นักเรียนเก่ากับนักเรียนใหม่

Socail Like & Share

ตอนบ่ายอุบลกับกาญจนาต้องออกมาจากห้องอาหารที่แน่นไปด้วยนักเรียนหน้าใหม่ แล้วมาอยู่ใต้ต้นมะม่วงบริเวณสนามของโรงเรียน เนื่องจากวันนั้นอากาศร้อนมาก

ชีวิตที่ต้องพบกับโรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ ครูอาจารย์คนใหม่ และความน่าตื่นเต้น ความหดหู ทุกอย่างที่ทั้งนักเรียนเก่าและใหม่จะได้พบในภาคเรียนนี้

กาญจนาพูดขึ้นอย่างพอใจว่า
“เคราะห์ดีนะ ที่เรามาจากโรงเรียนเดียวกัน ไม่งั้นละฉันไม่รู้จะเดินกับใครเลยที่เดียว อุบล”
“บางคนน่ะดูน่าสงสารออกจะแย่ ไม่รู้จะพูดกับใครก่อน ไม่รู้จะชวนใครเดิน บางคนหน้าเศร้านั่งอยู่มุมนั้นกินอะไรไม่ลง โธ่! น่าเห็นใจนะ อยู่ดีๆ ก็ต้องมาอยู่ในโรงเรียนใหม่และคบเพื่อนหน้าใหม่หมดทั้งโขยงเลย”

“บางคนเป็นนักเรียนมาจากต่างจังหวัดซี ฉันว่ายิ่งแย่ เพราะคิดถึงบ้านเอย ไม่รู้จักใครเลย ยิ่งไปกว่าพวกในกรุงตั้งหลายเท่า”

จริงนะ แต่พวกนักเรียนที่อยู่เก่าๆ น่ะไม่เห็นค่อยมีใครมาพูดกับพวกใหม่ๆ ก่อนเลย แล้วเราเป็นคนหน้าใหม่จะให้เราเป็นฝ่ายพูดกับเขาก่อนได้ยังไง?”

อุบลส่ายหัวพร้อมกับบอกว่า
“ฉันว่าไม่แปลกหรอก ใหม่หรือเก่า พอชินๆ กันไปหน่อยก็จะรู้จักแล้วก็พูดกันไปเองน่ะแหละ นี่มันวันแรก ใครก็ต้องสงวนท่าทีกันไว้ก่อนเป็นธรรมดา เออเธอสังเกตเห็นนักเรียนเก่าคนหนึ่งไหม? ที่ผูกโบเสียแดงน่ะ แล้วใส่รองเท้าหัวแหลมด้วย”

กาญจนานึกออกและร้องขึ้นทันทีว่า
“อ๋อ! เขาชื่อแสงดารา ชื่อเพราะนะ แต่เห็นคนที่อยู่เก่าเขาบอกว่าคุณครูไม่ค่อยชอบหรอก เพราะเขาดื้อ บอกอะไรก็ไม่เชื่อฟัง คุณครูสั่งว่า ไม่ให้นุ่งกระโปรงยาวเลยเข่า เขาก็นุ่งเสียสั้นจู๋ บอกไม่ให้ใส่รองเท้าหัวแหลม เขาก็ใส่”

ทันใดนั้น เด็กหญิงรุ่นสาวคนที่ถูกพูดถึงนั้น ก็เดินออกมาจากโรงอาหารที่เป็นเรือนสีเขียวอ่อน

สายตาทุกคู่มองไปทางแสงดารา เพราะเธอแต่งกายสะดุดตาจริงๆ เธอเป็นคนสวย ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่จิ้มลิ้ม ถ้าเธอแต่งกายธรรมดา ทุกคนก็จะต้องชมเธอว่า ‘เด็กนักเรียนคนนี้สวย’ เธอภูมิใจในความสวยของเธอและยิ่งทะนงตัวมากขึ้น

อุบลกระซิบบอกเพื่อนว่า
“แหม! เขาเดินคอเชิดเชียว”
กาญจนาก็เห็นว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ

“เธอดูเขาใส่เสื้อซี เขาดึงเอาเสื้อออกมาเสียยาวเกินขอบกระโปรงตั้งเป็นไหนๆ เข็มขัดโรงเรียนงี้มองไม่เห็นเลย ถูกปิดหมด แล้วชื่อย่อโรงเรียนเขาก็ไม่ได้ปักจากแบบพิมพ์ที่พวกเรามาขอปั๊มกันจากโรงเรียนหรอกนะ เขาคงเขียนเอาเอง มันถึงได้อุตริอย่างงั้น”

