คานธีกับการหยุดงานในโรงงานทอผ้าอาหัมมทาวาท

Socail Like & Share

คานธี
การอดอาหาร
หลังจากที่เรื่องราวอันเกี่ยวแก่จัมปารันได้สงบลงแล้วอย่างเรียบร้อย กิจการของท่านคานธีได้ขยายไปในทางอื่นอีกหลายสาย เป็นต้นว่า การร้องทุกข์ต่อ มร. มอนเตกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอินเดีย มีความมุ่งหมายที่จะเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยรัฐธรรมนูญอินเดีย แก้ไขเพิ่มเติมต่อสภาปาร์เลียเมนต์ การจัดการบรรเทาทุกข์ของจังหวัดไกรา ซึ่งตกอยู่ในทุพภิกขภัย ดังนี้เป็นอาทิ

แต่งานสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาก และสำคัญที่สุดนั้นคือ การประนีประนอมระหว่างนายทุนกับคณะกรรมกรแห่งโรงงานทอผ้าต่างๆ ในเมืองอาหัมมทาวาท

เมื่ออาหัมมทาวาทเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่ง ตั้งอยู่ในมณฑลบอมเบ มีชื่อเสียงในทางประดิษฐกรรมทอผ้า โรงงานทอผ้าตั้งอยู่ในเมืองนี้ นับเป็นจำนวนมากหลายมีจำนวนกรรมกรตั้งหมื่นๆ เนื่องจากเกิดขัดใจกันขึ้น เรื่องค่าจ้างระหว่างนายทุนกับพวกกรรมกร พวกกรรมกรจึงนัดหยุดงานกันแทบทุกโรงงาน (ค.ศ.๑๙๑๘)

ทั้ง ๒ ฝ่ายได้ร้องขอความช่วยเหลือจากท่านคานธีให้ทำการประนีประนอมกัน ท่านจึงได้ตั้งข้อตกลงขึ้นและได้รับความเห็นชอบด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย แต่ก่อนที่การประนีประนอมนี้ถึงที่สุด มีกรรมกรบางคนกลัวต่อสถานการณ์อันร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะหยุดงานนั้น จึงกลับเข้าทำงานตามเดิม ท่านคานธีเห็นว่าถ้ากรรมกรกลับเข้าไปทำงานทีละคนๆ ดังที่ทำกันอยู่นี้ อาจเป็นช่องทางให้คณะนายทุนเอาเปรียบไม่ยอมทำการประนีประนอมได้ ผลที่สุด พวกกรรมกรโดยทั่วไปจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรแม้แต่น้อน ท่านกับ น.ส.อนุสูยาเทวีจึงตกลงปฏิญาณตนกันว่า จะทำการอดอาหารเป็นการลงโทษตัว เพราะขาดความสามารถในการนำพวกกรรมกรให้ตั้งมั่นอยู่ในความสามัคคี ไม่ยอมเข้าทำงานจนกว่าการประนีประนอมจะยุติลง โดยทั้ง ๒ ฝ่ายมีความพอใจแล้วเมื่อไร นั่นแหละท่านจึงจะรับอาหารดังเดิม  แต่เพื่อจะแก้ความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นได้เพราะการอดอาหารนี้ ท่านจึงประกาศคำแถลงการณ์ว่า

