ทศพิธราชธรรม

Socail Like & Share

ตามรูปศัพท์ ทศพิธราชธรรม แปลว่าธรรมสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน หรือธรรมที่พระเจ้าแผ่นดินพึงประพฤติ ๑๐ อย่าง หมายความว่าผู้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการปกครองไพร่ฟ้าประชาชนนั้นพึงดำเนินการทศพิธราชธรรมปกครองด้วยธรรม ๑๐ อย่างนี้ นี้เป็นความหมายของทศพิธราชธรรมที่ถือปฏิบัติมาแต่โบราณกาล ซึ่งทางพระพุทธศาสนาได้สอนว่าหากพระเจ้าแผ่นดิน ทรงตั้งมั่นอยู่ในธรรม ๑๐ อย่างนี้แล้ว ก็จะทรงปกครองไพร่ฟ้าประชาชนให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข ไพร่ฟ้าจะหน้าใสกันทั่วหน้า

สำหรับผู้มีอำนาจหน้าที่ในการปกครอง ซึ่งมิใช่พระเจ้าแผ่นดิน ก็ควรเจริญรอยตามพระเจ้าแผ่นดินโดยนำเอาหลักธรรม ๑๐ อย่างนี้มาปฏิบัติในการปกครอง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมตามอุดมการณ์แห่งการ ปกครอง

หลักธรรม ๑๐ อย่างนั้น ได้แก่
๑. ทาน การให้ คือการสละทรัพย์สิ่งของเพื่อบำรุงเลี้ยงดูช่วยเหลือ ประชาราษฎร์ผู้ยากไร้ เข็ญใจ และบำเพ็ญกุศลสาธารณประโยชน์ตามความเหมาะสมแก่สภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการของประชาชนผู้ยากไร้

๒. ศีล ความมีศีล คือมีความประพฤติดีงาม มีระเบียบวินัย รักษา ความประพฤติทางกาย ทางวาจาได้เรียบร้อย โดยเว้นจากกายทุจริต วจีทุจริต ประพฤติแต่กายสุจริต และวจีสุจริต

๓. บริจาค การเสียสละ คือการบริจาคจตุปัจจัยบำรุงพระพุทธศาสนา ถวายไทยธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์หรือสมณะ ชีพราหมณ์ เป็นการอุปถัมภ์ พระพุทธศาสนาให้วัฒนาถาวรตลอดจนการเสียสละความสุขส่วนตัว ประโยชน์ส่วนตัวเพื่อความสุขและประโยชน์ของส่วนรวม คือประเทศชาติ หรือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

๔. อาชชวะ ความซื่อตรง คือซื่อสัตย์สุจริต ไร้มายา ปฏิบัติภารกิจ โดยสุจริต มีความจริงใจ ไม่หลอกลวงประชาชน

๕. มัททวะ ความอ่อนโยน คือมีอัธยาศัยอ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง หยาบคาย หรือกระด้าง แสดงกิริยาสุภาพนุ่มนวล ละมุนละไม ชวนให้เกิด ความเคารพจงรักภักดีและยำเกรง

๖. ตปะ การบำเพ็ญตบะ คือมีอุตสาหะในการบำเพ็ญเพียรเพื่อเผา กิเลส ลดกิเลสโดยการรักษาอุโบสถศีลเป็นประจำทุกวันพระ รวมทั้งการรู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่หมกมุ่นหรือหลงติดอยู่ในกามสุข

๗. อักโกธะ ความไม่โกรธ คือไม่พิโรธโกรธขึ้งโดยผลุนผลัน ไม่แสดงความเกรียวกราด ไม่ลุอำนาจความโกรธ จนเป็นเหตุให้กระทำการต่างๆ ผิดพลาดเสียธรรม มีเมตตาธรรมประจำใจ รู้จักใช้สติยับยั้งระงับความขุ่นเคืองไว้ได้ ไม่แสดงความดุดันโหดเหี้ยมทางจิตให้ปรากฏ

๘. อวิหิงสา ความไม่เบียดเบียน คือไม่บีบคั้น กดขี่ข่มเหงใครให้ เดือดร้อน เช่น ไม่ใช้อำนาจหน้าที่ขู่เข็ญ บังคับใคร ไม่ลงโทษผู้ไม่มีความผิด มีจิตกรุณาแก่คนทั่วไป ไม่เป็นคนหาเรื่องกลั่นแกล้ง หรือเสกสรรปั้นแต่งเรื่อง เพื่อบีบบังคับผู้อื่นให้ยอมรับการกระทำบางอย่างอันเป็นความผิด ตลอดจนไม่ขู่เข็ญผู้อื่นให้กระทำหรือละเว้นการกระทำ อันเป็นความผิดความเสื่อมเสีย แก่ผู้อื่น ไม่รีดไถผู้อื่น เป็นต้น

๙. ขันติ ความอดทน คืออดต่อการที่ยังไม่ได้สิ่งที่ตนต้องการ ทน ต่อการได้รับสิ่งที่ตนไม่ต้องการ ตลอดจนอดทนต่อความลำบาก ความตรากตรำ และความเจ็บใจ เมื่อทำสิ่งใดถูกต้องแล้ว แม้จะมีผู้เห็นผิดคัดค้านหรือกล่าวโจมตีอย่างไร ก็ไม่ท้อถอย หรือแม้จะมีใครกล่าวเสียดสีถากถาง เย้ยหยันอย่างไร ก็ทนพังได้ ไม่แสดงอาการน้อยเนื้อตํ่าใจและเลิกล้มการกระทำความดี

