การแข่งม้าในเมืองไทยมีเมื่อไร

Socail Like & Share

ทีนี้เรามาพูดถึงเรื่องม้าธรรมดากันต่อไปดีกว่า เรื่องของม้านอกจากจะมีไว้ขับขี่และลากรถแล้ว หลายประเทศยังเลี้ยงม้าไว้แข่งกันด้วย กีฬาม้าแข่งนับเป็นกีฬาพระราชาทีเดียว แต่สมัยนี้คนธรรมดาก็เข้าไปเล่นการพนันม้าแข่งการแข่งม้ากันมาก เลยถูกม้าล้วงกระเป๋าเอาหน้าแห้งไปตามๆ กัน ก็บอกแล้วว่านั่นเป็นกีฬาของพระราชาหรือของคนชั้นสูง ซึ่งมีเงินทองมากเขาเล่นกัน คนจนๆ หรือเบี้ยน้อยหอยน้อยเข้าไปเล่น ก็ต้องเดือดร้อนเป็นธรรมดา

การเล่นม้าแข่งมีแพร่หลายไปทั่วโลก ว่ากันว่าชาวฝรั่งเศสนิยมการแข่งม้ากันมากในคริสต์ศตวรรษที่ ๙ พระเจ้าริชาร์ดที่ ๒ ของอังกฤษ ได้ทรงโปรดปรานการขี่ม้ามาก และได้วางกำหนดกฎเกณฑ์ในการแข่งม้าขึ้นไว้ด้วย

สำหรับการแข่งม้าในเมืองไทยเรานั้น เพิ่งมีขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐ คราวเสด็จพระราชดำเนินกลับจากทวีปยุโรป ในครั้งนั้นทางราชการจัดให้มีการเฉลิมฉลอง มีการเล่นหลายอย่าง โดยเฉพาะ “สโมสรน้ำเค็มศึกษา” ได้จัดให้มีการแข่งม้าถวาย โดยใช้บริเวณสนามหลวงส่วนหนึ่งเป็นสนามม้าชั่วคราว หลังจากนั้นอีกสองสามปีมีคนไทยและฝรั่งร่วมมือกันจัดตั้งสนามม้าขึ้นที่ตำบลสระปทุม โดยขอพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวของพระราชทานเช่าที่ตำบลนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าความมุ่งหมายที่จะบำรุงพันธุ์ม้าให้ใหญ่โตแข็งแรงเป็นประโยชน์แก่ราชการทหารด้วย จึงได้ทรงอนุญาตให้เช่าที่พอเป็นพิธีปีละเฟื้อง และสนามแห่งนี้ก็กลายเป็นราชกรีฑาสโมสรในปัจจุบัน

ส่วนสนามแห่งที่สองนั้น คือสนามม้านางเลิ้ง ผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีก่อตั้งสนามม้าแห่งนี้ขึ้นก็คือพระยาปรดิพัทธภูบาลและพระยาอรรถการประสิทธิ์  โดยขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ และได้พระราชทานนามสาคมซึ่งตั้งขึ้นนั้นว่า “ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย” ซึ่งยังคงอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ นับตั้งแต่นั้นมาสนามม้าแข่งก็ได้แพร่หลายไปยังต่างจังหวัดอีกหลายจังหวัด

กีฬาม้าแข่งเป็นของดีหรือไม่  ข้อนี้ถ้าเราจะคิดว่าการตั้งสนามม้าแข่งเป็นการส่งเสริมให้เราบำรุงพันธุ์ม้าให้ดียิ่งขึ้นแล้ว ก็เป็นของที่น่าส่งเสริม แต่เมื่อคำนึงถึงว่าการแข่งม้าทุกวันนี้หาใช่เป็นกีฬาไม่ แต่กลายเป็นการพนันชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้คนหายนะมามากต่อมากแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าสนับสนุนให้มีขึ้นอีก แล้วแต่ความมุ่งหมายที่จะทำ

ในหนังสือปฐมสมโพธิกถา ได้กล่าวถึงม้ากัณฐกะว่ายาวถึง ๑๘ ศอก บางท่านอาจจะนึกว่าเกินความจริง แต่ม้าชื่อ ดร.เลอเกีย เป็นม้าขนาด ๒๑ แฮนด์ คือสูงได้ ๗ ฟุต มีน้ำหนัก ๒,๙๙๕ ปอนด์ วัดจากปลายจมูกถึงหางได้ ๑๖ ฟุต ก็เกือบจะเท่ากับพญาม้ากัณฐกะนั่นแหละ ม้าตัวนี้เป็นม้าที่เกิดและตายที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซุรี สหรัฐอเมริกา ระหว่างปี ค.ศ. ๑๙๐๒-๑๙๑๙

ทีนี้ม้าตัวเล็กที่สุดจะเท่าไร นายสมิธ  แมคคอย ชาวนารัฐเวอร์ยิเนียตะวันตก ทางภาคตะวันออกของอเมริกา ได้เลี้ยงม้าพันธุ์เชทแลนด์ตัวที่เล็กที่สุดมีความสูงเพียง ๑๗ นิ้ว เท่านั้น

ว่ากันว่าม้าตัวแรกและพันธุ์แรกของโลกนั้น คือพันธุ์ อีโอชีพพัส มีขนาดใหญ่เท่าสุนัขจิ้งจอกสูง ๙ นิ้ว ยาว ๑๘ นิ้ว เท้าหน้าทีนิ้วเป็นกีบ ๔ กีบ ส่วนเท้าหลังมี ๓ กีบ แต่ม้าพวกนี้มีชีวิตอยู่เมื่อ ๖๕ ล้านปีก่อนโน้น

ที่มา:วิชาภรณ์  แสงมณี