กาญจนาพูดเบาๆ
“เขาไว้เล็บยาวด้วย”
“ย้าวยาวแล้วจะเขียนหนังสือทันพวกเราหรือนะ อุบล? ถ้าเขาทาเล็บอีกอย่างเขาคงไม่ใช่นักเรียนเลย”

“ฉันว่าเวลาออกไปข้างนอก เขาก็ทาแน่ ปากเขาก็คงทา เพราะเวลาไม่ทามันดูซีดๆ พิกลนะ ไม่เหมือนปากพวกเราที่ไม่เคยทาลิปสติค ฉันว่าเขาทาแป้งอย่างผู้หญิงสาวด้วยละเธอ กาญจนาสังเกตดูซี มันขาวเว่อเป็นเทือกมองดูกลางวันคล้ายๆ กับจะแต่งไปเที่ยวน่ะ”

กาญจนานิ่งและใช้ความคิดและพูดอย่างใจดีว่า
“เราจะหาเรื่องและจับผิดแสงดารามากไปหน่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะอุบล”
“ความจริงเราควรเลิกนินทาเขาได้แล้ว เขารู้เข้าเขาก็จะหาว่าเราเป็นคนหน้าใหม่ แล้วยังมาเที่ยวยุ่งธุระของคนเก่าๆ อย่างเขา”

อุบลตอบด้วยความรำคาญ
“เฮ้อ! เธอก็คิดมากเกินไปได้”
“ใครไปนินทาเขาเมื่อไหร่ล่ะ? เราพูดด้วยความหวังดีและพูดให้ตัวเราเองฟังต่างหากล่ะ แล้วก็ไอ้สิ่งที่เราพูดนี่ทุกคนก็เห็นอยู่แล้ว่า มันเป็นความจริง ไม่ได้แต่งขึ้นสักหน่อย”

แสงดาราเดินเข้ามาทางใต้ต้นมะม่วงที่อุบลและกาญจนายืนอยู่ กาญจนายิ้มให้เธอก่อน แล้วอุบลก็ยิ้มตาม

แสงดาราไม่คิดว่านักเรียนหน้าใหม่จะเป็นมิตรอย่างนี้ เธอไม่คิดจะพูดกับเด็กหน้าใหม่เลย แต่เธอก็อดที่จะยิ้มตอบให้อุบลและกาญจนาไม่ได้

กาญจนาทักขึ้นอย่างแจ่มใส
“พี่เดินไปไหนคะ”
“พี่เป็นนักเรียนเก่าใช่ไหมคะ?”

อุบลพูดเสริมขึ้นว่า
“เราสองคนมาจากโรงเรียน…ค่ะ”

แสงดาราหยุดเดินแล้วยืนไขว้ขาอย่างท่านางแบบแล้วตอบว่า
“ใช่พี่อยู่นี่มาหลายปีแล้ว อ๋อ! โรงเรียน…ของเธอพี่ก็รู้จักอยู่แถวๆ สี่เสาเทเวศร์ใช่ไหม? บ้านพี่ก็อยู่นั่น”

อุบลพูดขึ้นว่า
“โอ้โฮ! งั้นพี่ก็เดินทางตั้งไกลซิคะ กว่าจะถึงที่นี่?”

แสงดาราส่ายหน้าแล้วตอบว่า
“เปล่าหรอก รถทอดเดียวก็ถึง บางทีถ้ารถยนต์พี่ว่างก็ให้เขาขับมาส่ง คุณพ่อของพี่ก็เป็นนายพลรู้ไหม? ถ้าออกชื่อท่านน้องก็ต้องรู้จัก พี่เป็นลูกคนเดียวของท่าน ท่านจึงรักและตามใจมาก อยากได้อะไรก็ได้หมดทุกอย่าง แต่คุณแม่ของพี่เสียเสียแล้ว”

“หนูสองคนเสียใจด้วยค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ถึงไม่มีคุณแม่ แต่พี่ก็มีเงินใช้ และมีทุกๆ อย่าง หนูชอบทรงผมของพี่ไหม?”