“ฉันไม่มีความเสียใจที่ได้ปฏิญาณตนไว้ดังนี้ ตามคติที่ฉันยึดถืออยู่เป็นหลัก ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันมิได้กระทำการเช่นนี้ก็เป็นอันว่า ฉันไม่เป็นผู้สมควรที่จะได้รับความไว้วางใจจากมหาชน ฉันรู้อยู่ก่อนแล้วว่า การปฏิญาณตนเช่นนี้ มีความบกพร่องอยู่มิใช่น้อย สำหรับตัวฉันเอง การปฏิญาณตน เพื่อบังคับให้นายทุนทั้งหลายทำความตกลงกันโดยเร็วนั้นนับว่าเป็นการกระทำอย่างยุติธรรมแก่เขา มิหนำซ้ำยังทำตัวฉันเอง ให้เป็นบุคคลผู้ไม่สมควรที่จะเป็นมิตรกับท่านเหล่านั้น ดังที่ฉันเคยเป็นมาแล้วแต่ก่อนด้วย ฉันรู้อยู่แก่ใจว่าการกระทำของฉันนั้น อาจจะเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดกันขึ้นก็ได้ แต่ทว่าฉันไม่สามารถที่จะตัดการอดอาหารโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตกลงใจของฉันได้ เหตุนี้เอง ทำให้ฉันรู้สึกตัวว่าต้องรับผิดชอบมากยิ่งขึ้นเหลือขนาด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ฉันไม่สามารถเรียกร้องสิทธิพิเศษใดๆ สำหรับบุคคลที่กำลังต่อสู้กันอยู่อีกได้ และทั้งนี้ฉันตระหนักแน่อยู่ด้วยว่า ฉันจะต้องมีความพอใจในสิทธิน้อยที่สุด เท่าที่ฉันหาได้จากเจ้าของโรงงานทั้งหลาย และนั่นฉันจะหาได้ก็เพราะพวกกรรมกรดำเนินตามปฏิญาณของตนทุกข้อ การปฏิญาณตนของฉันมีทั้งส่วนดีและส่วนชั่ว ไม่มีการกระทำของมนุษย์ที่ปราศจากเสียซึ่งมลทินทุกประการ การกระทำของฉันก็เป็นเช่นนั้น มีมลทินเจือปนอยู่ด้วย แต่การประนีประนอมกับเจ้าของโรงงานผู้มีเสรีภาพมากยิ่งกว่ากรรมกรที่ไร้เกียรติยศด้วยอาศัยการปฏิญาณตนของฉันเป็นกรณีนั้น ดีกว่าที่จะให้คนรุ่นหลังๆ ล่วงติฉันได้ว่า คนนับจำนวนหมื่นๆ ได้พลาดจากคำปฏิญาณของตนที่เขารักษามาแล้วในนามของพระเจ้ากว่า ๒๐ วัน ฉันเชื่อแน่แก่ใจว่า บุคคลจำพวกใดที่ต้องการตั้งตัวเป็นชาติ และใคร่จะทำงานออกหน้าออกตาเป็นชิ้นเป็นอันจริง บุคคลจำพวกนั้น จะต้องมีความซื่อตรงแนบแน่นอย่างแน่วแน่ ทั้งสากลโลกก็ยอมรับว่า บุคคลจำพวกนั้นตั้งมั่นอยู่ในคำพูดคำปฏิญาณของตนเสมอ จึงจะตั้งตัวเป็นผู้นำหรือผู้แทนหรือเป็นชาติได้”

การอดอาหารของท่านคานธีคราวนี้ เป็นเหตุให้พวกกรรมกรที่กลับเข้าไปทำงานรู้สึกละอายใจตนเองกันมาก ทั้งทำให้พวกที่ยังหยุดงานอยู่ เกิดมีมานะคะคานในคำปฏิญาณของตนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ในที่สุดหลังจากเวลานั้นมาประมาณหนึ่งเดือน การประนีประนอมระหว่างเจ้าของโรงงานกับพวกกรรมกร ได้เกิดเป็นผลสำเร็จขึ้น โดยทำให้ทั้ง ๒ ฝ่ายมีความพอใจอย่างยิ่ง ใช่แต่เท่านั้น การหยุดงานในอาหัมมทาวาทคราวนี้ โดยประกอบด้วยการยื่นมือของท่านคานธีสนับสนุน ทำให้ฐานะการครองชีพของพวกกรรมกรทั่วอินเดียดีขึ้นกว่าเดิมเป็นเอนกนัย

ที่มา: สวามี  สัตยานันทปุรี