๑๐. อวิโรธนะ ความไม่ประพฤติผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากทำนอง คลองธรรม คือความไม่ประพฤติฝ่าฝืนลบล้างตัวบทกฎหมายและจารีตประเพณีอันดีงามของบ้านเมือง ตลอดจนไม่ประพฤติผิดระเบียบแบบแผน กฎบังคับ หรือความนิยมอันดีงามของสังคม

ทศพิธราชธรรม ๑๐ ประการนี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส พระองค์ผู้ทรงเป็นรัตนกวีเอกของชาติไทย ได้ทรงนิพนธ์ เป็นบทลิลิตไว้อย่างไพเราะยิ่งว่า

๑. ทานํ
พระเปรมปฏิบัติเบื้อง        ทศธรรม์ ถ้วนแฮ
ทานวัตรพัสดุสรรพ์        สิ่งให้
ทวยเถมิลมั่วหมู่พรร-        ณีพกพวก แคลนนา
วันละ วันตั้งไว้            หกห้างแห่งสถาน ฯ

๒. สิลํ
เถลิงการกุศลสร้าง        เบญจางค ศีลเฮย
เนืองนิวัทธฤๅวาง        ว่างเว้น
บำเทิงหฤทัยทาง            บุญเบื่อ บาปนา
แสวงสัคมัคโมกข์เร้น        รอดรื้อสงสาร ฯ

๓. ปรํจฺจาคํ
สมภารพระก่อเกื้อ        การก ธรรมแฮ
ชินศาสนุประถัมภก        เพิ่มตั้ง
จตุราปัจจเยศยก            บริจาค ออกเอย
อวยแด่ชุมชีทั้ง            ทั่วแคว้นแขวงสยาม ฯ

๔. อาชฺชวํ
พระงามอุชุภาพพร้อม        ไตรพิธ ทวารเฮย
กายกมลภาษิต            ซื่อซร้อง
บำเพ็ญเพิ่มสุจริต        เจริญสัตย์ สงวนนา
สิ่งคดปลดเปลื้องข้อง        แต่ครั้งฤๅมี ฯ

๔. มทุทวํ

ปรานีมาโนชน้อม        มฤธู
ในนิกรชนชู            ชุ่มเฝ้า
พระเอื้อพระเอ็นดู        โดยเที่ยง ธรรมนา
อดโทษโปรดเกศเกล้า        ผิดพลั้งสั่งสอนฯ

๖. ตปํ
สังวรอโบสถสร้าง        ประดิทิน
มาสประมาณวารถวิล        สี่ถ้วน
อัษฎางคิกวิริยิน-            ทรีย์สงัด กามเอย
มละอิสริยฺสุขล้วน        โลกซร้องสรรเสริญ ฯ

๗. อกฺโกธํ
ทรงเจริญมิตรภาพเพี้ยง    พรหมมาน
ทิศทศจรดทุกสถาน        แผ่แผ้ว
ชัคสัตว์เสพย์สำราญ        รมย์ทั่ว กันนา
เย็นยิ่งจันทรกานต์แก้ว    เกิดน้ำฉ่ำแสง ฯ

๘. อวิหิสํ
เสด็จแสดงยศเยือกหล้า    แหล่งไผท
เพื่อพระกรุณาใน        เขตรข้า
บกอปรบก่อภัย            พิบัติเบียด เบียนเอย
บานทุกหน้าถ้วนหน้า        นอบนิ้วถวายพร ฯ

๙. ขนฺตํ
ถาวรอธิวาสน์ค้า            ขันตี ธรรมฤๅ
ดำฤษณ์วิโรธราคี        ขุ่นข้อน
เพ็ญผลพุทธบารมี        วิมุติสุข แสวงนา
เนืองโลกโศกเสื่อมร้อน    สิ่งร้ายฤๅพาน ฯ

๑๐. อวิโรธนํ
พระญาณยลเยี่ยงเบื้อง    โบราณ รีตนา
ในนิตยราชศาสตร์สาร        สืบไว้
บแปรประพฤติพาล        แผกฉบับ บูรพ์เฮย
โดยชอบกอบกิจไท้        ธเรศตั้งแต่ปาง ฯ

ไป่วางขัตติยวัตรเว้น        สักอัน
ทั่วทศพิธราชธรรม์          ท่านสร้าง
สงเคราะห์จัตุราบรร        สัชสุข เสมอนา
สังคฤหพัสดุอ้าง            สี่ไส้สืบผล ฯ
  (เตลงพ่าย หน้า ๑๘๕ – ๑๘๘)

ทางพระพุทธศาสนาสอนว่า ทศพิธราชธรรมนี้เป็นหัวใจสำคัญในการ ปกครอง พระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นประมุขของประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ได้ทรงเคารพและยึดเป็นแนวทางในการบริหารประเทศตลอดมา พระเจ้าแผ่นดิน พระองค์ใดทรงดำรงมั่นอยู่ในธรรม ๑๐ อย่างนี้ ย่อมได้รับการยกย่องเทิดทูนว่า เป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรม จะเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนและประชาชนจะถวายความจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่ง

ที่มา:พิทูร มลิวัลย์