นํ้าประลัยกัลป์

Socail Like & Share

เมื่อไฟไหม้อย่างนั้น หมู่เทพยดาและพรหมทั้งหลายก็พากันหนีขึ้นไปสู่ ชั้นที่ไฟไหม้ไม่ถึงเบียดเสียดยัดเขียดกันอยู่เหมือนแป้งยัดทะนานอย่างนั้น ไฟไหม้โลกอยู่นานแสนนาน จึงมีฝนตกลงมาเม็ดหนึ่ง เมื่อเริ่มแรกฝนตกนั้น เม็ดฝนเท่าดินธุลี อยู่ต่อมาอีกนานจึงตกลงมาอีกเม็ดหนึ่งเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด อีกนานจึงตกลงมาอีกเม็ดนํ้าประลัยกัลป์หนึ่งเท่าเมล็ดถั่ว ต่อจากนั้นเวลาอีกเล็กน้อยจึงตกลงมาเท่าลูกมะขามป้อม โตขึ้นตามลำดับเท่าลูกมะขวิด เท่าควาย ช้าง บ้านเรือนใหญ่ขึ้นจนกระทั่งเท่าอุสุภะ คือ ใหญ่ได้ ๓๕ วา ประเดี๋ยวก็ใหญ่ขึ้นได้ ๒,๐๐๐ วา อีกนานก็ตกเม็ดหนึ่งมีขนาดโตขึ้นจาก ๑ โยชน์ เป็น ๒ – ๑๐ โยชน์ตามลำดับ อยู่ต่อมาอีกนานจึงตกโตขึ้น เป็น ๑๐๐ โยชน์ ถึง ๑๐๐,๐๐๐ โยชน์ จนเท่าจักรวาล ตกลงมาเหมือนดั่งนํ้าไหลออกมาจากกละออม ตุ่ม โอ่ง อันเดียว

ในเวลาต่อมาไม่นานนัก นํ้าก็ท่วมแผ่นดิน ท่วมจาตุมหาราชิกาสวรรค์ ของท้าวจตุโลกบาล ท่วมดาวดึงส์สวรรค์ของพระอินทร์ แล้วจึงท่วมสวรรค์ชั้นยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมิตสวัดดี น้ำแรงขึ้นจนกระทั่งท่วมถึงพรหมโลก ชั้นต้น ๓ ชั้น คือ ปาริสัชชา ปโรหิตา และมหาพรหม แล้วฝนจึงหยุดตก น้ำจึงนิ่งอยู่ ต่อจากนั้นก็ไม่มีฝน

เมื่อมีคำถามว่า นํ้าเต็มจากเบื้องล่างขึ้นไปถึงพรหมโลกนั้นเป็นอย่างไร และไม่ล้นจักรวาลได้อย่างไร

ตอบว่า มีลมชนิดหนึ่งเรียกว่า ลมอุกเขปวาตะ ลมนี้พัดเวียนรอบสระ ไม่ให้นํ้าล้นบ่าออกไปได้ นํ้าขึ้นเหมือนธมกรก ไม่ล้นออกนอก

ในกาลครั้งหนึ่ง มีพระพรหมตนหนึ่งชื่อว่า มหาพรหมาธิราช เสด็จลงมาดูนํ้าได้เห็นดอกบัวเกิดขึ้น จึงให้คำทำนายตามลำดับดังนี้

เห็นดอกบัว ๑ ดอก ทำนายว่า ในกัลป์นี้จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๑ พระองค์ และเรียกกัลป์นั้นว่า สารกัลป์ เห็นดอกบัว ๒ ดอก ทำนายว่า ในกัลป์นี้ จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๒ พระองค์ และเรียกกัลป์นั้นว่า มัณฑกัลป์ เห็นดอกบัวมี ๓ ดอก ทำนายว่า ในกัลป์นี้จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๓ พระองค์ และเรียกกัลป์นั้นว่า วรกัลป์ เห็นดอกบัวมี ๔ ดอก ทำนายว่า ในกัลป์นี้จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๔ พระองค์ และเรียกกัลป์นั้นว่า สารมัณฑกัลป์ เห็น ดอกบัวมี ๕ ดอก ทำนายว่า ในกัลป์นี้จะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๕ พระองค์ และเรียกกัลป์นั้นว่า ภัททกัลป์ ถ้าไม่เห็นดอกบัวเลย ก็ทำนายว่า ในกัลป์นี้จะไม่มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น และเรียกกัลป์นั้นว่า สุญญกัลป์

ในดอกบัวมีบริขาร ๘ พร้อมมูล ได้แก่ ไตรจีวร บาตร มีดโกน กล่องเข็ม ประคดเอว และกระบอกกรองนํ้า ท้าวมหาพรหมก็นำเอาบริขาร ๘ นั้น ขึ้นไปไว้ในพรหมโลก เมื่อใดพระโพธิสัตว์เจ้าออกผนวช และจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท้าวมหาพรหมก็จะนำมาถวายในวันที่เสด็จออกผนวชนั้น

ครั้งหนึ่งมีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า โกณฑัญญะเสด็จ อุบัติขึ้นในสารกัลป์ ครั้งหนึ่งมีพระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ ทรงพระนามว่า ติสสสัมมาสัมพุทธเจ้า และปุสสสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จอุบัติขึ้นในมัณฑกัลป์ ครั้งหนึ่งมีพระพุทธเจ้า ๓ พระองค์ ทรงพระนามว่า พระพุทธอัตถทัสสี พระธรรมทัสสี แสะพระปิยทัสสี เสด็จอุบัติขึ้นในวรกัลป์

ครั้งหนึ่งมีพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ทรงพระนามว่า พระตัณหังกร พระเมธังกร พระสรณังกร และพระทีปังกร เสด็จอุบัติขึ้นในสารมัณฑกัลป์

ครั้งนี้พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ทรงพระนามว่า พระพุทธกกุสันธ พระพุทธโกนาคมน์ พระพุทธกัสสป พระพุทธโคดม และพระพุทธศรีอาริย- เมตไตรย เสด็จอุบัติขึ้นในภัททกัลป์ที่เราอาศัยอยู่ปัจจุบันนี้

คณะทำงานโครงการวรรณกรรมอาเซียน