หลายอย่างประกอบกัน เช่น
ศิลปวิชาในการพูด
ศิลปวิชาในการตรวจโรคและพยากรณ์
ศิลปวิชาในการเก็บยา ผสมยา ใช้ยา
ศิลปวิชาในการนวด
ศิลปวิชาในการสะกดจิตและจูงใจ
ศิลปวิชาในการใช้อำนาจจิตอำนาจคุณพระ
ศิลปวิชาในการดัดตน หรือบริหารกาย ฯลฯ

ใครรู้จักผสมประสานกันให้เหมาะสมก็จะรักษาโรคได้ผลดีเราพูดได้ง่ายว่าร่างกายรักษาตัวเองตามธรรมชาติ แต่ทำอย่างไรจะเร่งให้ธรรมชาติช่วยรักษาให้ได้ผลเร็วขึ้น นั่นแหละเป็นยอดวิชาของแพทย์ การเร่งธรรมชาติให้รักษาหรือปรับตัวเองให้ดีที่ค้นพบคือการใช้ทั้งอำนาจจิต ของคนไข้ และผู้รักษาช่วยกันจัดระบบประสาท และกลไกในร่างกาย ซึ่งถ้าทำถูกต้องได้จังหวะดีโรคหรือความผิดปกติจะหายได้อย่างน่าประหลาด ผลที่สูงสุด คือผสมผสานการรักษาแผนปัจจุบัน แผนโบราณและแผนอื่นๆ เข้าช่วยกันอย่างเหมาะสม โดยมีการพิสูจน์ ทดลองให้เห็นจริง การแตกแยกกันจะดีหรือ?

ที่มา:ชม  สุคันธรัต