อุบลกับกาญจนาก็จ้องดูทรงผมของแสงดาราที่ตัดสั้นลงมาปรกคิ้ว และมีจอนโตๆ อยู่ข้างใบหู

กาญจนารีบตอบเพื่อเอาใจ
“ก็…สวยดีนี่คะ”

แสงดารายกมือขึ้นแตะผมแล้วพูดว่า
“นั่นซี ราคาแพงออกจะตายไป ให้ช่างเขาตัด สระ เซท แหม! กระเป๋าแห้งเลยเชียว”

อุบลทำตาโต ลูบศีรษะตัวเอง แล้วพูดว่า
“โอ้โฮ พี่ทำผมที่ร้านด้วยหรือคะ?”

แสงดาราตอบแบบโอ้อวด
“ใช่ซี พี่มีเงินใช้นี่ หนูคงไม่ได้เงินมากเท่าพี่ หนูจึงไปทำผมตามร้านไม่ได้”
“แล้วดูเสื้อของพี่ซิ ผ้าสวิสแท้ๆ นะ เนื้อมันถึงได้นุ่มนวล แล้วก็เนื้อดีอย่างนี้ ใส่แล้วสวย”

ทั้งๆ ที่อุบลตั้งใจจะเหน็บแนมแต่ก็แกล้งทำเสียงแบบใส่ซื่อบริสุทธิ์
“พี่ดึงชายเสื้อออกมาตั้งแยะ จวนหลุดออกมานอกกระโปรงแล้วละ”

แสงดาราตอบว่า
“อ้าว! สมัยนี้ใครเขาเอาเสื้อเข้าในกระโปรงตึงๆ กันมั่งล่ะ ก็เชยแย่”

อุบลยังแย้งต่อ
“แต่กฎของโรงเรียนเขามีนี่คะ พี่ไม่เชื่อกฎแล้วคุณครูไม่ว่าพี่หรือคะ?”

แสงดาราหัวเราะแบบนางแบบแล้วตอบว่า
“อุ๊ยตาย! พี่น่ะโดนครูดุตั้งปีละสามร้อยหน แต่มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา พี่ไม่คอยมานั่งฟังหรอก ขืนมัวแต่ฟังครูก็เลยพอดีแก่หง่อมเหมือนพวกครูกันละ”

เผอิญอาจารย์ใหญ่เดินผ่านมาหยุดฟังพอดี แล้วพูดขึ้นว่า
“ไหน พูดอะไรนะครูๆ ได้ยินแต่คำว่าครู แสงดาราว่าไง?”

แสงดาราสะดุ้งโหยง หันไปหัวเราะแหะๆ อย่างเก้อๆ ส่วนอุบลกับกาญจนาก็ก้มตัวลงทำความเคารพอาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่มองดูอุบลกับกาญจนาอย่างพอใจ
“เธอแต่งตัวเรียบร้อนดีนี่ ถูกต้องตามกฎและข้อบังคับของโรงเรียนทุกอย่าง เธอเป็นเด็กใหม่ใช่ไหม?”

“ค่ะ อาจารย์” อุบลกับกาญจนาตอบแทบจะพร้อมกัน

เมื่ออาจารย์ใหญ่หันไปมองแสงดาราก็พูดว่า
“แล้วดูเธอซี ไม่มีอะไรดูได้เลย มองแล้วยังกับไม่ใช่นักเรียน ผมเผ้าก็ตัดเอาไว้แบบประหลาด หน้าก็ดูเหมือนจะทาใช่ไหม? แล้วเสื้อแสงกับกระโปรงทำไมมันจึงได้ผิดแบบไปหมดอย่างงี้ แสงดารา? รองเท้านี่ต้องเปลี่ยนใหม่ภายในสิ้นเดือนนะ ไม่มีข้อแก้ตัว อ้อ! ปีนี้ขยันขึ้นกว่าปีกลายและปีที่แล้วหน่อยซีจ๊ะ อย่าลืมว่าเธอซ้ำ ม.ศ. หนึ่ง-สอง-สาม มาแล้วชั้นละปี และซ้ำ ม.ศ. สี่แล้วหนึ่งปี โรงเรียนเราไม่อาจต้อนรับผู้ที่สอบตกสองปีซ้อนได้ ไม่ว่าในกรณีใด จำไว้นะ แสงดารา”

อุบลและกาญจนาสบตากันแล้วเดินเลี่ยงไป และคิดตรงกันว่าเด็กใหม่อย่างเธอมารู้ความลับของแสงดาราเข้า แสงดาราคงเชิดหน้าต่อไปไม่ถนัดหรอก แสงดาราต้องก้มลงมองพื้นด้วยความอับอาย

ที่มา: จากหนังสือเรื่อง มรรยาทงาม ของ ผกาวดี อุตตโมทย์